หลังจากลุกขึ้นและล้างหน้าล้างตา ไคลน์ไม่รีบร้อนเปิดประตูห้องออกไป แต่เลือกจะถอยหลังสี่ก้าวเพื่อส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกสีเทา
จากนั้นก็เสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขึ้นมาสวดวิงวอนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“มิสเตอร์ฟูลผู้หญิงใหญ่ กรุณาส่งข้อความไปถึงเดนิส… ผมต้องการให้เขาบอกข้อมูลเกี่ยวกับไบลัมตะวันตก ถ้ามีเครือข่ายหรือเส้นสายให้ติดต่อด้วยจะดีมาก… นอกจากนั้น บอกให้เขาระวังคนของโบสถ์รัตติกาลให้ดี”
…
บนฝันทองคำ เดนิสที่ได้เห็นแสงอาทิตย์ก่อนเบ็คลันด์ กำลังนั่งในมุมมืด หลีกเลี่ยงการถูกแผดเผาโดยความร้อน
อีกสิบห้านาทีจะถึงคาบเรียน… กัปตันบอกว่านักล่าสมบัติที่ดีควรต้องเก่งคณิตศาสตร์… เฮ่อ ฟังดูน่าปวดหัวชะมัด แต่ขณะเดียวกันก็น่าสนใจ… แม่เย็*! เดนิสใช้มือข้างหนึ่งวางบนเข่า อีกข้างกระดกเบียร์
ทันใดนั้น สายหมอกสีเทาสุดลูกหูลูกตาพลันปกคลุมทัศนียภาพ เดนิสมองเห็นร่างของบุคคลที่กำลังมองทุกสิ่งลงมาจากด้านบนอย่างองอาจ ตามด้วยเสียงสวดวิงวอนของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
ข้อมูลของไบลัมตะวันตก? แม้เราจะเคยแวะไปตามหาสมบัติโบราณและมีโอกาสได้รู้จักชนพื้นเมืองสองสามเผ่า แต่ก็ไม่มากไปน้อยไปกว่านั้น…. เฮ่อ ต้องเสียเวลาไปสำรวจให้อีกแล้ว? ทำไมถึงชอบเข้าไปพัวพันกับเรื่องยากๆ นัก! เดนิสบนในใจพลางเหลียวซ้ายแลขวา กังวลว่านักผจญภัยเสียสติจะโผล่ออกมาจากความมืด
หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกเชื่องช้า มันพบว่าตนต้องทำงานหนักเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น จะได้ไม่เป็นภาระในยามที่กัปตันเผชิญหน้ากับอันตราย เดนิสตบหน้าตัวเองหลายฉาดด้วยมือข้างที่ว่างอยู่ ก่อนจะพยุงตัวลุกยืน
มันเดินออกจากมุมมืดและมองหา ‘กายาเหล็ก’ กับ ‘ถังไม้’ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับไบลัมตะวันตก รวมถึงถามว่าใครพอจะมีเส้นสายที่สามารถติดต่อได้ที่นั่น เดนิสได้รับคำตอบในทำนองเดียวกันจากทั้งสองคน
“กัปตันเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด หรือไม่ก็แอนเดอร์สัน·ฮู้ดที่เคยมาร่วมงานเลี้ยงกองไฟ”
ถ้าถามกัปตันตรงๆ เธอต้องสงสัยแน่ว่าเราแอบทำงานให้องค์กรลับอื่น… แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าแอนเดอร์สันอยู่ที่ไหน… แม่เย็*! เดนิสตัดสินใจไม่ถูก ทำได้เพียงย้อนกลับมาครุ่นคิดเกี่ยวกับคำเตือนจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“ระวังคนจากโบสถ์รัตติกาลให้ดี!”
เดนิสไม่ได้โง่ มันทราบว่าควรใส่ใจคำเตือนของนักผจญภัยเสียสติให้มาก ดังนั้นจึงหมายความว่า ตอนนี้ตนน่าจะตกเป็นเป้าการถูกไล่ล่าจากโบสถ์รัตติกาลเต็มตัว ถูกหมายหัวจากถุงมือแดง!
นอกจากโบสถ์รัตติกาล โบสถ์วายุสลาตันและกองทัพเองก็กำลังส่งคนมาตามล่าเรา… เดนิสครุ่นคิดด้วยหัวใจสั่นคลอน
มันเผยสีหน้าขื่นขมพลางกระซิบกระซาบกับตัวเอง
“แต่เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ…”
…
หลังจากถ่ายทอดคำพูดเกี่ยวกับไบลัมตะวันตกให้ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียา ไคลน์ออกจากมิติเหนือสายหมอก กลับมายังโลกความจริงและทำตามกิจวัตรประจำวัน ลงไปกินอาหารเช้าและเข้าเรียนคาบสอนพิเศษ
หลังตื่นจากงีบในช่วงบ่าย ชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดสุภาพโดยมีบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันคอยช่วยเหลือ เดินลงไปขึ้นรถม้าที่จอดรอหน้าประตู
“ไปวิหารนักบุญแซมมวล” ไคลน์เอนหลังพิงผนังพลางออกคำสั่ง
ชายหนุ่มคิดว่าตนควรรักษาเอกลักษณ์ของดอน·ดันเตสไว้ จึงเป็นการดีกว่าหากกิจวัตรของเศรษฐีลึกลับยังคงเดิม ความถี่ในการแวะไปเยี่ยมวิหารและการบริจาคต้องไม่ลดลง
นอกจากนั้น การทำเช่นนี้ยังช่วยขจัดความสงสัยที่ทุกคนมีต่อดอน·ดันเตส เพราะท้ายที่สุดแล้ว คงไม่มีใครคิดว่า ‘คนร้าย’ ที่ลักลอบเข้าไปในประตูยานิส นอกจากจะไม่หลบหนี แต่ยังย้อนกลับสวดมนต์ที่วิหารอีกครั้งอย่างสบายใจ… ต้องขอบคุณจักรพรรดิโรซายล์ที่มิได้คัดลอกนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อดังบางเรื่อง ขอบคุณที่ไม่เขียนให้คนร้ายมีไอคิวสูงและชอบกลับมายังจุดเกิดเหตุเพื่อชื่นชมผลงานตัวเองพลางเฝ้ามองสีหน้าแสนสิ้นหวังของผู้คน… ไคลน์รำพันเงียบ รับชาดำที่ริชาร์ดสันส่งให้ขึ้นมาจิบ
หลังจากทำให้ลำคอชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มชำเลืองไปทางบุรุษรับใช้ ซักถามโดยไม่มองหน้า
“ความประทับใจที่มีต่อไบลัมตะวันตกคืออะไร”
ริชาร์ดสันด้านข้างมิได้ถามถึงเหตุผล เพียงครุ่นคิดและมอบคำตอบ
“ไบลัมตะวันออกปลอดภัยกว่า… ตะวันตกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย”
ตอบเสร็จ ริชาร์ดสันหันไปมองนายจ้างและพบว่า เศรษฐีรายนี้กำลังเอนหลังพิงพนักพลางหลับตาลงครึ่งหนึ่ง นัยว่าให้ตนเล่าต่อ
ริชาร์ดสันเกาหูพลางเรียบเรียงคำพูด
“นอกจากนั้น ความยากจน ความหิว และการทุบตีสามารถพบเห็นได้ทั่วไป… ต้องไม่ลืมว่า ชาวไบลัมดั้งเดิมเคยนับถือเทพมรณา จนกระทั่งในภายหลังมีการเผยแผ่ศาสนาจากสุริยันเจิดจรัส วายุสลาตัน และเทพธิดารัตติกาล ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด บางคนได้รับการคุ้มครองจากศาสนจักร บางคนมีสถานะทางสังคมสูงขึ้น ส่งผลให้หลายต่อหลายคนตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา… ทว่า เมื่อจำนวนของผู้เปลี่ยนศาสนาเพิ่มขึ้น สถานะทางสังคมที่เคยพิเศษก็ไม่พิเศษอีกต่อไป หลายคนจึงแอบกลับไปนับถือเทพมรณาตามเดิม… สถานการณ์แบบนี้เข้าทางกลุ่มต่อต้านในไบลัมตะวันตก เพราะยิ่งความวุ่นวายเพิ่มมากเท่าใด ลูกหลานของเทพมรณาก็ยิ่งได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า… นี่คือสิ่งที่พ่อของผมมักเล่าให้ฟังตอนเมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ