ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 854

สรุปบท ราชันเร้นลับ 854 : คำสารภาพ: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 854 : คำสารภาพ – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บท ราชันเร้นลับ 854 : คำสารภาพ ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ราชันเร้นลับ 854 : คำสารภาพ
เช้าตรู่ ณ บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน

หลังจากลุกขึ้นและล้างหน้าล้างตา ไคลน์ไม่รีบร้อนเปิดประตูห้องออกไป แต่เลือกจะถอยหลังสี่ก้าวเพื่อส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกสีเทา

จากนั้นก็เสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขึ้นมาสวดวิงวอนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“มิสเตอร์ฟูลผู้หญิงใหญ่ กรุณาส่งข้อความไปถึงเดนิส… ผมต้องการให้เขาบอกข้อมูลเกี่ยวกับไบลัมตะวันตก ถ้ามีเครือข่ายหรือเส้นสายให้ติดต่อด้วยจะดีมาก… นอกจากนั้น บอกให้เขาระวังคนของโบสถ์รัตติกาลให้ดี”

บนฝันทองคำ เดนิสที่ได้เห็นแสงอาทิตย์ก่อนเบ็คลันด์ กำลังนั่งในมุมมืด หลีกเลี่ยงการถูกแผดเผาโดยความร้อน

อีกสิบห้านาทีจะถึงคาบเรียน… กัปตันบอกว่านักล่าสมบัติที่ดีควรต้องเก่งคณิตศาสตร์… เฮ่อ ฟังดูน่าปวดหัวชะมัด แต่ขณะเดียวกันก็น่าสนใจ… แม่เย็*! เดนิสใช้มือข้างหนึ่งวางบนเข่า อีกข้างกระดกเบียร์

ทันใดนั้น สายหมอกสีเทาสุดลูกหูลูกตาพลันปกคลุมทัศนียภาพ เดนิสมองเห็นร่างของบุคคลที่กำลังมองทุกสิ่งลงมาจากด้านบนอย่างองอาจ ตามด้วยเสียงสวดวิงวอนของเกอร์มัน·สแปร์โรว์

ข้อมูลของไบลัมตะวันตก? แม้เราจะเคยแวะไปตามหาสมบัติโบราณและมีโอกาสได้รู้จักชนพื้นเมืองสองสามเผ่า แต่ก็ไม่มากไปน้อยไปกว่านั้น…. เฮ่อ ต้องเสียเวลาไปสำรวจให้อีกแล้ว? ทำไมถึงชอบเข้าไปพัวพันกับเรื่องยากๆ นัก! เดนิสบนในใจพลางเหลียวซ้ายแลขวา กังวลว่านักผจญภัยเสียสติจะโผล่ออกมาจากความมืด

หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกเชื่องช้า มันพบว่าตนต้องทำงานหนักเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น จะได้ไม่เป็นภาระในยามที่กัปตันเผชิญหน้ากับอันตราย เดนิสตบหน้าตัวเองหลายฉาดด้วยมือข้างที่ว่างอยู่ ก่อนจะพยุงตัวลุกยืน

มันเดินออกจากมุมมืดและมองหา ‘กายาเหล็ก’ กับ ‘ถังไม้’ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับไบลัมตะวันตก รวมถึงถามว่าใครพอจะมีเส้นสายที่สามารถติดต่อได้ที่นั่น เดนิสได้รับคำตอบในทำนองเดียวกันจากทั้งสองคน

“กัปตันเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด หรือไม่ก็แอนเดอร์สัน·ฮู้ดที่เคยมาร่วมงานเลี้ยงกองไฟ”

ถ้าถามกัปตันตรงๆ เธอต้องสงสัยแน่ว่าเราแอบทำงานให้องค์กรลับอื่น… แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าแอนเดอร์สันอยู่ที่ไหน… แม่เย็*! เดนิสตัดสินใจไม่ถูก ทำได้เพียงย้อนกลับมาครุ่นคิดเกี่ยวกับคำเตือนจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“ระวังคนจากโบสถ์รัตติกาลให้ดี!”

เดนิสไม่ได้โง่ มันทราบว่าควรใส่ใจคำเตือนของนักผจญภัยเสียสติให้มาก ดังนั้นจึงหมายความว่า ตอนนี้ตนน่าจะตกเป็นเป้าการถูกไล่ล่าจากโบสถ์รัตติกาลเต็มตัว ถูกหมายหัวจากถุงมือแดง!

นอกจากโบสถ์รัตติกาล โบสถ์วายุสลาตันและกองทัพเองก็กำลังส่งคนมาตามล่าเรา… เดนิสครุ่นคิดด้วยหัวใจสั่นคลอน

มันเผยสีหน้าขื่นขมพลางกระซิบกระซาบกับตัวเอง

“แต่เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ…”

หลังจากถ่ายทอดคำพูดเกี่ยวกับไบลัมตะวันตกให้ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียา ไคลน์ออกจากมิติเหนือสายหมอก กลับมายังโลกความจริงและทำตามกิจวัตรประจำวัน ลงไปกินอาหารเช้าและเข้าเรียนคาบสอนพิเศษ

หลังตื่นจากงีบในช่วงบ่าย ชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดสุภาพโดยมีบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันคอยช่วยเหลือ เดินลงไปขึ้นรถม้าที่จอดรอหน้าประตู

“ไปวิหารนักบุญแซมมวล” ไคลน์เอนหลังพิงผนังพลางออกคำสั่ง

ชายหนุ่มคิดว่าตนควรรักษาเอกลักษณ์ของดอน·ดันเตสไว้ จึงเป็นการดีกว่าหากกิจวัตรของเศรษฐีลึกลับยังคงเดิม ความถี่ในการแวะไปเยี่ยมวิหารและการบริจาคต้องไม่ลดลง

นอกจากนั้น การทำเช่นนี้ยังช่วยขจัดความสงสัยที่ทุกคนมีต่อดอน·ดันเตส เพราะท้ายที่สุดแล้ว คงไม่มีใครคิดว่า ‘คนร้าย’ ที่ลักลอบเข้าไปในประตูยานิส นอกจากจะไม่หลบหนี แต่ยังย้อนกลับสวดมนต์ที่วิหารอีกครั้งอย่างสบายใจ… ต้องขอบคุณจักรพรรดิโรซายล์ที่มิได้คัดลอกนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อดังบางเรื่อง ขอบคุณที่ไม่เขียนให้คนร้ายมีไอคิวสูงและชอบกลับมายังจุดเกิดเหตุเพื่อชื่นชมผลงานตัวเองพลางเฝ้ามองสีหน้าแสนสิ้นหวังของผู้คน… ไคลน์รำพันเงียบ รับชาดำที่ริชาร์ดสันส่งให้ขึ้นมาจิบ

หลังจากทำให้ลำคอชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มชำเลืองไปทางบุรุษรับใช้ ซักถามโดยไม่มองหน้า

“ความประทับใจที่มีต่อไบลัมตะวันตกคืออะไร”

ริชาร์ดสันด้านข้างมิได้ถามถึงเหตุผล เพียงครุ่นคิดและมอบคำตอบ

“ไบลัมตะวันออกปลอดภัยกว่า… ตะวันตกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย”

ตอบเสร็จ ริชาร์ดสันหันไปมองนายจ้างและพบว่า เศรษฐีรายนี้กำลังเอนหลังพิงพนักพลางหลับตาลงครึ่งหนึ่ง นัยว่าให้ตนเล่าต่อ

ริชาร์ดสันเกาหูพลางเรียบเรียงคำพูด

“นอกจากนั้น ความยากจน ความหิว และการทุบตีสามารถพบเห็นได้ทั่วไป… ต้องไม่ลืมว่า ชาวไบลัมดั้งเดิมเคยนับถือเทพมรณา จนกระทั่งในภายหลังมีการเผยแผ่ศาสนาจากสุริยันเจิดจรัส วายุสลาตัน และเทพธิดารัตติกาล ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด บางคนได้รับการคุ้มครองจากศาสนจักร บางคนมีสถานะทางสังคมสูงขึ้น ส่งผลให้หลายต่อหลายคนตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา… ทว่า เมื่อจำนวนของผู้เปลี่ยนศาสนาเพิ่มขึ้น สถานะทางสังคมที่เคยพิเศษก็ไม่พิเศษอีกต่อไป หลายคนจึงแอบกลับไปนับถือเทพมรณาตามเดิม… สถานการณ์แบบนี้เข้าทางกลุ่มต่อต้านในไบลัมตะวันตก เพราะยิ่งความวุ่นวายเพิ่มมากเท่าใด ลูกหลานของเทพมรณาก็ยิ่งได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า… นี่คือสิ่งที่พ่อของผมมักเล่าให้ฟังตอนเมา”

บิชอปหลังไม้แผ่นกระดานเริ่มมอบคำตอบด้วยเสียงแผ่ว

“อย่าได้กังวล อย่าได้สั่นคลอน มนุษย์ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับความโลภเล็กๆ ที่ก่อตัวภายในใจ ขอเพียงไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ ขอเพียงไม่ทำในสิ่งที่ขัดต่อพระคัมภีร์… จงทำตามหัวใจตัวเอง จงเลือกสิ่งที่หัวใจเรียกร้องมากที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น มนุษย์จึงจะได้ซึมซับคำสอนและความหมายอย่างแท้จริงที่ซ่อนอยู่… อย่าได้ละอายใจ จงจำไว้ว่า ทุกการสารภาพอย่างซื่อตรงและจริงใจคือสิ่งที่น่ายกย่องเสมอ ควรค่าแก่การได้รับการอภัย… ขอให้พระองค์อวยพร”

“เทพธิดาจงเจริญ!” ไคลน์วาดดวงจันทร์สีแดงบนหน้าอกอีกครั้ง

อีกหนึ่งจุดประสงค์ที่เดินทางมายังวิหารนักบุญแซมมวลในวันนี้ ชายหนุ่มคิดจะใช้การสารภาพบาปเพื่อบอกกับทางโบสถ์ว่าตนเตรียมเข้าไปพัวพันกับธุรกิจค้าอาวุธเถื่อน เพื่อดูว่าทางโบสถ์มีท่าทีเช่นไร และนั่นจะสะท้อนทัศนคติที่เทพธิดารัตติกาลมีต่อตน

โดยไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม ไคลน์บรรจงลุกขึ้น เดินออกจากห้องสารภาพบาป ตรงมาถึงทางเดินที่มีริชาร์ดสันรออยู่

ทันใดนั้น ชายหนุ่มเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังนั่งตรงมุมห้องโถง อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมยาวสีดำแบบมีผ้าคลุมหัว รอบดวงตาและโหนกแก้มถูกทาด้วยสีฟ้า มอบความงดงามอย่างแปลกประหลาด ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘ผู้สื่อวิญญาณ’ ดาลีย์·ซิโมเน่

ดาลีย์เงยหน้าขึ้นและเห็นดอน·ดันเตสเช่นกัน แววตาของเธอชะงักเล็กน้อยราวกับเหม่อลอยกะทันหันขณะสวดมนต์

ไคลน์พยักหน้ารับเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะรับหมวกจากบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันและเดินออกจากโถงสวดมนต์ด้วยย่างก้าวปรกติ

ดาลีย์ถอนสายตากลับ มองไปยังพนักเก้าอี้ด้านหน้าก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง

หลังเดินออกจากวิหาร ไคลน์ชะงักสองสามวินาทีขณะกำลังก้าวลงขั้นบันได

ณ จัตุรัสตรงหน้า นกพิราบขาวทั้งหมดบินขึ้นพร้อมกับ บดบังทัศนียภาพส่วนใหญ่ทันที

ไม่ถึงสามสิบนาทีถัดมา เลียวนาร์ดที่อยู่ในชั้นใต้ดิน ได้ยินว่าดอน·ดันเตสซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย มีแผนจะร่วมมือกับนายทหารบางคนเพื่อทำธุรกิจค้าอาวุธเถื่อนในไบลัมตะวันตก

เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? เลียวนาร์ดขมวดคิ้ว ยิ่งครุ่นคิดก็ยิ่งพบว่าตนไม่เข้าใจสัตว์ประหลาดอายุยืนตนนี้เลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ