“นายท่าน เมื่อครู่มีคนมาส่งนามบัตร เขากล่าวว่านายจ้างของตนจะแวะเข้ามาเยี่ยมในช่วงสี่ถึงห้าโมงเย็น” วอลเตอร์ตอบสุขุม
ไคลน์พยายามวิเคราะห์ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร แต่ก็ไม่พบเบาะแส จึงทำได้เพียงพยักหน้า
“นายจ้างของเขาเป็นใคร?”
วอลเตอร์ชำเลืองไปรอบๆ เมื่อพบว่ากลุ่มคนรับใช้อยู่ค่อนข้างห่างออกไปจึงลดเสียงลง
“บารอนซินดราส”
บารอนซินดราส… มหาเศรษฐีที่ได้รับบรรดาศักดิ์จากความช่วยเหลือของพรรคอนุรักษนิยมและดยุคนีแกน นายธนาคารและเจ้าของธุรกิจคนดังของอาณาจักรโลเอ็น? เราเคยช่วยมาดามแมรี่ซื้อหุ้นของบริษัทโคอิม และดูเหมือนว่าคู่แข่งจะเป็นเขา… ถึงกับมาเยี่ยมเราด้วยเรื่องแค่นี้? กับแค่เงินหนึ่งหมื่นสามพันปอนด์เนี่ยนะ? ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด… ไคลน์ผุดคำถามมากมายขณะเดินขึ้นไปยังชั้นสอง
วอลเตอร์ที่เดินตามมาครึ่งก้าว กล่าวเสริม
“นายท่าน หากคุณไม่ต้องการพบบารอนซินดราส ผมสามารถแจ้งกับเขาได้ว่า คุณกำลังฟังเทศน์จากบิชอปของวิหารนักบุญแซมมวล อาจใช้เวลานานมากกว่าจะกลับ”
ความนัยแฝงก็คือ บารอนซินดราสเป็นสาวกโบสถ์วายุสลาตัน คงไม่แวะเข้าไปตามหาคนในวิหารนักบุญแซมมวล
ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก เผยรอยยิ้มมุมปากพลางกล่าว
“เขาคือขุนนางที่มีอิทธิพลอย่างมากในวงการธนาคาร ในอนาคตอาจต้องทำธุรกิจร่วมกัน ผมยินดีพบเขาอยู่แล้ว… เอาเป็น… ไว้เขามาถึง พาขึ้นไปยังห้องรับแขกเล็กๆ บนทั้งสองที่มองเห็นแสงอาทิตย์ตกดิน”
เท่าที่ไคลน์ทราบ บารอนซินดราสคือผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสามของธนาคารเบ็คลันด์ และเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดของธนาคารนันวีลล์ สำหรับวงการธนาคารในอาณาจักรโลเอ็น ชายคนนี้มีอิทธิพลกว้างขวางมาก
“ครับ นายท่าน” วอลเตอร์ไม่ซักไซ้
สี่โมงสิบนาที ไคลน์ได้พบกับแขกที่มักปรากฏตัวบนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง ภายในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า
สิ่งเดียวที่แตกต่างจากความคาดหวังก็คือ หลังบ่ายสามโมงเย็น เมฆบนท้องฟ้ากรุงเบ็คลันด์เริ่มจับตัวหนาพร้อมกับโปรยปรายสายฝนลงมา ปราศจากแสงแดดยามเย็นแสนอบอุ่น
บารอนซินดราสมีรูปลักษณ์ตรงตามที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกประการ ผมสีดำแซมขาวถูกหวีเรียบไปด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าผากกว้างและไรผมเล็กๆ
โครงหน้ากลมแต่ขาดมวลเนื้อ โหนกแก้มค่อนข้างสูง มีริ้วรอยประปรายหลายจุด
แตกต่างจากชาวโลเอ็นในวัยเดียวกัน บารอนซินดราสไม่ไว้หนวดเครา โกนจนเกลี้ยงเกลา ดวงตาสีฟ้าซีดจนแทบไม่เห็นสี
รอบตัวมีบุรุษรับใช้และบอดี้การ์ดที่หน้าตาธรรมดาจำนวนหนึ่ง คนที่โดดเด่นที่สุดมีผมค่อนข้างบาง รองลงมาเป็นคนที่โกนหัวแต่ไว้เคราดกตั้งแต่ใบหูจนถึงคาง
“ทิวาสวัสดิ์ บารอนซินดราส เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คนอย่างคุณมาเป็นแขกของบ้านหลังนี้” ไคลน์นำมือทาบอกและโค้งทักทาย
ตามปรกติ เจ้าของบ้านต้องโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับเหยียดแขนออกไปขอจับมือทักทาย แต่กับสถานการณ์ปัจจุบัน อีกฝ่ายเป็นขุนนาง จำเป็นต้องสุภาพกว่าปรกติ
บารอนซินดราสพยักหน้ารับ ยิ้มพลางทักทาย
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ผมควรแวะมาหาคุณนานแล้ว ดอน·ดันเตส สุภาพบุรุษมากประสบการณ์และเชี่ยวชาญทวีปใต้”
หลังจากทักทายตามมารยาทจบ คนทั้งสองแยกกันนั่งโดยมีบุรุษรับใช้และบอดี้การ์ดยืนคุมเชิงด้านหลัง
ขณะไคลน์เตรียมกล่าว บารอนซินดราสเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“ดันเตส ผมชื่นชมคนอย่างคุณมาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะไขว่คว้าความมั่งคั่งจากทวีปใต้อันแสนวุ่นวายได้สำเร็จ จำเป็นต้องมีความกล้าที่มากเพียงพอ ความกล้าที่จะเผชิญกับความยากลำบาก รวมถึงต้องมีการตัดสินใจที่น่าทึ่ง… ในตอนที่ผมเผชิญหน้ากับสถานะบุคคลล้มละลาย ผมอยากจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่บนทวีปใต้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีความกล้าหาญมากพอ”
แม้บารอนซินดราสจะเพิ่งได้รับบรรดาศักดิ์ขุนนาง แต่ต้นกำเนิดของมันก็มิได้เป็นสามัญชนยากไร้อะไรนัก ปู่ทวดและปู่ของมันอาศัยความเจริญของอาณานิคม ทำกำไรมหาศาลจากการค้าทางทะเล กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงบิดาของมันที่ลงทุนกับอุตสาหกรรมจนมีชื่อเสียงและโรงงานมากมาย
จนกระทั่งถึงรุ่นของมัน ซินดราสอาศัยมรดกจำนวนมหาศาลของครอบครัว บุกตลาดธนาคารที่กำลังเฟื่องฟูสุดขีด ผันตัวกลายเป็นมหาเศรษฐีรุ่นแรกๆ ของอาณาจักรโลเอ็น
ระหว่างนี้ บารอนซินดราสเผชิญความล้มเหลวสามครั้งใหญ่ๆ แต่ก็สามารถผ่านพ้นมาได้ทั้งหมด จากบรรดาวิกฤติทั้งสาม เหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดคือภาวะธนาคารนันวีลล์ขาดความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง ส่งผลให้ธุรกิจเกือบล้มละลาย
เอาแต่พูดเรื่องประสบการณ์ในทวีปใต้ของเรา… หรือนี่จะเป็นการบอกใบ้ว่า เขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของเราและพยายามขู่? แต่คงคิดไม่ถึงว่านั่นเองก็เป็นประวัติปลอมเหมือนกัน เรื่องราวที่กุขึ้นบนทวีปใต้ล้วนเป็นความเท็จทั้งหมด… ไคลน์จิกกัดในใจ แต่ภายนอกยังคงหน้านิ่ง
“นั่นไม่ใช่ความกล้า แต่เรียกว่าบ้าบิ่น… ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปยังทวีปใต้ด้วยจิตวิญญาณของนักผจญภัย แต่นั่นยังไม่พอ”
โดยไม่รอให้บารอนซินดราสพูด ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวต่อ
“ผมเคยเกือบจ้างมิสเตอร์รีบัคเป็นพ่อบ้าน เขาเล่าว่าคุณเป็นนายจ้างที่ดีมาก”
บารอนซินดราสนั่งฟังอย่างเงียบงันสักพัก ตามด้วยถอนหายใจและกล่าว
“นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเสียใจ… ผมอยากจ้างรีบัค แต่เขามิอาจขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับตำแหน่งของตัวเอง”
กล่าวจบ บารอนซินดราสจ้องหน้าดอน·ดันเตส สุภาพบุรุษวัยกลางคนผู้หล่อเหลาและสง่างาม ก่อนจะรับชาดำจากสาวใช้มาจิบ
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นมิตรไมตรีต่อกันได้… หวังว่าคุณจะยอมขายหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโคอิมให้ผม… ทางนี้ยินดียื่นข้อเสนอที่คุณมิอาจปฏิเสธ”
นั่นปะไร… แต่เรากับมาดามแมรี่ทำสัญญากันแล้ว… ไคลน์เงียบงันสักพัก ถอนหายใจพลางยิ้มขื่นขม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ