หลังจากเปิดประตูเข้ามา ซิลทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นของทอดหอมกรุ่น ตามด้วยการมองเข้าไปในครัว
“ฟอร์ส?”
“ยังมีคนอื่นอีกหรือ?” ฟอร์สชะโงกหน้าออกจากครัว ถามกลับด้วยรอยยิ้ม
ซิลวางหนังสือพิมพ์ในมือ กึ่งตอบกึ่งบ่น
“เธอห่างหายจากการเข้าครัวไปนานแค่ไหนแล้ว? ไม่นับการใช้เครื่องปิ้งขนมปัง”
ฟอร์สกลับเข้าไปในครัว ส่งเสียงดังกลับมา
“ฉันชอบกินอาหารข้างนอกเพราะมันอร่อยกว่า แต่สำหรับตอนนี้ ในละแวกใกล้เคียงไม่มีไก่ทอดเจ้าไหนอร่อย… ฉันอยากจะกินมันให้ได้ จากบรรดาอาหารอินทิสทั้งหมด ฉันชอบเจ้านี่มากที่สุด!”
ซิลเดินตรงไปทางครัว หยุดยืนที่กรอบประตู ชะโงกหน้าดูฟอร์สกำลังเตรียมมื้อเย็น
“ฉันเพิ่งรับงานหนึ่งมา ค่าจ้างหนึ่งร้อยปอนด์ต่อวัน อาจต้องทำนานสามถึงห้าวัน และฉันต้องมีคนช่วย… เธอกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินไม่ใช่หรือ มาช่วยกันไหม?”
การเงินของเราดีขึ้นมากแล้วก็จริง แต่งานที่จ่ายหนักถึงห้าสิบปอนด์ต่อวันก็นับว่าไม่เลว… ถ้ามีโอกาสเก็บเงินก็ควรคว้าเอาไว้ ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตต้องใช้เงินทำอะไรบ้าง… ฟอร์สจ้องกระทะที่เต็มไปด้วยน้ำมัน ถามโดยไม่มองหน้า
“เป็นงานแบบไหน?”
เธอเริ่มคำนวณรายได้ในใจแล้ว
ซิลสางผมทองที่ค่อนข้างกระด้างพลางตอบ
“คอยคุ้มครองเศรษฐีที่ชื่อดอน·ดันเตสอย่างลับๆ”
“เขากำลังเผชิญกับอะไร? อันตรายไหม?” ฟอร์สถามด้วยความกังวล
ซิลครุ่นคิดเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าจะทะเลาะกันเรื่องธุรกิจ ฝ่ายตรงข้ามมีการข่มขู่เล็กน้อย… งานนี้ไม่ยากมาก ก็อย่างที่เธอทราบ ผู้วิเศษนอกกฎหมายในกรุงเบ็คลันด์ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้นจะตกเป็นเป้าของเหยี่ยวราตรีและทูตพิพากษา”
“อีกฝ่ายอาจมีพวกเสียสติอยู่ก็ได้ อย่าเพิ่งวางใจ” ฟอร์สโต้แย้งพลางนึกถึงวีรกรรมสุดโฉดของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้ชอบสร้างความโกลาหลในกรุงเบ็คลันด์!
หญิงสาวเว้นวรรค ตักไก่ทอดขึ้นจากกระทะและพูดต่อ
“แต่ในเมื่อเธอรับงานมาแล้ว และฉันกำลังว่าง… ตกลง เราจะทำงานนี้กัน… อีกอย่าง นี่เป็นงานลับ จะไม่มีใครรู้ว่าฉันแอบมาทำตัวเป็นบอดี้การ์ด ไม่อย่างนั้นคงเข้าสังคมวรรณกรรมลำบากแย่… หึหึ ไม่สิ ฉันอาจอ้างได้ว่า ที่รับทำงานบอดี้การ์ดก็เพราะต้องการลิ้มรสชาติของชีวิตและหาประสบการณ์ หรือไม่ก็หาวัตถุดิบสำหรับนิยายเรื่องถัดไป… น่าสนใจเหมือนกันนี่ เรื่องราวความรักระหว่างบอดี้การ์ดหญิงกับนายจ้างชาย!”
ซิลชินชากับนิสัยช่างจินตนาการของฟอร์ส หลังจากฟังจบ เธอหายใจเข้าออกมาและกล่าว
“กินมื้อเย็นเสร็จ พวกเราจะไปกันเลย”
…
บ้านเลขที่ 160 ถนนเบ็คลันด์ หลังจากตั้งแท่นบูชาประกอบพิธีกรรม ไคลน์ส่งตัวเองเข้ามิติเหนือสายหมอก
ชายหนุ่มคิดจะจัดการงานจิปาถะให้เสร็จก่อนที่บอดี้การ์ดของวอลเตอร์จะมาถึง เพราะนั่นจะทำให้ไม่สะดวกไปอีกหลายวัน
จากบรรดางานจิปาถะทั้งหมด เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการยืนยันสภาพปัจจุบันของยุบพองหิวโหย
เมื่อได้นั่งบนเก้าอี้เดอะฟูล ไคลน์เสกให้ถุงมือหนังมนุษย์ลอยออกจากกองขยะ
หลังจากทำนายยืนยันด้วยหลายวิธี ไคลน์พบว่าครั้งนี้ยุบพองหิวโหยค่อนข้างหัวแข็ง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงผลข้างเคียงด้านลบ
“เป็นเพราะผสานเข้ากับมิสเตอร์ A ที่ถูกกัดกร่อน มันจึงไม่ยอมแพ้การสรรเสริญพระผู้สร้างแท้จริง?” ไคลน์ยกมุมปากยิ้ม ขบคิดอย่างจริงจังว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไร
เปลี่ยนวิธีข่มขู่? ไม่สิ เรียกว่าข่มขู่คงไม่ถูกนัก พวกเราต้องทำงานร่วมกันอีกนาน เรียกว่าพูดคุยอย่างเป็นมิตรคงเหมาะกว่า… ไคลน์ใช้นิ้วเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวที่มีลวดลายเก่าแก่ พึมพำกับตัวเองแผ่วเบา
คงต้องเขียนจดหมายถึงมิสเตอร์อะซิก แจ้งกับเขาว่าผนึกของยุบพองหิวโหยคลายตัวออกแล้ว…
พกเห็ดติดตัวตลอดเวลา? คงไม่ดีแน่ แม้จะทำให้มันหยุดสรรเสริญพระผู้สร้างแท้จริง แต่ก็จะทำให้ใช้งานไม่ได้เช่นกัน… อา สงสัยคงต้องปรึกษากับแฟรงค์·ลี ให้เขาช่วยส่งเห็ดกลายพันธุ์ประเภทอื่นมาทดสอบหาความแตกต่าง…
เมื่อกำหนดเป้าหมายได้ ไคลน์โยนนกหวีดทองแดงของอะซิกและฮาร์โมนิก้านักผจญภัยเข้าไปใน ‘ประตูแห่งการสังเวยและรับมอบ’ ก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง เก็บสิ่งของเข้ากระเป๋าพร้อมกับทำลายร่องรอยพิธีกรรม
หลังออกจากห้องน้ำ ไคลน์เดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ นำกระดาษจดหมายและปากกาหมึกซึมออกมาวาง ตั้งใจเขียนเนื้อหาลงไป
“ถึงมิสเตอร์อะซิก… ผมไม่ได้เขียนจดหมายถึงคุณนานมาก ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณสบายดีไหม…”
“เนื่องด้วยสาเหตุบางประการ ผนึกที่คุณใช้กับยุบพองหิวโหยถูกคลายออกแล้ว… ช่วยสอนวิธีผนึกได้ไหม? ผมอยากผนึกมัน…”
“คุณเคยได้ยินชื่อของหัวขโมยโลกวิญญาณบ้างไหม? มันอยู่ระดับใดและอาศัยอยู่ที่ไหน? มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร?”
“ผมอาจได้ไปทวีปใต้ในเร็ววัน หากมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับเทพมรณา ผมจะเขียนจดหมายถึงคุณทันที”
หลังจากวางปากกาลงและอ่านทวนสองครั้ง ไคลน์หยิบนกหวีดทองแดงขึ้นมาจ่อริมฝีปากเป่า
กระดูกพุ่งขึ้นจากพื้นอย่างเงียบงันคล้ายน้ำพุ ก่อนจะเรียงตัวเป็นโครงกระดูกขนาดใหญ่สูงเกือบสี่เมตร
โครงกระดูกก้มมองหน้าดอน·ดันเตสสักพัก ก่อนจะโน้มตัวลงพร้อมกับเหยียดแขนขวา กางฝ่ามือออก
ผู้ส่งสารกระดูกเริ่มสุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ … ไคลน์พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ยื่นจดหมายที่เพิ่งเขียนเสร็จให้
ผู้ส่งสารโครงกระดูกไม่แช่อยู่นาน รีบสลายตัวคล้ายกับน้ำตก หายไปจากการมองเห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ