บทสนทนาของอีกฝ่ายยังคงดังกังวานในใจ ไคลน์เชื่อว่าการเข้าซื้อหุ้นบริษัทโคอิมของตนถูกใครบางคนวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น
สำหรับบารอนซินดราส แม้บริษัทโคอิมจะมีอนาคตสดใสและยังพัฒนาไปได้อีกไกล แต่มูลค่าปัจจุบันก็ถูกตีกรอบไว้แค่เบ็คลันด์ จึงยังไม่ดึงดูดสายตาบรรดานายธนาคารใหญ่รายอื่นมากนัก ไม่ถึงกับต้องแสดงท่าทีเอาจริงเอาจังเหมือนอย่างตน และอันที่จริง ถึงจะพลาดการครอบครองหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับบารอนซินดราสก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป อย่างมากก็แค่กำไรลดลงเล็กน้อย
สำหรับผู้ขายอย่างคารอน ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากภายนอก เป็นเรื่องธรรมดาที่จะตัดสินใจขายหุ้นออกไป และเป็นเรื่องปรกติที่จะเกิดความลังเล ไม่อยากขายให้นักธุรกิจผู้เป็น ‘กระเป๋าสตางค์’ ของพรรคอนุรักษนิยม แต่ปัญหาคือ ในการซื้อขายที่ไม่สำคัญมากเช่นนี้ คารอนควรพิจารณาการขายให้กลุ่มทุนของนักการเมือง ไม่ใช่รีบขายให้นักธุรกิจอิสระแบบเราโดยไม่รอข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธของอีกฝ่าย เพราะเหนือสิ่งอื่นใด สิทธิประโยชน์ที่จะตามมาภายหลังนั้นสูงกว่ามาก เว้นเสียแต่มันจะเกลียดชังพวกทุนนิยม หรือไม่ก็เกลียดชังพรรคอนุรักษนิยมเข้าไส้ แต่สถานภาพทางการเมืองในปัจจุบันโลเอ็น มิได้ร้ายแรงจนต้องเกิดความขัดแย้งระดับนี้
ดูเหมือนว่า มีใครบางคนสั่งให้บารอนซินดราสเข้าซื้อหุ้น… และคนคนเดียวกันก็ออกแบบกับดักขึ้นมา ใช้หุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของคารอนเป็นเหยื่อล่อ ใช้เราเป็นกำบังในการดึงบารอนซินดราสเข้ามาในเกมโดยหวังผลประโยชน์บางอย่าง… ไคลน์มองไปยังโคมไฟถนนยามค่ำคืน ถอนหายใจด้วยสีหน้าซับซ้อน
จากการคาดเดาของชายหนุ่ม หากตนไม่ฉุกคิดขึ้นมาได้และส่งคนไปแจ้งบารอนซินดราส เรื่องราวถัดมาจะลงเอยด้วยการที่ตนถูกจับขังคุกจากหลักฐานและพยานแวดล้อมที่แน่นหนา และเมื่อทางโบสถ์หรือกองทัพเริ่มเข้ามาแทรกแซง หลักฐานทั้งหมดจะถูกบิดเบือนให้ชี้นำไปหาบารอนซินดราสแทน
ระหว่างนั้น ไม่ใช่เรื่องยากที่บารอนซินดราสจะเข้าใจผิด คิดว่าดอน·ดันเตสสมรู้ร่วมคิดกับคนที่ลอบวางกับดักตน มีโอกาสสูงที่จะตอบสนองด้วยท่าทีรุนแรงและเกรี้ยวกราด ตอกตะปูปิดฝาโลงใส่ดอน·ดันเตสให้ตายไปพร้อมกัน
ส่วนใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร ไคลน์ยังหาคำตอบไม่ได้ ทราบเพียงว่า มาดามแมรี่น่าจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเองก็ถูกใช้ประโยชน์เนื่องจากไม่ต้องการสูญเสียอำนาจบริหารในบริษัทโคอิม หรือสรุปโดยสั้น เธอมีเหตุผลรองรับในการกระทำของตัวเองแน่นหนา ไม่เข้าข่ายผู้ต้องสงสัย
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม… พรรคหัวก้าวหน้า… พรรคอนุรักษนิยม… นายธนาคาร… ซื้อกิจการ… การใส่ร้าย… คำนามมากมายผุดขึ้นในใจไคลน์ทีละหนึ่ง ช่วยให้มันมองทะลุผ่านฉากหน้าอันแสนสงบสุขของกรุงเบ็คลันด์ จนกระทั่งเห็นกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกรากแสนอันตรายที่อยู่ลึกลงไป
สิ่งเหล่านี้มีอยู่มานานแล้ว และมิได้สงบลงเพียงเพราะโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน บางส่วนอาจขยายตัวรุนแรงขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เมื่อนำข้อมูลทั้งหมดปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ผนวกกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอาณาจักร คำคำหนึ่งผุดหนึ่งในใจไคลน์
“ปฏิวัติ!”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มได้กลิ่นของพายุที่กำลังก่อตัว
ถ้าพิจารณาถึงคำทำนายเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ไม่มีทางเดาได้เลยว่าโลกนี้มีความบ้าคลั่งกำลังก่อตัวเป็นพายุในเงามืดมากน้อยเพียงใด… เป้าหมายในปัจจุบันของเราคือการสืบหาความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน แต่ถ้าต้องถูกดูดเข้าไปพัวพันในพายุแห่งความโกลาหล เกรงว่าจะได้รับอันตรายโดยไม่จำเป็น แถมยังอาจถึงขั้นทำให้ลำดับพลังถูกเปิดโปงจนไม่สามารถใช้ตัวตนดอน·ดันเตสได้อีก… ไคลน์ถอนสายตากลับ ตัดสินใจกระทำบางสิ่ง
นั่นคือการนำตัวเองออกจากพายุโดยเร็ว!
สำหรับความปลอดภัยส่วนตัวของบารอนซินดราส ไคลน์ไม่กังวลมากนัก เหตุผลข้อแรก อีกฝ่ายมีพรรคอนุรักษนิยมคอยหนุนหลัง มีอำนาจในมือขนาดย่อม หลังจากถูกเตือนภัยล่วงหน้า มีโอกาสสูงที่จะเอาตัวรอดได้สบาย และเหตุผลข้อที่สอง ไคลน์กับซินดราสยังไม่สนิทกันขนาดนั้น ลำพังการช่วยแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีก็นับว่าเป็นประโยชน์มากแล้ว
ในส่วนคดีฆ่าตัวตายของคารอน ชายหนุ่มไม่มีสิทธิ์เข้าไปวุ่นวายกับการสอบสวน คงต้องเชื่อใจว่าเหยี่ยวราตรีมีความเชี่ยวชาญและฝีมือมากพอจะสืบสวนหาความจริงในทางลับ
เราจะออกจากตรงนี้ยังไง? ตราบใดที่ยังถือหุ้นสามเปอร์เซ็นต์อยู่ เราจะกลายเป็นศูนย์กลางเวทีอย่างเลี่ยงไม่ได้… บอกให้มาดามแมรี่รีบมาซื้อไป? คงยาก เธอไม่มีเงินสด… ขายให้บารอนซินดราสทันที? นั่นถือว่าผิดสัญญาที่ทำไว้… ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์ค่อยๆ มองเห็นทางออก
กล้ามเนื้อใบหน้าไคลน์บิดเบี้ยวเล็กน้อย ก่อนจะคลายออกในเวลาไม่นาน เนื่องจากสิ่งที่ชายหนุ่มคิดจะทำต่อไป คือความตั้งใจที่เคยมีมานานแล้วแต่ไม่สามารถกระทำได้ นอกจากนั้นยังจะช่วยให้เข้าสู่สังคมชนชั้นสูงได้ง่ายขึ้น
…
ภายในห้องติดกันซึ่งมีระเบียงใหญ่ ซิลและฟอร์สมองไปยังถนนและสวนภายในคฤหาสน์ สลับกับมองไปยังดวงจันทร์สีแดงบนท้องฟ้าที่เผยตัวเพียงครึ่งซีกท่ามกลางกลุ่มเมฆ ไม่มีใครกล่าวคำใดเป็นเวลานาน
จนกระทั่งแสงไฟในห้องดอน·ดันเตสดับลง ฟอร์สหันไปมองเพื่อนสนิท กล่าวอย่างตื่นเต้นเจือตัดพ้อ
“การเป็นเศรษฐีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย… ถ้าเธอเป็นเขา คงได้ล้มละลายภายในสามวันและถูกจับขังคุก”
ซิลชำเลืองเพื่อนสนิทพลางตอบโต้
“ฉันสามารถจ้างพ่อบ้านมือฉมัง นักกฎหมายที่เก่งกาจ และเลขานุการมากฝีมือคอยช่วยเหลือ”
ฟอร์สหยุดการหยอกเย้าเพื่อนสนิท มุมปากเผยรอยยิ้ม
“ถ้าเป็นฉัน… ฉันจะเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นเงินฝากธนาคารและพันธบัตรของอาณาจักร กินดอกเบี้ยสบายๆ ไปจนวันตาย”
ขณะกล่าว เธอเห็นซิลขมวดคิ้วพลางจ้องลงไปยังชั้นหนึ่งของบ้านกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น?” ฟอร์สเริ่มเครียด
ซิลเพ่งมองสองสามวินาทีก่อนจะตอบ
“สัมผัสวิญญาณบอกกับฉันว่า แถวนั้นมีสิ่งของที่เกี่ยวกับมนต์ดำ”
ลักษณะเด่นที่สำคัญของ ‘เจ้าพนักงาน’ ก็คือ เมื่อเข้าใกล้มากพอ จะสามารถตรวจจับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้าย ความวุ่นวาย และความบ้าคลั่งที่ไม่ถูกผนึกหรือปกปิดไว้
“มนต์ดำ?” ในฐานะผู้วิเศษชำนาญการ ฟอร์สไม่ประหลาดใจกับคำนี้
หากตีความตามตำรา ทุกสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ็ดเทพจารีตล้วนถือเป็นมนต์ดำ รวมถึงเวทมนตร์ในพิธีกรรมที่สวดวิงวอนถึงตัวตนลึกลับนิรนาม
แต่ในความหมายทั่วไป มนต์ดำหมายถึงคาถาพิสดารที่ใช้เลือดเนื้อ หรือเส้นผม หรือสิ่งของแปลกๆ ทุกชนิด หมายถึงพลังที่เกี่ยวข้องกับเทพมาร หมายถึงพลังพิเศษในบางเส้นทาง หมายถึงวัตถุวิญญาณที่เฉพาะเจาะจง หมายถึงสัญลักษณ์และอักขระเวทมนตร์ต้องห้าม
ซิลพยักหน้าหนักแน่น
“ถูกต้อง มันมาจากชั้นแรก เธออยู่ที่นี่ คอยปกป้องมิสเตอร์ดันเตส”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ