ไม่ใช่แค่เธอ แม้แต่ส.ส. มัคท์ มาดามลีอานน่า และดอน·ดันเตสที่ยืนอยู่ข้างๆ เองก็ทำได้เพียงปิดปากเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา กระทั่งฟอร์สที่ซ่อนตัวอยู่ในกำบังก็ยังสูญเสียความตื่นเต้นเมื่อครู่ไปจนหมด ไม่หลงเหลือจิตวิญญาณแห่งผู้ผดุงคุณธรรม
ผ่านไปราวสิบวินาที มัคท์เบือนหน้าออกจากคนร้าย หันไปพูดกับบอดี้การ์ด
“เฝ้าที่นี่หนึ่งคน คอยจับตามองจุดเกิดเหตุและคนร้ายเอาไว้ รอจนกว่าตำรวจจะมาถึง”
กล่าวจบ มันเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางบุรุษรับใช้
“บอกให้พวกสำนักพิมพ์ปิดข่าวนี้”
หลังจากรับมือกับสถานการณ์เบื้องต้น ส.ส. รายนี้มองไปรอบๆ และพบว่ามีคนเดินเท้าเริ่มหยุดมุง หลายคนหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น มัคท์ตัดสินใจกล่าวกับดอน·ดันเตส
“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์อันตราย ผมไม่คิดว่าเรื่องราวจะลงเอยแบบนี้… อันที่จริง ทางเราได้คำนึงถึงกลุ่มเจ้าของโรงงานถ่านหินที่ธุรกิจได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งยังมีการเยียวยาไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ใครไปจะคิดว่า…”
นโยบายก็เรื่องหนึ่ง การบังคับใช้จริงก็เรื่องหนึ่ง… เมื่อมลพิษทางอากาศกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ทุกคนให้ความสนใจ แรงกดดันมหาศาลจึงตกอยู่กับโรงงานเชื้อเพลิงแบบเก่า ไม่แปลกที่จะเกิดเรื่องทำนองนี้เข้าสักวัน… ไคลน์ถอนหายใจพลางรำพัน
“ไม่ต้องห่วงทางนี้ ในอดีต ผมเคยเผชิญสิ่งที่อันตรายกว่านี้นับครั้งไม่ถ้วน”
ภายนอกฟังดูคล้ายกับมันกำลังพูดถึงการผจญภัยบนทวีปใต้ แต่ในความเป็นจริง ไคลน์กำลังย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมกูสอาละวาดขณะตั้งครรภ์ทายาทเทพมาร เหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกกลางป่าด้านนอกเบ็คลันด์ เหตุการณ์ซินเธียปรารถนาจะมีทายาทกับพลเรือเอกอมิรุส และเหตุการณ์เทวทูตของโรงเรียนกุหลาบปะทะกับสัตว์ประหลาดนิกายวิญญาณบนภูเขาด้านนอกบายัม
เมื่อเทียบกับประสบการณ์ข้างต้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงละอองฝนในอากาศ แทบไม่ต้องให้ความสนใจ ไคลน์ที่ตระหนักถึงการมีอยู่ของมิสซิล มิสเมจิกเชี่ยน และเฮเซล จึงทำเพียงฉากหลบอย่างชำนาญตามประสาคนมีประสบการณ์
ความสนใจในปัจจุบันมีเพียง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับ ‘พายุ’ ที่กำลังก่อตัวในเบ็คลันด์หรือไม่?
มัคท์ถอนหายใจพลางพยักหน้า
“ผมได้ประจักษ์เต็มสองตาว่าคุณเยือกเย็นมากเพียงใด… ตัวผมที่เคยสงสัยในประสบการณ์ของคุณ ตอนนี้หมดข้อกังขาแล้ว… เอาล่ะ ดอน กลับกันเถอะ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ หากต้องมีการสอบปากคำ พวกเขาจะเดินทางไปหาคุณถึงบ้าน”
ไคลน์พยักหน้า กล่าวกับครอบครัวมัคท์
“ระวังตัวด้วยนะ”
ส.ส. มัคท์ผงกศีรษะรับเคร่งขรึม กล่าวพลางถอนหายใจ
“ฤดูแห่งการเข้าสังคมของเบ็คลันด์เพิ่งเริ่มต้น แต่ดันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น… คงต้องดื่มด่ำกับความสุขในปัจจุบันให้มาก”
ฤดูกาลเข้าสังคมของเบ็คลันด์หมายถึงการกลับมายังเบ็คลันด์หลังจากหยุดยาวของเหล่าสมาชิกสภาขุนนาง ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา… เพียงสัปดาห์เดียว มีเหตุร้ายเกิดขึ้นติดๆ กันถึงสองครั้ง หนแรกเป็นการปองร้ายบารอนซินดราส และหนที่สองเป็นการลอบโจมตีส.ส. มัคท์… ท่ามกลางความคิดมากมาย ไคลน์ยังไม่หยุดเดิน ด้านหลังมีริชาร์ดสันที่กำลังสั่นเทาเดินตามมา
เมื่อนั่งลงในห้องโดยสาร ชายหนุ่มมองวิวทิวทัศน์ข้างทางค่อยๆ เคลื่อนคล้อย ถอนหายใจเงียบงันพลางหลับตาลง
ชายหนุ่มไม่มีทางเดาได้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดจากพลังพิเศษหรือไม่ เพราะคนธรรมดาเองก็ก่อเรื่องทำนองนี้ได้ เหนือสิ่งอื่นใด เหตุผลของชายวัยกลางคนนับว่าฟังขึ้น – ทั้งหมดคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง และไคลน์เชื่อว่าคงไม่ได้มีเจ้าของโรงงานเพียงรายเดียวที่ประสบชะตากรรมน่าอดสูเช่นนี้
สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มประหลาดใจก็คือ เหตุใดเป้าโจมตีถึงเป็นส.ส. มัคท์?
แม้ส.ส. รายนี้จะออกตัวสนับสนุนการควบคุมมลพิษทางอากาศอย่างชัดเจน รวมถึงการอภิปรายในสภาและให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์หลายหน แต่ไม่น่าจะตกเป็นเป้าเกลียดชังเท่ากับ ‘คณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติ’
ไคลน์เอนหลังพิงกำแพง บรรจงลืมตาขึ้นอย่างใจเย็น พบว่าด้านนอกหน้าต่างค่อนข้างมืด เมฆบนฟ้าจับตัวหนาและมีฝนตกปรอย
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่า วังวนพายุที่กำลังก่อตัวภายในกรุงเบ็คลันด์ นับวันยิ่งทวีความรุนแรง
ไคลน์ดึงสติกลับมาและยกมือซ้ายขึ้นจับกระเป๋าเสื้อ
ภายในนั้นมีจดหมายที่แฟรงค์·ลีตอบกลับมา รวมถึงเห็ดปริศนาบางชนิด
ใจจริง ไคลน์อยากรีบกลับบ้านและเข้าไปยังมิติเหนือสายหมอก นำเห็ดที่เพิ่งได้รับมาใหม่ ‘สื่อสาร’ กับยุบพองหิวโหยเพื่อให้สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง – ในยามที่พายุก่อตัว ไคลน์เชื่อว่าตนจำเป็นต้องอยู่ในสภาพพร้อมรบมากที่สุด และเพื่อการนั้น ยุบพองหิวโหยคือสิ่งที่ขาดไม่ได้
แต่น่าเสียดาย ตอนนี้มีบอดี้การ์ดสองคนคอยคุ้มกัน หากเป็นไปได้ก็ไม่ควรส่งตัวเองเข้าไปในมิติเหนือสายหมอก
ตัวเราไม่จำเป็นต้องให้ใครคุ้มครอง กลับยอมเสียเงินหลายร้อยปอนด์เพื่อจ้างบอดี้การ์ดมาทำให้ตัวเองอึดอัด… นี่สินะปัญหาของคนรวย… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ รับชาดำที่ริชาร์ดสันเพิ่งชงเสร็จ
หลังจากจิบหนึ่งคำ ใบหน้าชายหนุ่มกระตุกเล็กๆ ก่อนจะคลายออก
ไคลน์ก้มลงและพบว่า มะนาวฝานในถ้วยชาดำมีขนาดใหญ่กว่าปรกติถึงสองเท่า
ชายหนุ่มชำเลืองสายตาโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว พบว่าบุรุษรับใช้ของตนกำลังอยู่ในอาการเหม่อลอย คล้ายกับยังคงผวาจากเหตุการณ์คนร้ายบุกโจมตีเมื่อครู่
ยังคงใจเสาะเช่นเคย… ไคลน์รำพันพลางวางถ้วยชากระเบื้องเคลือบลง
…
กลางดึกสงัด ณ บ้านเลขที่ 39 ถนนเบิร์คลุน บ้านของส.ส. มัคท์
เฮเซลนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จ้องไปทางหนูสีเทาที่กำลังหมอบบนกล่องใบเล็ก กล่าวหลังจากครุ่นคิด
“พ่อของฉันทำอะไรผิด? เขาผลักดันในสิ่งที่ดีและควรทำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ