ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 901

ราชันเร้นลับ 901 : กระดาษคนกลายพันธุ์
ในครั้งนี้ ไคลน์มิได้นำนกหวีดทองแดงอะซิกเข้าสู่มิติเหนือสายหมอกโดยตรง แต่ใช้วิธีเดียวกับการทำนาย ‘ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันที่กลายพันธุ์’ ในครั้งแรก เป็นการทำนายผ่าน ‘ภาพฉาย’ ของวัตถุ แม้วิธีนี้จะทำให้ความแม่นยำลดลงอาจส่งผลให้ไม่ได้รับวิวรณ์สำคัญ แต่ด้วยพลังของมิติหมอก วัตถุที่ถูกทำนายสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดความเสียหาย

มันยังจำได้แม่นยำ เมื่อครั้งที่ใช้ใบหูสีดำจาก ‘ผู้สดับ’ เพื่อลองทำนายหาต้นกำเนิด สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้ถูก ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ แผ่อิทธิพลโดยตรงจนเปลี่ยนสภาพกลายเป็นยันต์

ดังนั้น เมื่อสงสัยว่าผลลัพธ์ของการทำนายอาจชี้ไปยังศพหรือร่างกายที่ยังเหลือของ ‘เทพมรณา’ ซึ่งยังหลงเหลือกลิ่นอายของเทพแท้จริงลำดับ 0 ที่สามารถสร้างทะเลคลั่งอันเกรี้ยวกราดขึ้นมา ไคลน์ตัดสินใจเก็บนกหวีดทองแดงอะซิกไว้ในโลกความจริง เลือกจะทำนายด้วยภาพฉายแทน หลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดความเสียหายกับวัตถุแสนสำคัญชิ้นนี้ เพราะท้ายที่สุด ‘เทพมรณา’ และ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ นั้นอยู่ในระดับเดียวกัน!

แล้วทำไมไคลน์ถึงกล้าใช้ ‘การเดินทางของกรอซาย’ โดยตรงในการทำนายหาต้นกำเนิด? นั่นก็เพราะ ‘มังกรจินตภาพ’ ร่วงหล่นไปเป็นเวลานานมากแล้ว ตะกอนพลังที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดทางสายเลือด เปลี่ยนมือไปหลายครั้ง และตัวบันทึกการเดินทางเองก็แข็งแรงมาก แม้กระทั่งการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบของ ‘คทาเทพสมุทร’ ก็มิอาจสร้างความเสียหาย ละด้วยเหตุผลเดียวกัน มิสเตอร์ประตูก็มีลำดับอย่างมากไม่เกิน ‘ราชาเทวทูต’ แถมยังอยู่ในสภาพที่ถูกเนรเทศและกักกัน ลำพังการส่งเสียงเพรียกยังทำได้ลำบาก เป็นการยากมากที่จะสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่มิติหมอก

ต่อให้เราได้รับบาดเจ็บหรือถูกกัดกร่อน ก็ยังสามารถฟื้นตัวได้เร็วมากด้วยพลังของมิติเหนือสายหมอก แต่ถ้านกหวีดทองแดงถูกทำลาย มันก็จะหายไปตลอดกาล ไม่สามารถติดต่อมิสแล้วมันแตกจริงๆ ไม่สามารถติดต่อมิสเตอร์อะซิกได้อีกเลย และไม่สามารถใช้เพื่อดึงดูดสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดด… ไคลน์ถือนกหวีดทองแดงและกระดาษที่มีประโยคทำนายอย่างใจเย็น เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ปิดตาครึ่งหนึ่งพลางเข้าฌานและท่องมนต์เสียงต่ำ

“สาเหตุของความผิดปกติที่เกิดกับนกหวีดทองแดงในวันนี้”

หลังจากท่องเจ็ดครั้งติดต่อ ไคลน์หลับสนิท เข้าสู่ภวังค์ความฝัน

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ มันเห็นอนุสาวรีย์บรรจุศพที่มืดสนิทและเย็นยะเยือก เห็นบันไดสีเข้มที่ทอดยาวลงมา เห็นโลงศพวางเรียงรายเป็นจำนวนมาก

โลงศพทั้งหมดเปิดอยู่ ด้านในมีศพคนตาย บนตัวศพมีขนสีขาวเปื้อนน้ำมันสีเหลืองงอกเต็มหลัง

กระทั่งในความฝัน ไคลน์พบว่าตนคุ้นเคยกับฉากนี้มาก ประหนึ่งเคยเห็นมันมาก่อน

ทันใดนั้น คล้ายกับชายหนุ่มได้กลิ่นเหม็นเน่า ได้ยินเสียงหอบกระเส่าอย่างเชื่องช้า สัมผัสได้ถึงความมืดอันแสนสิ้นหวังที่ค่อยๆ ทวีความเข้มข้น เกิดความรู้สึกอยากตายอย่างบอกไม่ถูก

โดยทันทีทันใด เสียงพูดเพียงสูงๆ ต่ำๆ เริ่มดังกังวาน เหล่าคนตายที่นอนหงายในโลงศพเริ่มลอยตัวขึ้น สายตามองออกไปนอกความฝันด้วยใบหน้าครึ่งหนึ่งเน่าครึ่งหนึ่งซีด!

ตึกตัก! หัวใจไคลน์เต้นระรัวอย่างมิอาจยับยั้ง ประหนึ่งถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นและกระชากออกจากหน้าอก

ระหว่างนี้ ความฝันของชายหนุ่มแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ฉากตรงหน้ากลับมาเป็นความว่างเปล่า

ภาพสุดท้ายที่ไคลน์เห็นคือ ศพเหล่านั้นไม่เพียงจะมีขนสีขาวที่แผ่นหลัง แต่ส่วนที่เหลือของผิวหนังก็ยังมีท่อบางๆ สีดำที่แทบจะเป็นภาพมายา เสียบเข้าไปในร่างกายศพ ปลายอีกด้านหนึ่งเชื่อมต่อไปยังส่วนที่ลึกของอนุสาวรีย์บรรจุศพที่ปกคลุมหมอกสีดำหนาแน่น ชั่วร้าย และเยือกเย็นไร้ขอบเขต

หมอกสีดำบรรจงหดตัวและขยายตัว มาพร้อมกับเสียงหอบกระเส่า ภาพเคลื่อนไหวดังกล่าวยังคงคมชัดในสายตาและโสตประสาทของไคลน์ อิทธิพลของมันทำให้ผิวหนังชายหนุ่มซีดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเริ่มเน่าและพุพองเป็นหนอง ตามรูขุมขนมีขนนกเปื้อนน้ำมันสีเหลืองผุดขึ้นเป็นปุยสีขาวละเอียด นกหวีดทองแดงของอะซิกในมือแตกกระจัดกระจายกลายเป็นหมอกดำ

ทั่วทั้งพระราชวังโบราณ โต๊ะยาวที่มีร่องรอยเก่าแก่ผุพังและล้มครืนในพริบตา เก้าอี้พนักสูงยี่สิบสองตัวถูกปกคลุมด้วยขนนกสีขาวราวกับว่าจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง

ทันใดนั้น หมอกสีเทาบนพื้นเริ่มเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ส่งผลให้มิติลึกลับด้านบนสั่นสะเทือนแผ่วเบา ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็วประหนึ่งไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

ไคลน์ที่ล้มลงไปบนพื้น เอื้อมมือจับขาโต๊ะ บรรจงพยุงตัวขึ้นเพื่อนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

ชายหนุ่มลูบหน้าผาก เริ่มการเปรียบเทียบโดยไม่รู้ตัว

รุนแรงน้อยกว่า ‘ผู้สร้างที่แท้จริง’ และ ‘สุริยันเจิดจรัส’ แต่รุนแรงกว่าเหนือมิสเตอร์ประตู อย่างไรก็ตาม เราไม่แน่ใจว่าการถูกกักขังของมิสเตอร์ประตูจะทำให้พลังอ่อนแอลงไปกี่ส่วน ทำให้ส่งพลังเข้ามาในมิติหมอกได้น้อย

เรากำลังคิดอะไรอยู่? ต่อให้เป็นครึ่งเทพ ก็ใช่ว่าจะทนรับสิ่งเหล่านี้ได้สบายๆ สักหน่อย…

น่าเสียดาย เราไม่ได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหมอกสีดำ ไม่อย่างนั้นอาจได้รับสูตรโอสถบางชนิด หรือไม่ก็ความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับจำนวนมาก…

ไคลน์นึกเสียดายอย่างอธิบายไม่ถูก มองไปยังด้านข้างของเก้าอี้ เห็นหมอกสีดำมายากำลังลอยตัว

หมอกเหล่านี้เกิดจาก ‘ภาพฉาย’ นกหวีดทองแดงของอะซิกที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ไม่รู้สึกถึงพลังอะไรเลย… แปลว่าไม่สามารถใช้เป็นยันต์… แล้วนำไปใช้ทำอะไรได้? หลังจากความคิดมากมายแล่นผ่าน ‘เทวทูตกระดาษ’ ถูกเรียกมาจากกองขยะและโยนเข้าใส่หมอกสีดำมายา

ในวินาทีที่วัตถุสองชนิดสัมผัสกัน พวกมันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวทันที กระดาษคนตัวแทนเปลี่ยนเป็นสีดำที่มอบบรรยากาศลุ่มลึก ขณะเดียวกันก็มีขนสีขาวเปื้อนน้ำมันสีเหลืองงอกออกมาจากด้านหลัง

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคงอยู่เพียงหนึ่งวินาที ก่อนที่กระดาษคนตัวแทนจะกลับสู่สภาพเดิม แต่ไม่ทั้งหมด เค้าโครงเปลี่ยนไปกลายเป็นกึ่งจริงกึ่งมายา

นอกจากนั้นยังมีลวดลายคล้ายขนนกถูกวาดจนทั่วด้านหลังของกระดาษคน

เราจะใช้เจ้านี่ทำอะไรได้บ้าง? ไคลน์เสกให้กระดาษคนกลายพันธุ์กระดาษลอยมาตกลงบนฝ่ามือในสภาพหงายหลัง

ชายหนุ่มไม่กล้าใช้การทำนายเพื่อยืนยันผล กลัวที่จะเห็นฉากในความฝันอีกครั้ง แต่ในครั้งถัดไป หลังจากอีกฝ่ายเตรียมตัวเป็นอย่างดี ความรุนแรงคงเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ