นี่ไม่ใช่การพัฒนาในเชิงสามมิติอีกต่อไป นอกจากหน่วยวัดทางด้านความยาว ความกว้าง และความสูง ยังมีหน่วยข้อมูลจำพวกความแข็งแกร่งทางพลังวิญญาณและมาตรวัดคุณภาพในเชิงอื่น ทุกสิ่งพัฒนาขึ้นอย่างท่วมท้นท่ามกลางสัญลักษณ์และอักขระลึกลับซับซ้อน แต่ในความเป็นจริง ร่างกายของโคลิน·มิเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด การที่มนุษย์คนอื่นเห็นว่ามันอยู่ในร่างคนปรกติยามปรกติ นั่นเป็นเพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์มิอาจหยั่งถึงความเป็นจริงที่ถูกเก็บซ่อน แต่เมื่อได้เห็นร่างที่แท้จริงโดยปราศจากการปกปิด มนุษย์ที่ไม่มีเศษเสี้ยวความเป็นเทพจะถูกปนเปื้อนและกัดกร่อนทางวิญญาณ ทำลายจิตใจ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก หากจะเสียชีวิตหรือฟั่นเฟือนคาที่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
ดังนั้นในเชิงศาสตร์เร้นลับ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้จึงถูกเรียกว่า:
สัตว์ในตำนาน!
แต่สำหรับปัจจุบัน ศีรษะของโคลินมิได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ เพียงบวมพองกว่าปรกติเล็กน้อย และจากหน้าผากถึงหัวคิ้วมีช่องรอยแยกสีเข้มคล้ายดวงตาในแนวตั้ง
ก่อนจะถึงลำดับ 2 ร่างของสัตว์ในตำนานจะยังไม่สมบูรณ์!
และสำหรับตัวตนที่ทรงพลังในระดับนี้ การเผยร่างสัตว์ในตำนานมีทั้งข้อดีและข้อเสียชัดเจน ในแง่หนึ่ง ร่างสัตว์ในตำนานสามารถนำมาซึ่งความแข็งแกร่งและยกระดับตัวตนทางธรรมชาติ แต่ในทางกลับกัน ร่างสัตว์ในตำนานจะมาพร้อมแนวโน้มของภาวะเสียสติและคลุ้มคลั่ง นี่ไม่ใช่บททดสอบทางจิตใจเด็กเล่น แต่มีเพียงบุคคลที่จิตเข้มแข็งเท่านั้นจึงจะทนรับไหว
ดังนั้นในกรณีของนักบุญส่วนใหญ่ หากไม่ถูกผลักดันจนหมดสิ้นหนทาง จะไม่คิดเผยร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์เด็ดขาด อย่างมากก็เลือกที่จะเปิดเผยแค่บางส่วนของร่างกาย เพราะสำหรับพวกมัน สิ่งนี้ไม่ต่างจากการเต้นรำบนใบมีดเช่น ง่ายต่อการประสบภาวะคลุ้มคลั่ง ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
โดยส่วนมากแล้วจะมีผู้วิเศษอยู่สองจำพวก พวกแรกเป็นชนกลุ่มน้อยที่ปลดปล่อยจิตใจให้ไหลไปตามธรรมชาติ ถูกความเลวทรามและชั่วร้ายกัดกิน ส่วนอีกพวกหนึ่งคือกลุ่มที่มีเจตจำนงแน่วแน่และมีจิตใจเข้มแข็ง สำหรับกลุ่มแรก หากเปิดเผยร่างสัตว์ในตำนานของตัวเอง ส่วนมากจะเกิดภาวะคลุ้มคลั่งทันที เปลี่ยนกลับเป็นสภาพปรกติไม่ได้ สำหรับกลุ่มหลัง พวกมันสามารถใช้ร่างสัตว์ในตำนานเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การต่อสู้ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจนำพาไปสู่ภาวะคลุ้มคลั่งและเสียสติมากนัก แน่นอน ใช่ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงหลงเหลืออยู่เลย เพราะสำหรับบุคคลที่กำลังเดินไปบนขอบเหว ทุกการเปิดเผยร่างจริงจะยิ่งทำให้ถูกกัดกร่อนลึกลงไปกว่าเดิม ไม่มีทางหลีกเลี่ยงปัญหาได้อย่างสมบูรณ์
จากบรรดา ‘หกสภาอาวุโส’ แห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ทั้งหมด เจ้าเมืองโคลินเป็นเพียงน้อยคนที่สามารถควบคุมร่างสัตว์ในตำนานของ ‘นักล่าปีศาจ’ ได้อย่างชำนาญ
ในท่าถือดาบยาวสองเล่มที่ถูกฉาบน้ำยาต่างชนิดกัน ทันทีที่ก้าวเท้าขวาออกไปข้างหน้า ร่างกายโคลินพลันกระโจนขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเสียงแผ่นดินสั่นสะเทือน กระโดดทีเดียวจนถึงด้านบนแท่นบูชา ตะครุบใส่อดีตเจ้าเมืองที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนนกสีขาว
ตามพื้นผิวของร่างกายคนยักษ์ แสงรุ่งอรุณพลันพวยพุ่งออกมาทุกทิศ ขจัดปัดเป่าความมืดโดยรอบ ชำระล้างสิ่งมีชีวิตอันน่าสยดสยองจำนวนมากในแม่น้ำมายาด้านหลัง
ขณะเดียวกัน ฮอยต์·เฌอมงต์ง้างสายคันศรล่ามังกรออกไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนให้ศรฟ้าร้องสีเงินอันงดงามและแพรวพราว ควบแน่นจนกลายเป็นคลื่นพลังงานที่ปั่นป่วน ก่อนจะพุ่งแหกอากาศเข้าไปหาอดีตเจ้าเมืองที่กลายเป็นสัตว์ประหลาด
โลเฟียร์หลับตาลงในท่าเตรียมพร้อม อัศวินเกราะเงินสูงกว่าห้าเมตรด้านหลังเธอเริ่มลากดาบยักษ์มายา พุ่งปรี่เข้าหาแท่นบูชาซึ่งหน้าพร้อมกับฟันสับและสร้างรอยแยกที่มีแสงสีเงินท่วมท้น
นอกจากนั้น บริเวณปลายเท้าอาวุโส ‘คนเลี้ยงแกะ’ เงาดำเริ่มยุบพองตัวเองราวกับมีชีวิตขึ้นมา
เงาดำพุ่งออกจากโลเฟียร์อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสภาพแวดล้อมมืดสลัวที่มีแสงรุ่งอรุณสว่างจ้าหลายชุด เงาดำส่งตัวเองแล่นผ่านกลุ่มเงามืด มุ่งหน้าไปยังโลงศพเหล็กสีดำด้านบนแท่นบูชา
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของมันดูเหมือนจะไม่ใช่อดีตเจ้าเมืองที่กลายพันธุ์ แต่เป็นท่อที่เสียบอยู่ในภายในร่างกายอีกฝ่าย เป็นท่อมายาสีดำบางๆ ที่เชื่อมต่อลึกเข้าไปด้านหลังอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด!
…
หลังจากไคลน์กลับสู่โลกความจริง มันได้ยินเสียงคลื่นทะเลข้างนอกกำลังปั่นป่วน ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ไม่มีวี่แววว่าจะสงบลง
ชายหนุ่มเดินไปที่หน้าต่างห้องด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย มองลอดผ่านช่องว่างระหว่างบ้านสองหลังที่ไม่เป็นระเบียบ จนพบว่าด้านนอกท่าเรือโปโตกำลังเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆ คลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้า และพายุสีดำ ทั้งหมดกำลังตั้งแนวสูงจากทะเลสู่ผืนนภา โดยมีฉากหลังเป็นสายฟ้าสีเงินกำลังตัดผ่าทุกสิ่งอย่างเงียบงัน
ราวกับประตูสู่วันโลกาวินาศกำลังถูกเปิดออก
และภายในเมืองท่า ห้วงอากาศที่เคยว่างเปล่าพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีโปร่งแสง เผยให้เห็นโครงกระดูกอ้าปากกว้าง เถาวัลย์ที่คอยอุ้มชูใบหน้าของเด็กทารก ท่อนแขนเปื้อนเลือด หนวดรยางค์ลื่นๆ ที่มีรูปร่างพิสดาร กำลังพยายามทะลวงผ่านกำแพงที่กั้นแบ่งระหว่างโลกความจริงและอีกฟากหนึ่ง ทั้งน่ากลัวและสยดสยองเหนือคำบรรยาย
ฉากตรงหน้าสร้างความหวาดผวาให้กับโจรสลัดจำนวนมาก แข้งขาของพวกมันเริ่มอ่อนแรง ไม่กล้ายืนกลางถนนอย่างองอาจ พากันหนีตายเข้าไปในบ้านที่ใกล้ที่สุด
เงาดำและภูตผีที่แทบจะมองไม่เห็นกำลังบินว่อน บ้างผลุบๆ โผล่ๆ พลางเข้ามาใกล้ใบหูของมนุษย์ ทำท่าทางคล้ายกับกำลังหวีดร้อง แต่สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ในวินาทีนี้ ท่าเรือโปโตประหนึ่งตกถูกครอบงำด้วยโลกแห่งความตาย หรืออีกชื่อหนึ่งคือยมโลก ทั้งมืดมน สับสน และบ้าคลั่ง
ไคลน์ขมวดคิ้ว เข้าใจอย่างคลุมเครือว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
การทำนายเหนือหมอกสีเทาของมันเมื่อครู่ กระตุ้นให้สิ่งที่อยู่ลึกลงไปในสุสานอันเย็นเยียบเดือดดาล มันจึงระบายอารมณ์ ทำการเปลี่ยนสภาพอากาศในทะเลคลั่งและท่าเรือโปโต สร้างบรรยากาศประหนึ่งว่าโลกแห่งความกำลังจะมาเยือน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สุสานดังกล่าวซ่อนอยู่ในทะเลคลั่ง… น่าจะเป็นมรดกของที่เทพมรณาเหลือสิ่งไว้… แน่นอน สุสานดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งในโครงการสร้างมรณาเทียมของนิกายวิญญาณ เกิดจากการ ‘หลอมรวม’ เข้ากับมรดกของเทพมรณา… ไคลน์ถอนสายตากลับ รีบประกอบพิธีกรรม สังเวยนกหวีดทองแดงของอะซิกเข้าไปยังมิติเหนือสายหมอก เพื่อไม่ให้ตัวตนลึกลับและชั่วร้ายใช้เป็นเครื่องระบุตำแหน่ง
จัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกหน้าต่างด้วยสายตาพร่ามัว หัวเราะแห้งกับตัวเอง
ถึงกับต้อนรับกันแบบนี้… ขยันขันแข็งไม่เลว…
อา… นิกายวิญญาณคงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในทะเลคลั่งแน่นอนแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าพวกมันจะทำยังไงต่อ…
…
เหนือแม่น้ำมายาที่มืดมน คลื่นยักษ์ค่อยๆ ลดขนาดลง ท่อนแขน เถาวัลย์ และหนวดรยางค์ที่พยายามคว้าบางสิ่ง ทยอยระเหยไปทีละหนึ่งจนเกือบหมด บ้างก็เลือกที่จะถอยกลับ
รอบแท่นบูชา ผืนดินเต็มไปด้วยรอยแตกแขนง ขนสีขาวเปื้อนน้ำมันสีเหลืองกระจัดกระจายจนทั่ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ