ในยามค่ำคืน พระจันทร์สีแดงถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ บรรยากาศค่อนข้างสลัว มีเพียงโคมไฟริมถนนทั้งสองข้างทางเท่านั้นที่คอยมองแสงสว่างเจือจาง ช่วยให้มองเห็นถนนและทางเข้าบ้าน
กล่องจดหมายของบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์ถูกวางไว้อย่างเงียบงันตรงจุดตัดของแสงสว่างและความมืด อาบสายลมเย็นที่พัดผ่านจากด้านข้าง
ทันใดนั้น หนังสือพิมพ์ ใบเรียกเก็บเงิน และจดหมายจากแหล่งที่ไม่รู้จักพลันพรั่งพรูออกจากปากกล่อง
พวกมันดูคล้ายกับถูกจับด้วยมือที่มองไม่เห็น ลอยตรงไปทางประตู สอดเข้าไปในช่องว่าง
ภายในบ้าน ในห้องโถง หนังสือพิมพ์คลี่ออกด้วยตัวเอง พลิกหน้าอย่างรวดเร็วจนถึงแผ่นสุดท้าย จากนั้น ทั้งหมดหล่นลงบนเก้าอี้ ซ้อนทับกับหนังสือพิมพ์ฉบับก่อนๆ
ใบเรียกเก็บเงินและจดหมายยังคงลอยอยู่กลางบ้าน ตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น รายแรกหยุดลงอย่างรวดเร็ว เขย่าตัวเองสองสามครั้ง ก่อนจะร่อนลงไปบนโต๊ะกาแฟพร้อมกับจัดเรียงตัวเองอย่างเป็นระเบียบ สำหรับรายหลัง จดหมายฉบับใดที่ไม่มีซองจะคลี่ออกด้วยตัวเองกลางอากาศ
ผ่านไปสักพัก จดหมายบางส่วนลอยไปยังชั้นวางของในห้องอ่านหนังสือของที่ชั้นหนึ่ง บางส่วนลอยไปทางกรรไกรและแกะซองด้วยตัวเอง คลี่ตัวเองกลางอากาศค้างไว้สักพัก จากนั้นก็ทยอยลอยเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งตัวเองลงชักโครก
ครืด!
ปุ่มกลไกของโถส้วมกดตัวเอง เศษกระดาษจมลงไปในท่อน้ำทิ้ง
บ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์กลับสู่สภาวะปกติ เงียบสงบเช่นเดียวกับบ้านหลังอื่นๆ ที่ไม่มีใครอยู่
ณ ทวีปใต้ ไบลัมตะวันออก เมืองเครน
เลียวนาร์ด·มิเชลที่เพิ่งมาถึง กำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพักที่ทางโบสถ์รัตติกาลท้องถิ่นเตรียมไว้ให้
ทันใดนั้น เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นในหัว
“เจ้าหนู มีจดหมายสำคัญ”
“จดหมาย?” เลียวนาร์ดถามเสียงต่ำ ภายในใจเริ่มคาดเดา
คนที่จะส่งจดหมายสำคัญไปยังบานเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์โดยสนใจว่าจะมีคนอยู่ที่บ้านหรือไม่ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สิ สองคน
ไคลน์·โมเร็ตติและดอน·ดันเตส!
สำหรับเหตุผลที่ชายชราเจ้าของชื่อพาลีส·โซโรอาสเตอร์ไม่ได้รับอิทธิพลจากทะเลคลั่ง สามารถส่งพลังข้ามไปยังทวีปเหนือและอ่านเนื้อหาของจดหมายได้อย่างชัดเจน เลียวนาร์ดพอจะคาดเดาเหตุผลได้หนึ่งถึงสองข้อ เพราะมันเคยช่วยอีกฝ่ายจับผีในบ้าน
ข้อสันนิษฐานของมันก็คือ
ชายชราคงแบ่งหนอนแห่งกาลเวลาออกไปสิงร่างผีตนนั้นในฐานะปรสิต คอยทำหน้าที่เป็นตา หู และปาก ขณะที่เดินทางมายังทวีปเหนือ
พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบคำถาม
“จดหมายจากไคลน์โมเร็ตติ มันกล่าวว่า ขณะดอน·ดันเตสกำลังเดินทางลงไปยังทวีปใต้ ร่องรอยของอินซ์·แซงวีลล์ถูกพบบนเกาะระหว่างทางในทะเลคลั่ง”
เลียวนาร์ดเงียบงันสักพัก อ้าปากเล็กน้อย แต่มิอาจกล่าวสิ่งใด
ผ่านไปเป็นเวลานาน มันกระซิบด้วยเสียงค่อนข้างแหบ
“อย่างที่คิด… มันยังไม่ลืมการแก้แค้น… ในสถานการณ์แบบนี้ ผมพอจะทำอะไรได้บ้าง?”
“เจ้าจะทำอะไรได้บ้าง? เจ้าอยู่ในลำดับ 6 ต่อให้อินซ์·แซงวิลล์ จะควบคุม 0-08 ได้ไม่ชำนาญ แต่เจ้าก็หมดสิทธิ์ล้างแค้นโดยสิ้นเชิง เพียงแค่อีกฝ่ายเผยร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ ก็มากพอจะทำให้เจ้าคลุ้มคลั่งในทันที หรือไม่ก็กลายเป็นคนเสียสติ โอกาสแก้แค้นสำเร็จอยู่ที่ศูนย์! สิ่งนี้เรียกว่าเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพของผู้วิเศษระดับครึ่งเทพ” พาลีส·โซโรอาสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างขึงขัง
มันเว้นวรรค หัวเราะในลำคอและพูดต่อ
“ถือว่าเจ้าทำได้ดี รู้จักเจียมตัวกว่าเมื่อก่อน หากเป็นสมัยอดีต เจ้าคงจะพูดว่า ผมจะรายงานเบาะแสของอินซ์·แซงวีลล์ให้ศาสนจักรทราบและเข้าร่วมทีมไล่ล่า แต่ปัจจุบัน เจ้ารู้จักประมาณตนและปรึกษาก่อน”
เลียวนาร์ดพยายามโต้แย้งในใจหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เงียบ
พาลีส·โซโรอาสเตอร์เล่าต่อ
“สิ่งที่เจ้าทำได้ในตอนนี้ก็คือ บอกข้อมูลที่จำเป็นกับไคลน์·โมเร็ตติ รอให้มันตอบกลับ จากนั้นก็รอสนับสนุนตามคำแนะนำของอีกฝ่าย”
“หมายความว่า ผมห้ามหาข้ออ้างเพื่อแจ้งให้ศาสนจักรทราบว่าอินซ์·แซงวีลล์อยู่ที่ไหน?” เลียวนาร์ดถามเสียงแผ่วเจือความประหลาดใจ
พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะในลำคอ
“ไม่ต้องกังวล รอให้ถึงช่วงเวลาสำคัญ ค่อยทำแบบนั้น… แม้ว่า 0-08 จะชอบฆ่าเจ้าของ แต่มันก็ไม่อยากกลับไปถูกปิดผนึก หากเจ้าแจ้งเบาะแสกับศาสนจักรและวางแผนไล่ล่า อินซ์·แซงวีลล์จะไหวตัวทันล่วงหน้าและหลบหนีไป… สำหรับตอนนี้ เจ้าต้องเตือนไคลน์·โมเร็ตติ”
เลียวนาร์ดผงะเล็กน้อย ก่อนจะถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ