ไคลน์แบกกระเป๋าเดินทาง อาศัยสัญชาตญาณของนักทำนายเลือกทิศทาง มองหาผับที่ครึกครื้นระหว่างทาง
รถม้าบนท้องถนนมีไม่มากนัก ใช้เวลานานกว่าจะเห็นรถม้าเช่าสักคันหนึ่ง การขนส่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไบลัมตะวันออกคือ ‘โลงศพ’ เกิดจากธรรมเนียมการบูชาเทพมรณา ผู้คนจึงมองว่าโลงศพเป็นสถานที่แห่งความสงบสุข ดังนั้น ไคลน์จึงเห็นคนสองสามคนเดินผ่านไปโดยกำลังแบกโลงศพสีดำ ฝาโลงเบากว่าปรกติมาก คล้ายประตูรถม้าที่สามารถเปิดปิดได้ตามใจชอบ
มีตั้งแต่สองคนห้าม หรือสี่คน แปดคน หรือใช้รถม้าลาก… ประเพณีพื้นบ้านเช่นนี้ค่อนข้างน่ากลัวในตอนกลางคืน อา… ระหว่างวันก็ไม่ดีกว่ากันสักเท่าไร เมืองทั้งเมืองดูมืดมน… ไคลน์ชื่นชม ‘ทิวทัศน์’ ริมถนนสักพักก่อนจะเดินเข้าไปในลานกว้าง ฝั่งซ้ายมือเป็นวิหารของ ‘วายุสลาตัน’ ฝั่งขวามือเป็นร้านอาหาร ผับ และร้านค้าอื่นๆ
ขณะมันหยุดฝีเท้า โลงศพที่หามโดยสี่คนกำลังถูกวางลงข้างๆ
หลังจากฝาโลงเปิดขึ้น ผู้โดยสารที่นอนอยู่ด้านในลุกขึ้นยืนและก้าวลงมา เป็นสุภาพบุรุษชาวทวีปเหนือที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อกั๊กสีดำ
เสื้อนอกของสุภาพบุรุษรายนี้ถูกคล้องไว้กับแขน คอยสวมหลังออกจากโลงศพ
ถัดมา ไคลน์เฝ้ามองสุภาพบุรุษคนดังกล่าวมุ่งหน้าไปยังวิหารของโบสถ์วายุสลาตัน
เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดชะมัด… ไม่ใช่ว่าศาสนจักรวายุสลาตันชอบที่จะเปลี่ยนประเพณีของดินแดนอาณานิคมให้เป็นแบบเดียวกับโลเอ็นหรอกหรือ? ทำไมถึงไม่ทำแบบเดียวกันในไบลัมตะวันออก? หรือเป็นเพราะเส้นทางมรณาใกล้เคียงกับเส้นทางรัตติกาล โบสถ์วายุสลาตันจึงพยายามรักษาความเชื่อในดินแดนที่บูชาเทพมรณา หวังให้โบสถ์รัตติกาลเผยแผ่ศาสนาได้ลำบาก? ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด เลี้ยวเข้าไปในตึกทางขวามือ เตรียมเข้าไปในผับแห่งหนึ่ง
ด้วยประสบการณ์อันโชกโชน มันเริ่มเข้าใจอย่างคลุมเครือว่า เหตุใดรูปแบบเสื้อผ้าของจักรวรรดิไบลัมโบราณจึงถูกบรรยายไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์หลายเล่ม
ชอบใส่กางเกงเบาๆ และโปร่ง มองว่าจีบเป็นของสวยงาม… เพราะจะได้สะดวกเวลานอนในโลงศพ? ไคลน์ยิ้มพลางส่ายหน้า ผลักเปิดประตูไม้หนักๆ ของผับ เดินผ่านกลุ่มคนเมาเข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์
ขณะเดียวกัน ทหาร ‘ผู้ติดตาม’ ทั้งสองคนเกรงว่าความจะแตก จึงสร้างระยะห่างกับดอน·ดันเตส ทำเพียงหยุดรอที่ประตู
ฉวยโอกาสไม่กี่อึดใจที่เกิดขึ้น ไคลน์รีบหักเลี้ยวพร้อมกับแหวกว่ายผ่านฝูงชนประหนึ่งปลา วิ่งออกไปทางประตูหลังของผับด้วยความเร็วสูง
แม้ว่ามันจะพูดตูทานไม่ได้ แต่ก็พอจะเข้าใจสัญลักษณ์ที่วาดบนป้ายประกาศ พอจะทราบว่าห้องน้ำอยู่ทางไหน และตรงไหนห้ามลูกค้าทั่วไปเข้า
หลังจากหักเลี้ยวเข้าไปในมุมอับของประตู ไคลน์หมุนตัวกลับหลังพร้อมกับถอดเสื้อนอกออกอย่างรวดเร็ว ห้อยไว้บนแขน
ถัดมา มือข้างหนึ่งกุมหัวไม้ค่ำที่เลี่ยมทอง ส่วนอีกข้างปิดหน้าพร้อมกับลดความเร็วในการเดิน ตรงกลับไปที่ประตูผับ
หลังจากเดินออกจากจุดที่ถอดเสื้อนอกราวสิบเมตร ไคลน์เลื่อนมือขวาออกจากใบหน้า รูปลักษณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จอนสีขาว ดวงตาลุ่มลึก บุคลิกสง่างาม ทั้งหมดอันตรธานหายไปโดยสิ้นเชิง ถูกแทนที่ด้วยรูปลักษณ์ของชาวโลเอ็นตามปรกติที่พบเห็นได้ทั่วไปในทวีปเหนือ
ในท่าถือกระเป๋าและไม้ค้ำ ไคลน์เดินอย่างใจเย็นผ่านหน้าทหาร ‘ผู้สะกดรอย’ ทั้งสองคนขณะที่มันพยายามมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาดอน·ดันเตส ออกจากผับอย่างราบรื่น
ไม่ว่าจะเป็นการสะกดรอยหรือต่อต้านการสะกดรอย ทั้งสองสิ่งคือจุดแข็งของผู้ไร้หน้า!
กลับถึงจัตุรัส ไคลน์เลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ ที่ลาดเอียงไปขึ้น ภายในใจเริ่มวางแผนหาห้องพัก
ขณะเดินไปบนถนนค่อนข้างเปลี่ยว มันก็ได้ยินเสียงตะโกนอันน่าสะพรึงกลัวของผู้หญิง
เสียงดังกล่าวดังขึ้นครู่หนึ่งก่อนจะเงียบสนิท
แม้จะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายตะโกนว่าอย่างไร แต่ไคลน์สัมผัสได้ถึงความกลัว สยองขวัญ และตื่นตระหนก ดังนั้น มันเปลี่ยนแผนทันที เลี้ยวเข้าไปในทางแคบๆ ที่ปลอดคนยิ่งกว่าเก่า
ผ่านไปไม่ถึงสิบวินาที ในตรอกเปลี่ยวดังกล่าว ชายท้องถิ่นผิวสีน้ำตาลคนหนึ่ง อายุราวสามสิบ กำลังข่มเหงเด็กผู้หญิงอายุไม่เกินสิบสามหรือสิบสี่ มีการใช้ความรุนแรง
ไคลน์ชำเลืองด้วยหางตา ลดความเร็วในการเดิน ก่อนจะหยุดฝีเท้าในเงามืดใกล้ๆ
ในเวลานี้ ใบหน้าของเด็กสาวกำลังบิดเบี้ยวด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด แต่ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนสักเท่าไร ก็ยากที่จะสลัดให้หลุด ผลลัพธ์เดียวคือการถูกทุบตีรุนแรงกว่าเดิม
น้ำตาและน้ำมูกไหลอาบใบหน้าเด็กสาว และเนื้อจากถูกเศษผ้ายัดมาก จึงทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้
แต่ทันใดนั้น เด็กสาวมีอันต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าไอ้ระยำที่พยายามจะถอดเสื้อผ้าของเธอ เริ่มเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าลง
“…” โดยไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เด็กสาวทำได้เพียงมองไอ้ระยำตรงหน้าค่อยๆ มีดวงตาเบิกโพลง กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกแผ่วเบา แต่อารมณ์ค่อนข้างคลุมเครือ มือเท้ากระตุกและหยุดเป็นพักๆ พยายามทำต่อจากสิ่งที่เคยทำ แต่ก็เชื่องช้าเสียจนขัดขืนได้ง่ายดาย
เด็กสาวผลักอีกฝ่ายออกตามสัญชาตญาณ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อพบว่าตัวเองเป็นอิสระ เธอรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เตรียมหนีออกไปจากตรอก ทว่า แข้งขากลับอ่อนระทวยอย่างมิอาจควบคุม หลังวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เด็กสาวสะดุดก้อนหิน เกือบจนเกือบล้มคะมำ
ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง ภายในใจทวีความตื่นตระหนก มือเท้าสั่นระริกยิ่งกว่าเดิม
ถัดมาไม่นาน เสียงฝีเท้าหยุดลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ