ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 913

สรุปบท ราชันเร้นลับ 913 : การเตรียมตัวของไคลน์: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอน ราชันเร้นลับ 913 : การเตรียมตัวของไคลน์ จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ราชันเร้นลับ 913 : การเตรียมตัวของไคลน์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ราชันเร้นลับ 913 : การเตรียมตัวของไคลน์
พร้อมหรือยัง? แน่นอนว่าไม่… ไคลน์ยิ้มแห้งพลางชี้ไปทางหุ่นเชิดเอ็นโซ

“ถุงมือนั่นยังไม่ถูกผนึก”

ในขณะกล่าว เอ็นโซเจ้าของผิวหนังแดงจนเกือบลอก ใช้มือซ้ายที่กำลังสวมแหวน ‘บุปผาโลหิต’ และ ‘ดอกไม้เขียว’ เพื่อถอดถุงมือหนังมนุษย์จากมือข้างขวา

นี่คือยุบพองหิวโหย

ตามปรกติแล้ว หากไม่ได้ใช้งาน ไคลน์มักจะโยนยุบพองหิวโหยไว้บนมิติหมอกสีเทา เพราะหลังจากถุงมือชนิดนี้กลายพันธุ์ ผนึกเดิมไม่สามารถใช้การได้อีก ทุกวันต้องได้กินคนเป็น ไม่อย่างนั้นมันจะกินผู้สวม แต่เมื่อพิจารณาว่ามิสเตอร์อะซิกตอบจดหมายแล้ว คงใกล้มาหาเต็มที ไคลน์จึงตัดสินพกยุบพองหิวโหยติดตัวไว้บนโลกความจริง

เพราะมันไม่อยากให้เกิดบทสนทนาในทำนองนี้:

“คุณจะให้ผมผนึกถุงมือนั่นอีกครั้งใช่ไหม?”

“ใช่ครับ… ผมขอเข้าห้องน้ำสักครู่”

หรือ:

“คุณพร้อมหรือยัง?”

“ไม่ครับ… ผมขอเข้าห้องน้ำสักครู่”

เพียงจินตนาการฉากดังกล่าว ไคลน์พลันเขินอายอย่างอธิบายไม่ถูก แม้จะไม่กังวลเรื่องนี้มิสเตอร์อะซิกอาจค้นพบความลับของมิติเหนือสายหมอก แต่ไคลน์ก็เป็นห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง

ดังนั้น หลังจากได้รับหุ่นเชิดใหม่และเสร็จสิ้นการทดสอบ ‘มองตัวเอง’ ไคลน์นำยุบพองหิวโหยกลับมายังโลกความจริงและจัดการอาหารของมันให้เรียบร้อยล่วงหน้า

โดยไม่เหมือนกับทุกครั้ง ผู้สวมใส่เปลี่ยนจากตัวเองเป็นหุ่นเชิดเอ็นโซ

นอกจากที่ว่ามาข้างต้น เพื่อระงับแรงกระตุ้นในการกินคนของยุบพองหิวโหย ไคลน์พกเห็ดธรรมดาติดตัวไว้สองสามดอก และให้หุ่นเชิดรักษาระยะห่างต่ำกว่าห้าเมตรเสมอ

ได้ยินคำถามของชายหนุ่มและได้เห็นพฤติกรรมของหุ่นเชิด อะซิกพยักหน้ารับ เหยียดแขนออกไปจับถุงมือหนังมนุษย์

ไคลน์ฉวยโอกาสหยิบเห็ดออกมาจากกระเป๋าและทิ้งลงถังขยะที่ไม่ห่างออกไป

เป๊าะ!

ชายหนุ่มดีดนิ้วเพื่อให้เห็ดเผาตัวเอง เปลวไฟแดงก่ำลุกโชน แต่มิได้ไม่กระทบกับสิ่งรอบข้าง

นี่คือพลัง ‘ควบคุมไฟ’ ของนักมายากล

หลังจากจัดการเสร็จ เมื่อเห็นสายตาของอะซิกมองตรงมาทางตน ไคลน์หัวเราะแห้ง

“การกลายพันธุ์ทำให้ยุบพองหิวโหยค่อนข้างหวาดกลัวเห็ด ผมจึงใช้จุดอ่อนดังกล่าวเพื่อควบคุมความกระหายของมัน”

อันที่จริง การพกเห็ดติดตัวแทบไม่มีประโยชน์ในแง่การควบคุมความกระหายของยุบพองหิวโหย จริงอยู่ สมบัติปิดผนึกรายนี้อาจสูญเสียตัวตนไปชั่วคราว แต่ทันทีที่เห็ดหายไป ถุงมือจะหันมาแว้งกัดผู้สวมทันที เว้นเสียแต่จะมี ‘อาหาร’ อื่นที่หากินได้ง่ายกว่าถูกวางอยู่ตรงหน้า

“เห็ด…” อะซิกถือถุงมือเปื้อนเลือดพลางพึมพำ จากนั้นก็เปลี่ยนให้บรรยากาศโดยรอบมืดลง ประหนึ่งแสงแดดนอกหน้าต่างถูกปฏิเสธมิให้เข้ามา

ไม่ว่าสัญลักษณ์ อักขระ หรือลวดลาย ไม่ว่าจะมีสีเทาอ่อนหรือเขียวเข้ม ความพิศวงจำนวนมากกำลังผุดขึ้นในอากาศ คล้ายกับกำลังถูก ‘เขียน’ ด้วยสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็น เช่นวิญญาณอาฆาต เงาดำ และวิญญาณ

พวกมันพัวพันและรวมตัวอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ค่อยๆ แปรสภาพกลายเป็นบานประตูทองแดงที่ลึกลับและมายาที่ดูคล้ายจะเชื่อมต่อกับอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกที่เปี่ยมไปด้วยความลุ่มลึก เงียบสงัด และสยองขวัญ

ประตูมายาบานดังกล่าวค่อยๆ หดตัวลง จนในที่สุดก็ถูกวางลงบนยุบพองหิวโหย ส่งผลให้เลือดที่เปื้อนบนผิวหนังจางลงอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงความซีดเซียว

ไม่กี่วินาทีถัดมา ถุงมือหนังข้างนี้กลับเป็นปรกติอีกครั้ง ลักษณะภายนอกยังคงเป็นถุงมือหนังแผ่นบาง แต่ถึงแม้จะไม่มีเห็ดคอยข่มความกระหาย มันก็จะไม่แสดงอาการฉุนเฉียวหรือกระหายเลือด

“เป็นเหมือนเดิมแล้ว” อะซิกยื่นยุบพองหิวโหยให้ไคลน์

รู้สึกดีที่มีลูกพี่ใหญ่คอยสนับสนุน! ไคลน์ถอนหายใจพลางขอบคุณจากก้นบึ้ง จากนั้นก็สวมยุบพองหิวโหยที่มือซ้าย

ครุ่นคิดสักพัก มันตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดปาก

ผ่านไปสักพัก ไม้เท้าหยุดชะงักกลาง ‘อากาศ’ อะซิกก็เองก็หยุดการเคลื่อนไหว แต่ยังไม่ออกจากโลกวิญญาณ

คล้ายกับกำลังพิจารณาบางสิ่ง คล้ายกับกำลังฟังบางอย่าง ผ่านไปราวสองสามวินาที มันเปิดปากพูด

“ไม่มีปัญหา”

กล่าวจบ มันพาไคลน์ที่กำลังจับหุ่นเชิด ‘เดิน’ ออกจากโลกวิญญาณ

ขณะเดียวกัน ไคลน์หวนนึกถึงประสบการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่ตนและมิสเตอร์อะซิกพยายามฟื้นฟูความทรงจำด้วยการตามล่าเอกสารโบราณที่อยู่ในมือของ ‘พลเรือโทโรคภัย’ เทรซี่

ณ ตอนนั้น อะซิกบอกว่า ‘ปัญหาไม่ร้ายแรง’ แต่ผลลัพธ์กลับออกมาเป็น ที่นั่นมี ‘แม่มดยุพนิรันดร์’ คาร์เทอริน่ารออยู่

ไม่มีปัญหา… ก็ได้… ไม่มีปัญหาก็ไม่มี… ไคลน์มองไปรอบตัวพลางพึมพำ

นี่คือสภาพแวดล้อมที่มันค่อนข้างคุ้นเคย เรือใบลำใหญ่ที่กำลังส่องแสงท่ามกลางความมืดอมเขียว ธงเรือเป็นดอกทิวลิปสีดำสนิท รวมไปถึงซอมบี้ โครงกระดูก วิญญาณ เงาดำ และสิ่งมีชีวิตอันเดดชนิดอื่นที่คอยควบคุมใบเรือ บ้างก็ลาดตระเวน บ้างก็เฝ้าปืนใหญ่ ปัจจัยทั้งหมดช่วยยืนยันว่าที่นี่คือ ‘ทิวลิปดำ’ เรือธงของ ‘พลเรือเอกขุมนรก’

ความแตกต่างที่ไคลน์เห็นจากครั้งก่อนก็คือ ณ ปัจจุบัน ‘ทิวลิปดำ’ เต็มไปด้วยผู้วิเศษที่ยังมีชีวิต

ในสภาพเหน็บดาบเล่มบางไว้ข้างเอว สวมเสื้อเชิ้ตโจรสลัดรุ่มร่าม สวมเสื้อนอกหรูหรา สวมหมวกสามมุมที่มีสัญลักษณ์กะโหลกสีขาว และสวมหน้ากากสีเงิน กัปตันเรือทิวลิปดำ ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าเขตห้องโดยสาร จ้องมองมาทางไคลน์

ทันใดนั้น แหวนสี่เหลี่ยมสีดำที่ลูเธอร์ไวล์สวมบนมือขวาพลันสั่นระริกพร้อมกับส่องแสงสว่างวาบ

เปลวไฟสีซีดในดวงตานายพลโจรสลัดผู้เย่อหยิ่งพลันไหววูบพร้อมกับหดขนาดลง

ถัดมา ลูเธอร์ไวล์รีบเดินไปหาอะซิก·อายเกสพลางหมอบกราบและจุมพิตลงบนดาดฟ้าเรือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าลูกเรือจำนวนมากที่กำลังยืนทึ่งหรือไม่ก็ประหลาดใจ

…………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ