แล้วก็ต้องผิดคาด ผ่านไปเพียงไม่นาน เมืองเงินพิสุทธิ์ตั้งทีมสำรวจเมืองนอร์ธขึ้น แถมยังนำทางโดยเจ้าเมืองโคลิน·อีเลียดด้วยตัวเอง!
เมื่อผนวกเข้ากับเนื้อหาของชุมนุมทาโรต์ในคราวก่อนที่ตนแลกเปลี่ยนข้อมูลกับมิสเตอร์แฮงแมน จัสติส และคนอื่นๆ เดอร์ริคเริ่มสร้างข้อสันนิษฐาน
ระหว่างการสำรวจอนุสาวรีย์บรรจุศพของอดีตเจ้าเมือง มิสเตอร์ฟูลเสนอความช่วยเหลือบางอย่างให้กับเจ้าเมืองคนปัจจุบัน ช่วยให้อีกฝ่ายขัดขวางแผนการของ ‘พระผู้สร้างเสื่อมทราม’ สำเร็จอย่างราบรื่นพร้อมกับสะสางปัญหา ดังนั้น เมื่อนักล่าปีศาจรายนี้เห็นว่าเดอร์ริคถามถึง ‘ตัวจำแลงกาย’ มันก็คิดจะล่าวัตถุดิบมาสังเวยให้กับเทพเพื่อเป็นการเอาใจ!
“นี่คือการตอบแทนตามมารยาท แถมยังเป็นการรักษาสมดุลของพลัง…” ถ้อยคำที่แฮงแมนกล่าวเอาไว้ กำลังดังกังวานภายในจิตใจเดอร์ริค ช่วยให้จิตใจของมันปราศจากความลังเล อาศัยจังหวะก่อนที่จะออกเดินทาง สวดวิงวอนถึงเดอะฟูลเพื่อแจ้งต่อให้เดอะเวิร์ลทราบเกี่ยวกับการสำรวจในครั้งนี้
มันได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงของเดอะเวิร์ลที่กล่าวว่า:
“…ถ้าการล่ามารพิสดารเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป ผมยินดีลดระดับความต้องการลง เอาแค่เลือดของมันจำนวนหนึ่ง… หากคุณรวบรวมได้เมื่อไร ตะกอนพลังนักบวชแสงจะตกเป็นของคุณทันที”
ตะกอนพลังของ ‘นักบวชแสง’ ? มิสเตอร์เวิร์ลมีตะกอนพลังของ ‘นักบวชแสง’ ในมือแล้ว? หรือเขากำลังหมายหัวเหยื่อไว้และสามารถไปเชือดได้ทุกเมื่อ? แค่เราได้เลือด… ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเมือง ผนวกกับทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยมของหน่วยสำรวจ โอกาสสำเร็จมีสูงมาก… เดอร์ริคโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เดินถือ ‘เทพสายฟ้าคำราม’ ออกจากบ้าน ตรงไปที่สนามซ้อม
ทันทีที่ถึงจุดหมาย มันเห็นร่างของเจ้าเมืองโคลิน·อีเลียด ดาบยาวสองเล่มถูกสะพายไว้บนหลัง สูงโปร่งและน่าเกรงขาม ทำให้ทุกคนเกิดความสบายใจแค่เพียงได้มอง
และถัดจาก ‘นักล่าปีศาจ’ ยังมีอีกหนึ่งคนยืนอยู่ เธอสวมชุดคลุมสีดำที่มีลวดลายสีม่วง ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘คนเลี้ยงแกะ’ อาวุโสโลเฟียร์ สตรีเจ้าของผมหยักศกสีเงินยาวสลวย
โลเฟียร์ที่ดูเหมือนเข้าร่วมทีมสำรวจนี้ด้วย หันหลังกลับมามอง กระจกตาสีเทาซีดของเธอสะท้อนร่างเดอร์ริค·เบเกอร์โดยปราศจากความผันผวนทางอารมณ์
เดอร์ริคผงะตกใจ ลดความเร็วลงโดยไม่รู้ตัว
…
ไบลัมตะวันออก เหนือหมอกสีเทา
หลังจากชื่นชมพฤติกรรมของเจ้าเมืองเมืองเงินพิสุทธิ์ที่ริเริ่มตั้งทีมสำรวจเมืองนอร์ธ ไคลน์กำชับกับเดอะซันน้อยว่า ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายมากนัก สิ่งที่ต้องการจากเป้าหมายมีเพียงเลือด
เมื่อถึงตอนนั้น มันสามารถนำเลือดมาป้ายลงบนปกการเดินทางของกรอซาย จากนั้นก็เตรียมทำศึกใหญ่กับ ‘มารพิสดาร’ ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี เก็บเกี่ยววัตถุดิบที่ต้องการจากมัน
สำหรับคำถามที่ว่า พลังในการดูดกลืนเข้าไปในโลกหนังสือของ ‘บันทึกการเดินทางของกรอซาย’ จะถูกตัดขาดโดยความพิเศษของดินแดนเทพทอดทิ้งหรือไม่ ไคลน์เองก็คำนึงถึงประเด็นนี้และคิดหาทางแก้ไขไว้แล้ว นั่นคือการส่งหนังสือเล่มดังกล่าวให้เดอะซันน้อยพกพา จากนั้นก็สังเวยคืนเมื่อเสร็จภารกิจ
และนอกจากนั้น มันมิได้กังวลว่า ‘มารพิสดาร’ จะเป็นสิ่งมีชีวิตวิญญาณที่ไม่มีเลือด เพราะสูตรโอสถจอมเวทพิสดารระบุไว้อย่างชัดเจนว่า:
“วัตถุดิบเสริม: เลือดของมารพิสดารสองร้อยมิลลิลิตร…”
วิธีแก้ปัญหามักมีมากกว่าปัญหาเสมอ… ไคลน์พึมพำด้วยความพึงพอใจ ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง
ก่อนจะเข้านอน มันได้รับจดหมายจากเลียวนาร์ด·มิเชลโดยมีเนื้อหาระบุว่า ‘หนอนกาลเวลา’ ที่ต้องการจะพร้อมส่งในอีกสองวันข้างหน้า รวมถึงเขียนอธิบายเกี่ยวกับวิญญาณมารอย่างละเอียด
อีกหนึ่งวันถึงจะได้ และมีเพียงสองตัวเท่านั้น สภาพของคุณปู่ในตัวเลียวนาร์ดคงค่อนข้างย่ำแย่… อา… ไม่สามารถออกจากอาณาเขต สามารถใช้พลังได้ในรัศมีที่กำหนดเท่านั้น… ความปรารถนาที่มีร่วมกันก็คือ ข้อแรก แนวโน้มในการสูบวิญญาณของสิ่งมีชีวิต และข้อที่สอง ปรารถนาการกินวัตถุดิบโอสถในเส้นทางเดิมสมัยยังมีชีวิตอยู่… กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิญญาณมารจะใช้ร่างกายอินซ์·แซงวิลล์ในการรวบรวมวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องและตะกอนพลัง… นี่เส้นทางการสืบสวนที่ควรเป็นจุดตั้งต้น… ไคลน์ถือจดหมายด้วยมือทั้งสองข้าง สมองครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย
ทันใดนั้น มันจดจำได้หนึ่งสิ่ง
ย้อนกลับไปในตอนที่มันได้พบกับอินซ์·แซงวิลล์บนเกาะกลางทะเลคลั่ง อีกฝ่ายกำลังถูกไล่ล่าโดยครึ่งเทพที่แข็งแกร่งของเส้นทาง ‘นักล่า’ !
หรือว่า… จะเป็นเพราะวิญญาณมารตนนั้น?
เราเคยคิดว่าอินซ์·แซงวิลล์ได้รับมอบหมายจากฝ่ายราชวงศ์บางกลุ่ม ลงมือทำอะไรบางอย่างกับอินทิส แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวและต้องเปิดเผยตัวเอง ส่งผลให้ถูกครึ่งเทพของพวกมันตามล่า…
แต่จากข้อมูลล่าสุด ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่ใช่แบบนั้น… วิญญาณมารในตัวมันปรารถนาตะกอนพลังของเส้นทาง ‘นักล่า’ และทันทีที่สามารถควบคุมร่างกายได้ชั่วขณะ มันจะไล่ฆ่าผู้วิเศษในเส้นทางนักล่า… ผลลัพธ์อาจเป็นได้ทั้งสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ก็ไม่แคล้วลงเอยด้วยการถูกครึ่งเทพของเส้นทางนักล่าหมายหัว โดยที่อีกฝ่ายอาศัยสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมของนักล่าเพื่อสะกดรอยตาม… ยิ่งครุ่นคิด ไคลน์ก็ยิ่งเชื่อว่าข้อสันนิษฐานล่าสุดเข้าใกล้ความจริง
เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะอธิบายได้ว่า เหตุใดอินซ์·แซงวิลล์ที่ครอบครอง 0-08 ถึงถูกพบตัว!
ในเวลาเดียวกัน หุ่นเชิดเอ็นโซและลูเธอร์ไวล์ก้มตัวลงและบีบนวดขาของไคลน์
ปัจจุบัน ข้อมูลที่ค่อนข้างแน่ชัดมีเพียง วิญญาณมารตนดังกล่าวอยู่บนเส้นทางนักล่า… เราจะตอบจดหมายเลียวนาร์ดและให้หมอนั่นคอยชี้นำถุงมือแดงให้สำรวจในทิศทางนี้… เฮ่อ… แต่หมอนั่นเล่นละครไม่เก่ง ไม่ชำนาญจิตวิทยามนุษย์ คงไม่แคล้วได้ถูกเปิดโปงเข้าจนได้… แต่ก็ไม่แน่ เลียวนาร์ดอาจจะโยนเรื่องทั้งหมดให้กับสายข่าวนิรนามไม่เปิดเผยตัวตน… สายข่าวที่ไม่เคยมีอยู่จริง… วิญญาณมารของเส้นทางนักล่า… วิญญาณมารของเส้นทาง… นักล่า… ดวงตาไคลน์พลังเบิกโพลง ลำตัวลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ปล่อยให้หุ่นเชิดทั้งสองพลันเหม่อลอย
ไคลน์รู้จักวิญญาณมารไม่มากนัก และจากบรรดาทั้งหมด มีเพียงตนเดียวที่อยู่บนเส้นทางนักล่า!
ดวงวิญญาณดังกล่าวมีแก่นเป็น ‘เทวทูตสีชาด’ เมดีซี โดยผสานเข้ากับดวงวิญญาณของเทวทูตลำดับ 1 อีกสองตนจากตระกูลเซารอนและไอน์ฮอร์น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ