ผ่านไปสักพัก ฟอร์สยิ้มแห้ง
“ฮะฮะ… เธอยังไม่นอนหรือ?”
ซิลขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อครู่?”
“ไม่มีอะไร ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ เมื่อเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวง อาการของฉันไม่ค่อยดี และยิ่งแย่ลงถ้าเป็นจันทราโลหิต” ฟอร์สแสร้งทำเป็นปรกติ
ซิลมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาขึ้นลง ดึงผ้าห่มขึ้น
“เธอมียานอนหลับไม่ใช่หรือ?”
“ตอนนี้ไม่จำเป็น ฉันดีขึ้นแล้ว” เมื่อเห็นซิลไม่ซักไซ้ ฟอร์สแอบโล่งใจ “นอนกันดีกว่า พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าป่า”
โดยไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่ม ซิลหันหลังกลับ กอดผ้าห่มและหลับตา
ผ่านไปไม่นาน ลมหายใจของเธอเริ่มส่งเสียงดัง เป็นจังหวะที่ยาวและสม่ำเสมอ
ฟอร์สจ้องเพดานห้องที่ว่างเปล่า ปล่อยให้ความคิดล่องลอยจนกระทั่งหลับไปเอง
…
เที่ยววันถัดไป ใจกลางป่าเดแลร์ ด้านหน้าปราสาทที่เสื่อมโทรมและปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์เขียว
ฟอร์สปาดเหงื่อจากหน้าผาก ถอนหายใจแผ่ว
“มาถึงสักที…”
ซิลชำเลืองก่อนจะพูด
“เจ้าของโรงแรมบอกว่า ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงก็ถึงที่นี่…”
พวกเธอออกก่อนหกโมงเช้า ใช้เวลาเดินทางจริงเกือบเจ็ดชั่วโมง
มุมปากฟอร์สกระตุกเล็กน้อย
“อุดมคติกับความจริงอาจจะแตกต่างกัน ตามทางที่พวกเรามานั้นไม่มีร่องรอยของทางเดิน ต้องสำรวจเองและสร้างเส้นทางใหม่เอง!”
ซิลหยิบมีดสามคมออกมาถือ พยักหน้าและกล่าว
“เธอน่าจะเดาได้ไม่ยากว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปฏิเสธไกด์ที่เจ้าของโรงแรมแนะนำ”
“ในฐานะโหราจารย์ ฉันไม่คิดว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้จะสร้างปัญหาใหญ่ แล้วก็ไม่ผิดจากที่คาด พวกเรามาถึงที่หมายได้อย่างราบรื่น! นอกจากนั้น เวลาก็ยังประจวบเหมาะ เหล่าภูตผีกำลังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด!” ฟอร์สยิ้มพร้อมกับถือบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ นิ้วหนึ่งชี้ไปข้างหน้า “ฉันมีคำถามในใจมาสักพักแล้ว ยิ่งขบคิดก็ยิ่งงุนงง”
“คำถาม?” ซิลจ้องปราสาทที่ถูกทิ้งร้างและปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์
ฟอร์สกุเรื่องขึ้นมาบ่ายเบี่ยง
“ลองตอบฉันมา… ทำไมเจ้าของถึงต้องสร้างปราสาทไว้กลางป่า? แถมยังไม่มีถนนหนทาง…”
แต่ยังไม่ทันกล่าวจบ เธอเริ่มพบว่าประเด็นนี้น่าสนใจและผิดธรรมชาติอย่างมาก
ซิลครุ่นคิดสักพัก
“บางทีอาจเคยมีถนน แต่หลังจากถูกทิ้งร้าง นานวันเข้า ร่องรอยก็หายไป”
ฟอร์สสางผมข้างใบหู ส่ายหน้าและกล่าวต่อ
“แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องทิ้งปราสาท? หากคำนึงด้านความปลอดภัย ตามปรกติแล้วจะไม่มีใครสร้างปราสาทห่างไกลจากตัวเมืองมากนัก เพราะมันเต็มไปด้วยอันตราย แต่ถ้าใช้แค่ในช่วงวันหยุดพักร้อน ตามนิสัยของพวกขุนนาง พวกเขาต้องคอยบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะแพงสักแค่ไหนก็ตาม”
ซิลโพล่งขึ้น
“เพราะถูกผีสิง?”
ฟอร์สครุ่นคิดสักพัก
“ใครก็ตามที่มีเงินพอจะสร้างปราสาทหลังนี้ จะไม่มีปัญญาจ้างผู้วิเศษมาไล่ผีเชียวหรือ? ฉันกลับสงสัยว่าสามโบสถ์หลักและรัฐบาลไม่รู้ว่ามีปราสาทหลังนี้อยู่… ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้วัตถุดิบวิเศษหลงเหลืออยู่ภายใน”
กล่าวถึงตรงนี้ เธอเสนอความเป็นไปได้
“ปราสาทโบราณของผีดูดเลือด?”
สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ชอบอาศัยห่างไกลผู้คน และมักเกี่ยวข้องกับป่าทึบและปราสาทเก่าแก่
นอกจากนั้น ข้อมูลของปราสาทก็ยังมาจากผีดูดเลือด
“เป็นไปได้” ซิลเห็นพ้อง ก่อนจะเสนออีกหนึ่งความเห็น “แต่ฉันไม่เคยได้ยินว่าผีดูดเลือดกลัวภูตผี พวกเขาน่าจะขับไล่วิญญาณอาฆาตโบราณได้ไม่ยากไม่ใช่หรือ?”
มีเหตุผล… อย่าบอกนะว่าผีดูดเลือดเป็นพวกไม่สนใจเงินทอง ไม่สนใจการครอบครองวัตถุดิบวิเศษ? ฟอร์สนึกทบทวนท่าทีของเดอะมูนสักพัก ก่อนจะปฏิเสธสมมติฐานของตัวเองและกล่าว
“…เว้นเสียแต่จะมีปัญหาที่ยากจะสะสาง ส่งผลให้แม้แต่ผีดูดเลือดที่แข็งแกร่งก็เลือกจะเลี่ยงมัน”
หากเป็นเช่นนั้น ภารกิจในคราวนี้ของพวกตนคงเต็มไปด้วยอันตรายเหนือจินตนาการ
ซิลอืมในลำคอ
“รีบสำรวจเบื้องต้นในตอนที่แดดแรงกันเถอะ”
“ตกลง” ฟอร์สขยับเข้าใกล้ปราสาทเก่าแก่ทีละก้าวโดยถือบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ในมือ
เพียงไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงทางเข้าซึ่งมีหินขวางไว้กว่าสองในสาม พบว่าใต้เถาวัลย์สีเขียว กำแพงหินเต็มไปด้วยรอยกระดำกระด่าง สึกกร่อนอย่างรุนแรง คล้ายกับถูกสร้างในอดีตเมื่อนานมากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ