ด้านหลังประตูทองแดง เสียงเคาะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กังวานไปทั่วห้องใต้ดิน คล้ายกับดังมาจากอดีตอันแสนห่างไกล
ร่างกายฟอร์สพลันสั่นระริก กล่าวด้วยเสียงที่ถูกบีบจนเบา
“อะไรอยู่หลังประตู?”
“ไม่รู้เหมือนกัน” ซิลส่ายหน้าขึงขัง กลืนน้ำลายตามจิตใต้สำนึก
มือขวาที่เพิ่งหยิบมีดสามคมขึ้นมา เส้นเลือดกำลังปูดโปนชัดเจน
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงเคาะประตูไม่เร็วขึ้นหรือช้าลง รักษาจังหวะเดิมได้อย่างคงที่ แต่ละครั้งราวกับเคาะเข้าไปในหัวใจซิลและฟอร์สโดยตรง ส่งผลให้เส้นขนทั่วร่างลุกตั้งชัน
“มันคงไม่ออกมาใช่ไหม… ถ้ามันออกมาได้ง่ายๆ คงไม่รอจนถึงวันนี้แน่… ฟอร์สปลอบใจตัวเองในสภาพปากซีด”
ซิลพยักหน้าหนักแน่น
“หลังจากวัตถุดิบวิเศษควบแน่น พวกเราจะออกไปทันที”
ภายใต้บรรยากาศกดดัน ความอยากรู้อยากเห็นย่อมมิอาจเอาชนะความหวาดกลัวจากก้นบึ้ง
“ตกลง!” ฟอร์สจ้องไปยังจุดที่วิญญาณอาฆาตโบราณถูกชำระล้าง บ่นอย่างหัวเสียในเรื่องที่เดอะมูนไม่ยอมแจ้งข้อมูลอย่างละเอียด ไม่ได้บอกว่าด้านล่างปราสาทเก่ามีบานประตูลึกลับ
ทันใดนั้น ท่ามกลางความมืด ฝุ่นเรืองแสงที่ดูคล้ายอัญมณีละเอียด ค่อยๆ ไหลมารวมตัวกันและแบ่งออกเป็นสองกอง
รอบๆ ละอองเรืองแสง เศษเสี้ยววิญญาณบางๆ ควบแน่นกลายเป็นผลึกใสจนดูเหมือนภาพมายา
นอกจากฝุ่นและผลึก สิ่งที่ถูกควบแน่นยังมีสองชิ้น หนึ่งคือแหวนสีใส ลักษณะคล้ายกับถูกกัดกร่อน สองคือดวงตาที่เหมือนกับแกะสลักจากผลึก ภายในมีสิ่งที่คล้ายกับแก๊สสีดำไหลเวียน
ได้เห็นฉากตรงหน้า ฟอร์สเข้าใจบางสิ่งขึ้นมาทันที
วิญญาณอาฆาตโบราณคือสิ่งมีชีวิตที่มีตะกอนพลังผสมอยู่ เกิดจากการผสานระหว่างวัตถุบางชนิดสมัยยังมีชีวิตเข้ากับตะกอนพลังของเจ้าตัว กลายเป็นรากฐานของการคงสภาพร่างวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ คำสาปของวิญญาณอาฆาตโบราณแต่ละตนจึงแตกต่างกันไป แต่แก่นแท้ไม่แตกต่าง ส่วนฝุ่นละอองคือตะกอนพลังในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นแหล่งกำเนิดพลังส่วนใหญ่ของพวกมัน เกิดจากเศษเสี้ยวร่างวิญญาณสมัยยังมีชีวิต เฉกเช่นเลือดของสัตว์ประหลาด
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงเคาะจากด้านหลังประตูทองแดงยังไม่หยุดลง คล้ายกับกำลังทดสอบจิตใจของฟอร์สและซิล
เนื่องจากความกลัวและตื่นตระหนก พวกเธอถึงกับตาฝาดเห็นว่าบานประตูทองแดงกำลังสั่น หัวใจเต้นแรงอย่างมิอาจหักห้าม เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่าง
ในสภาพที่พร้อมกระโจนขึ้นบันไดทุกเมื่อ ฟอร์สรอคอยจนกระทั่งละอองฝุ่นและวัตถุต้องสาปก่อตัวเป็นรูปร่างสมบูรณ์
เธอส่งสัญญาณให้ซิลช่วยคุ้มกัน ส่วนตัวเองนั่งยองลงพร้อมกับหยิบกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้ออกมาสามกล่อง
ลังเลสักพัก ฟอร์สเงยหน้ามองซิลและพูด
“วิญญาณอาฆาตโบราณทั้งสองต่างรอที่จะได้พบกันมานาน… ฉันอยากจะ… อยากจะแบ่งสิ่งที่เป็นตัวแทนพวกเขาเพื่อฝังไว้ด้วยกัน… เอ่อ… สำหรับที่เหลือ ฉันจะถือวัตถุต้องสาป เธอถือละอองฝุ่น ส่วนเศษเสี้ยวพลังวิญญาณ พวกเราจะแบ่งกัน ตกลงไหม?”
ซิลไม่คัดค้าน พยักหน้าแผ่วเบา
“ตกลง”
ฟอร์สถอนหายใจเงียบ เม้มริมฝีปาก พลิกหน้าบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ลูบผ่านอักขระด้วยปลายนิ้ว
ห้าเล็บมือข้างขวาของเธอยืดยาวออก ปลายแหลม พื้นผิวปกคลุมด้วยลวดลาย
กรงเล็บกัดกร่อนของผีดูดเลือด
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของมือ ฟอร์สใช้มันขุดหลุมอย่างง่ายดาย ฝากรอยกัดกร่อนเอาไว้บนดิน
ถ้ามา เธอใส่ผลึกดวงตาและกองฝุ่นลงในหลุม กลบด้วยอิฐและดินที่เพิ่งถูกขุดขึ้น
ฟอร์สใช้เล็บแหลมเขียนคำจารึก
“คนหนึ่งที่ปกป้อง คนหนึ่งที่ย้อนกลับมาหา อยู่ด้วยกันตลอดไป”
จัดการเสร็จ ฟอร์สเตรียมถอนหายใจ แต่ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงทุบดังมาจากด้านหลังประตูทองแดง
โครม!
เธอสะดุ้งเฮือก รีบเก็บละอองฝุ่น แหวนต้องสาป และเศษเสี้ยวพลังวิญญาณเข้าไปในกล่องโลหะสี่เหลี่ยม
จากนั้น หญิงสาวเก็บกล่องพร้อมกับลุกขึ้นยืน เดินไปทางบันไดพร้อมกับซิลในท่าย่อง
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงทุบประตูทวีความดังและหนักหน่วง ฟอร์สและซิลขมกรามแน่นตามจิตใต้สำนึก เดินขึ้นบันไดและเร่งฝีเท้า
พวกเธอเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นวิ่ง ไม่สนใจว่าจะหกล้มบนบันไดหรือไม่
จนกระทั่ง ดวงอาทิตย์ส่องแสงปะทะใบหน้าฟอร์สและซิล
พวกมันส่องมาจากด้านนอก สาดลงบนบันไดขั้นแรก ทั้งสดใส บริสุทธิ์ และอบอุ่น
ทันใดนั้น เสียงเคาะจากด้านล่างเงียบไป ไม่ดังขึ้นมาอีกเลย
ฟอร์สและซิลมองหน้ากันและกัน ลดความเร็วลง สองสามก้าวใหญ่ๆ ถัดมา พวกเธอก็มาถึงชั้นบนของปราสาทร้าง
ทั้งสองไม่สนทนาแม้แต่คำเดียว รีบออกจากที่นี่ กลับไปยังชายขอบของป่า
เดินไปได้สักพัก ฟอร์สเริ่มใจเย็นลง เม้มฝีปากและพูด
“น่ากลัวมาก… แม้สิ่งที่อยู่หลังประตูทองแดงจะไม่ได้ทำร้ายพวกเราโดยตรง ไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็น แต่ฉันกลับคิดว่ามันน่ากลัวยิ่งกว่าวิญญาณอาฆาตโบราณเสียอีก น่ากลัวยิ่งกว่าทุกสิ่งที่ฉันเคยเห็น… ภายในไม่กี่วินาที ฉันหวนนึกถึงความตายอันน่าสยดสยองที่ตัวเองเคยจินตนาการไว้ แต่กลับไม่มีรูปแบบใดที่น่ากลัวเท่ากับเสียงเคาะนั่น”
ซิลหันหน้ามามอง ผงกศีรษะเห็นด้วย
“ใช่… รู้สึกเหมือนกับกำลังเดินบนขอบผา”
ขณะฟอร์สเตรียมกล่าวบางสิ่ง เธอเห็นจมูกของซิลมีเลือดสีแดงไหลออกมาสองเส้น
“ซิล… ซิล! เลือดกำเดาเธอไหล!” ฟอร์สรีบเตือนเพื่อน
ซิลผงะเล็กน้อย หดรูม่านตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ