“ข้ายืนยันแล้วว่า ปราสาทร้างที่อยู่กลางป่าเดแลร์เป็นบททดสอบที่ผีดูดเลือดมอบให้ข้า ที่นั่นมีเพื่อปกปิดสถานการณ์บางอย่าง”
กล่าวจบ คล้ายกับมันยกหินออกจากอก มิได้กระอักกระอ่วนและรู้สึกผิดเหมือนคราวก่อน
มันถือโอกาสมองไปยังแฮงแมนและเฮอร์มิทรอบๆ ทั้งสองทำสีหน้าปรกติคล้ายกับคาดเดาได้
จากที่เห็น พวกเขาคงค้นพบความผิดปรกติหลังจากได้ยินสิ่งที่มิสเมจิกเชี่ยนเล่า… เอ็มลินพยักหน้าเล็กๆ รีบเสริมก่อนที่ฟอร์สจะได้กล่าวคำใด
“ข้าเสียใจจริงๆ … จะยกเงินจำนวนสามร้อยปอนด์ค่านายหน้าให้ และแถมให้อีกสามร้อยปอนด์… นอกจากนั้น ข้าวางแผนจะลงโทษผีดูดเลือดที่จงใจแจ้งข้อมูลไม่ครบ”
แม้ว่ามิสเตอร์มูนจะเป็นคนหยิ่งทระนง แต่ก็จริงจังในการแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองมาก ไม่คิดจะปัดความรับผิดชอบแม้แต่น้อย… แต่ทางเราก็ได้คำสาปและละอองวิญญาณของวิญญาณอาฆาตโบราณมาครบแล้ว เรื่องราวจบลงด้วยดี ในเมื่อมิสเตอร์มูนไม่มีเจตนาทำร้ายเรากับซิล เขาก็ไม่จำเป็นต้องชดเชยมากเกินเหตุ… ฟอร์สจำคำแนะนำของซิลได้ กล่าวโดยไม่หันไปมองเพื่อสนิท
“ความผิดไม่ได้เกิดจากตัวคุณ ไม่จำเป็นต้องชดเชยเพิ่ม แค่เงินค่านายหน้าก็พอแล้ว”
กล่าวจบ เธอฉุกคิดบางสิ่งได้กะทันหัน: ในเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทร้างเป็นบททดสอบจากผีดูดเลือด เช่นนั้นแล้ว เธอกับซิลจะถูกเฝ้าจับตามองโดยผีดูดเลือดด้วยไหม?
ในที่สุดฟอร์สก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจหัวไปมองด้านข้าง เห็นมิสจัดจ์เมนต์ส่ายหน้าเล็กน้อย บอกเป็นนัยว่ายังไม่ถูกใครสะกดรอยตาม
หมายความว่ายังไง… ฟอร์สประหลาดใจ ขบคิดไม่ออก
เธอพยายามทำสมาธิ นึกทบทวนเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนั้น
พวกเราใช้เวลาสำรวจนานเกินไป ผีดูดเลือดจึงหมดความอดทน?
เจ้าของโรงแรมในเมืองเล็กๆ คนนั้นรู้จักปราสาทร้าง… หรือว่าจะเป็นผีดูดเลือดปลอมตัวมา? ไม่เสมอไป ชาวเมืองทุกคนล้วนรู้เรื่องนี้ เพียงแต่ปราสาทหลังนั้นอยู่ไกลเกินไป และไม่มีสิ่งของมีค่าหลงเหลือ คงไม่มีใครคิดจะมุ่งหน้าไปทางนั้น เว้นเสียแต่จะเข้าป่าล่าสัตว์…
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… ปราสาทร้างหลังนั้นอันตรายมาก ไม่มีทางที่คนเข้าไปหลบฝนเฉยๆ จะปลอดภัย แล้วทำไมชาวเมืองถึงอธิบายเพียงว่า ‘ค่อนข้างน่ากลัว’ ? อาจเป็นไปได้ว่า ผีดูดเลือดมักผนึกทางลงใต้ดินไว้ตลอดเวลา และเปิดออกเฉพาะในตอนที่มีการทดสอบ? หมายความว่ามีการจับตามองอยู่จริงๆ?
หืม… เป็นเพราะปราสาทหลังนั้นอันตรายเกินไป คนที่คอยจับตามองจึงซ่อนตัวอยู่ในป่ารอบนอก ไม่มีใครกล้าเข้าไปข้างใน? แต่เป็นเพราะเรากับซิลหลงทางเดินอ้อม ก็เลยไม่เจอพวกเขา?
‘มิสเตอร์ฟูล’ ไม่ได้ตักเตือน ไม่น่าจะเป็นปัญหาร้ายแรงนัก… กลับโลกแห่งความจริงเมื่อไร เราต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น!
ขณะฟอร์สกำลังเค้นสมอง เอ็มลินครุ่นคิดและกล่าว
“…ตกลง”
มันไม่ยืนกรานจะคืนเงินเพิ่ม เพราะเชื่อว่าวิธีชดเชยที่ดีที่สุดก็คือ ลงโทษเออร์เนส·โบยาร์!
จากนั้น มันรอให้มิสเมจิกเชี่ยนเสนอว่าจะลงโทษอย่างไร และตั้งใจจะใช้โอกาสนี้เพื่อปรึกษาหารือกับสมาชิกคนอื่นในชุมนุมทาโรต์ ดูว่ามีความคิดที่น่าสนใจหรือไม่
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สมองว่าเรื่องนี้เป็นความบาดหมางภายในตระกูลผีดูดเลือด ส่วนตนเป็นเพียงผู้เคราะห์ร้าย เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์มูนไม่ได้เสนอแผนใด เธอจึงปิดปากเงียบ รอฟังข้อสรุปในตอนสุดท้ายทีเดียว
วังที่เหมือนกับถิ่นพำนักคนยักษ์เงียบลงกะทันหัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
‘จัสติส’ ออเดรย์มองฝั่งตรงข้าม มองด้านข้าง เม้มปากเล็กน้อยและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มิสเตอร์มูน คุณจะลงโทษผีดูดเลือดตนนั้นอย่างไร?”
ฟู่ว… เอ็มลินถอนหายใจเงียบ ชำเลืองไปทางเดอะเวิร์ลโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะกล่าว
“เขาทำเรื่องนี้ภายใต้คำสั่งของเบื้องบน ข้าคิดว่าโทษไม่ควรรุนแรงถึงความตาย”
ความหมายโดยนัยก็คือ มิสเตอร์เวิร์ล เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง
เมื่อพบว่าเดอะเวิร์ลสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่งไม่คัดค้าน มันหันไปที่อีกมุมหนึ่ง
“ข้าจะล่อลวงผีดูดเลือดตนนั้นมาที่วิหารแห่งหนึ่งของพระแม่ธรณีในกรุงเบ็คลันด์”
หลังจากเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์มานาน แม้เอ็มลินจะไม่ใช่คนที่ใส่ใจอะไรมาก แต่มันก็ทราบว่าการปกปิดสถานการณ์ของตัวเองคือสิ่งจำเป็น มันจึงมิได้เอ่ยชื่อวิหารฤดูเก็บเกี่ยวออกไป
ในกรุงเบ็คลันด์มีวิหารของพระแม่ธรณีเพียงแห่งเดียว นั่นคือวิหารฤดูเก็บเกี่ยว! ส่วนที่เหลือจะตั้งอยู่แถวชานเมืองและชนบท… ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดกลั้นขำ แหงนหน้ามองหลังคาโดมสูง
“คุณต้องการให้ผู้วิเศษของวิหารพระแม่ธรณีชำระล้างผีดูดเลือดตนนั้น?” ฟอร์สโพล่งด้วยสีหน้าประหลาดใจ
สำหรับเธอ นี่ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าทิ้ง!
“เอ่อ…” เอ็มลินกระอักกระอ่วน ตอบไม่ถูกไปสักพัก
ทันใดนั้น ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพูดแทรก
“โบสถ์พระแม่ธรณีชอบที่จะเปลี่ยนให้ผีดูดเลือดมานับถือศาสนาของตน จากนั้นก็ให้ทำงานรับใช้ในฐานะบิชอปหรือนักบวช”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ