ตอนที่ 102 โลกมันกลม
หยวนฟางที่รับฟังอยู่ด้านข้างอมยิ้มมุมปาก พบว่าเต้าเหยี่ยยังคงพูดจาด้วยความมั่นใจอย่างน่าประหลาด ถึงแต่งงานก็ต้องมาพบเขาอย่างนั้นหรือ
ฟางเจ๋อเหงื่อตกเล็กน้อย นี่มิเท่ากับไปหลอกคนเขาหรอกหรือ จึงเอ่ยเตือนว่า “เต้าเหยี่ย อย่าเห็นว่าไห่หรูเยวี่ยเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งนะขอรับ ถึงแม้นจะอยู่ในสถานการณ์ที่สามีตายบุตรชายอ่อนแอ ทว่าแม่ม่ายตัวคนเดียวอย่างนางกลับยังสามารถสยบกลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเอาไว้ได้ ยังคงควบคุมมณฑลจินโจวได้อย่างมั่นคง เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา หากถึงเวลานั้นไม่มียอดหมอปรากฏตัว การที่กล้านำเรื่องเช่นนี้มาหลอกลวงนาง เกรงว่าพวกเราทั้งหมดคงหมดหวังจะได้รอดชีวิตออกมาจากจวนผู้ว่าการมณฑลแน่ขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเรียบเฉย “เจ้าจงไปจัดการตามที่ข้าบอก”
“นี่…” ฟางเจ๋อยิ้มเจื่อนพลางกล่าว “เต้าเหยี่ย มิใช่ว่าข้ากลัวตายนะขอรับ เพื่อท่านอ๋องแล้วต่อให้บุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่ลังเล แต่หากเราไปยั่วโทสะไห่หรูเยวี่ยเข้า นั่นอาจจะชักนำความเดือนร้อนไปให้ท่านอ๋องได้นะขอรับ!”
หยวนฟางถลึงตาใส่ “ให้เจ้าไปทำอะไรก็ไปทำตามนั้น พล่ามไร้สาระทำไม!” เขาเลียนแบบสำเนียงวาจาของหยวนกังมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อหยวนกังไม่อยู่ เขาจึงคิดว่าตนสมควรต้องทำหน้าที่แทนหยวนกัง
หนิวโหย่วเต้ายกมือปรามเขา ห้ามไม่ให้เขาขู่ขวัญอีกฝ่าย ส่วนตัวเองก็ผ่อนน้ำเสียงลง เอ่ยว่า “การที่ท่านอ๋องส่งข้ามา พระองค์ย่อมต้องมีเหตุผลที่ส่งข้ามา มิได้ส่งข้ามาเพื่อทำเสียเรื่อง มิเช่นนั้นจะสั่งให้เจ้าให้ความร่วมมือกับข้าได้อย่างไร ฟางเจ๋อ เจ้าคิดว่าข้าจะเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรือ?”
พอเขาเอ่ยเช่นนี้ จิตใจที่ตึงเครียดของฟางเจ๋อพลันคลายตัวลง ประสานมือตอบรับ “ขอรับ! ข้าจะไปจัดเตรียมห้องพักให้ทั้งสองท่านก่อน”
หนิวโหย่วเต้าผายมือสื่อว่าเชิญตามสบาย หลังฟางเจ๋อออกไปแล้ว ทั้งสองก็รออยู่ในห้องก่อน
ภายในห้องเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง จู่ๆ หยวนฟางพลันเอ่ยขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เต้าเหยี่ย อันที่จริงคำพูดของฟางเจ๋อคนนี้ก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วนนะขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าหันไปมองเขา “ทำไม? กลัวแล้วหรือ? เมื่อครู่ยังว่าเขาอย่างมั่นอกมั่นใจอยู่เลยมิใช่หรือ?”
“เต้าเหยี่ยเข้าใจผิดแล้วขอรับ ข้าเพียงเตือนนิดหน่อยขอรับ เพียงเตือนนิดหน่อย” หยวนฟางหัวเราะแห้งๆ ถึงแม้เมื่อครู่ตอนเลียนแบบน้ำเสียงของหยวนกังสั่งสอนคนอื่นจะรู้สึกสะใจ แต่หลังจากพูดออกไปเขาก็นึกเสียใจขึ้นมา สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มีความมั่นใจเหมือนอย่างหยวนกัง ที่สำคัญคือจะไปหลอกลวงสตรีผู้นั้นถึงจวนผู้ว่าการมณฑล ชีวิตน้อยๆ ของตนอาจจะต้องทิ้งอยู่ที่นั่นจริงๆ ก็เป็นได้
รออยู่ไม่นานนัก ฟางเจ๋อก็จัดการเรื่องห้องพักเสร็จเรียบร้อย เขาตั้งใจเลือกห้องที่อยู่ติดกันให้
ทั้งสามคนเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกัน ตรวจดูภายในห้องเล็กน้อย ไม่พบปัญหาอะไร
วันนี้นับว่าเรียบร้อยแล้ว หนิวโหย่วเต้าให้ฟางเจ๋อไปจัดการธุระของตน ส่วนตัวเขาพาหยวนฟางออกไปจากโรงเตี๊ยม
ปากบอกว่าจะออกไปเดินเล่น แต่ความจริงคือออกไปสำรวจสภาพภูมิประเทศภายในตัวเมือง
ความใหญ่โตของมหานครเป็นรองเพียงเมืองหลวง ด้านความเจริญรุ่งเรืองของมันย่อมมิใช่สิ่งที่สถานที่ทั่วไปจะเทียบชั้นได้เช่นกัน สองฝั่งถนนมีร้านรวงต่างๆ เนืองแน่นเรียงราย ผู้คนสัญจรขวักไขว่ไม่ขาดสาย คนที่สวมใส่เสื้อผ้าหรูหรามีราคาก็มิใช่สิ่งที่เขตบ้านนอกกันดารจะเทียบชั้นได้เช่นกัน เมื่อเดินอยู่ในศูนย์กลางมณฑลแห่งนี้แล้ว ทำให้ลืมไปเลยว่านี่คือยุคสมัยแห่งความวุ่นวาย
หยวนฟางเรียกได้ว่าเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง เหลียวมองรอบด้านด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น รู้สึกแปลกใหม่กับข้าวของมากมาย
หนิวโหย่วเต้าเหลือบมองดูเขาเป็นระยะ ลอบรู้สึกทอดถอนใจ ปีศาจตัวนี้ยังห่างชั้นกับเจ้าลิงมากนัก หากคนที่มาทำงานด้วยคือเจ้าลิง เขารู้ดีว่าอาจจะมีอันตราย ไม่ว่าเดินไปทางไหนเจ้าลิงจะต้องคอยสังเกตจดจำภูมิประเทศและเส้นทางไว้อย่างแน่นอน เผื่อไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน
แต่ก็ไม่อาจตำหนิหยวนฟางได้เช่นกัน เพราะหากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว หยวนฟางไม่เคยพบเห็นอะไรมาก่อนเลย อาศัยอยู่ในชนบทห่างไกลมาโดยตลอด ปากบอกว่าเป็นสมณะ แต่ความจริงกลับคอยปล้นชิงเหมือนอย่างโจรภูเขามาโดยตลอด แทบจะไม่เคยออกจากที่นั่นเลย เมื่อมาถึงเมืองใหญ่เช่นนี้ มองเห็นสิ่งต่างๆ จนลายหูลายตาก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ดังนั้นหนิวโหย่วเต้าจึงถือโอกาสให้เขาได้เปิดหูเปิดตาเสียหน่อย เมื่อเคยชินแล้วครั้งต่อไปย่อมไม่เป็นเช่นนี้อีก ด้วยเหตุนี้จึงเดินตัดผ่านเข้าไปในสถานที่ที่คึกคักมีชีวิตชีวา
แต่ก็เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่าโลกนี้มันกลม!
ระหว่างที่เดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งที่หน้าร้านดูงดงามมีเอกลักษณ์ หนิวโหย่วเต้าจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองดูป้ายร้านที่แขวนอยู่ด้านบน มีอักษรเขียนไว้สามคำว่า ‘หอกิ่งก้อย’ เมื่อมองดูจากการตกแต่งและโคลงคู่ตรงหน้าทางเข้า เขาพอจะมองออกว่าเป็นร้านจัดจำหน่ายพวกของหายาก
ในเมื่อผ่านมาที่นี่แล้ว หนิวโหย่วเต้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าด้านในมีอะไรขายบ้าง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะข้ามถนนไป เขาก็ต้องตกตะลึงไปทันที
ตรงหน้าทางเข้าหอกิ่งก้อยมีคนเฝ้าอยู่สองคน คอยมองสำรวจรอบด้านอยู่ตลอดเวลา หลังจากหนึ่งในนั้นสบตาเข้ากับหนิวโหย่วเต้า เขาก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น หยวนฟางเองก็รู้จัก เขาก็คือหนึ่งใน ‘ศิษย์พี่คนดี’ ที่เป็นอดีตศิษย์ร่วมสำนักของหนิวโหย่วเต้า เป็นเฉินกุยซั่วที่ถูกปล่อยตัวไปจากวัดหนานซาน!
ส่วนเหตุใดเฉินกุยซั่วถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นั่นย่อมต้องหนีไม่พ้นตระกูลซ่ง ซ่งจิ่วหมิงมีบุตรชายสามคน คนโตคือซ่งเฉวียนเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนักแคว้นเยี่ยน ซ่งซูบุตรชายคนที่สามอยู่ที่บ้าน แล้วก็ยังมีบุตรชายคนรองซ่งหลง ยามนี้เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตที่แคว้นเยี่ยนส่งมาประจำอยู่ในแคว้นจ้าว
ภายในแคว้นจ้าว ผู้ว่าการมณฑลจินโจวก็นับว่าเป็นคนประเภทที่ตั้งตนเป็นใหญ่ ไม่เชื่อฟังคำสั่งของราชสำนักเช่นเดียวกัน คนประเภทนี้หากอยู่ในแคว้นศัตรู แคว้นเยี่ยนย่อมยินดีคบหาเจรจา นึกอยากจะให้เจ้าศักดินาในเขตต่างๆ ของแคว้นจ้าวล้วนเป็นเช่นนี้กันหมด สำหรับคนประเภทนี้แล้ว แคว้นเยี่ยนอยากจะชักจูงมาเป็นพวกใจแทบขาด เมื่อไห่หรูเยวี่ยจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบสี่สิบปีทั้งที ในฐานะเจ้าหน้าที่ทางการทูตแห่งแคว้นเยี่ยน มีหรือที่เขาจะยอมพลาดโอกาสในการพบปะพูดคุยไปได้?
ไม่ว่าระหว่างตระกูลซ่งกับหนิวโหย่วเต้าจะมีบุญคุณความแค้นอันใดอยู่ แต่ตระกูลซ่งนั้นเป็นหนึ่งในตระกูลสำคัญที่ปกป้องรักษาราชวงศ์ ความมั่งคั่งรุ่งเรืองในตระกูลล้วนขึ้นอยู่กับองค์ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน พวกเขาย่อมต้องคาดหวังให้แคว้นเยี่ยนยิ่งใหญ่ ดังนั้นซ่งหลงจึงเดินทางมาด้วยตัวเอง แต่มิได้มาอวยพรวันเกิดให้ไห่หรูเยวี่ยในฐานะมารดาของผู้ว่าการมณฑลจินโจว หากแต่มาอวยพรวันเกิดให้นางในฐานะองค์หญิงแห่งแคว้นจ้าว เดิมทีไห่หรูเยวี่ยก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของฮ่องเต้แคว้นจ้าวองค์ปัจจุบันอยู่แล้ว การบอกว่าจะมาถวายพระพรให้แก่องค์หญิง ในทางการทูตแล้วย่อมมิใช่เรื่องผิดอันใดแม้แต่น้อย!
ส่วนเฉินกุยซั่วหลังจากที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่เอาเขาแล้ว เขาย่อมต้องมาพึ่งพิงตระกูลซ่ง อันที่จริงเขาก็นับว่าเป็นคนของตระกูลซ่งมานานแล้ว ตระกูลซ่งไม่ได้ผิดคำพูดเรื่องอนาคตของเขาที่เคยให้สัญญาเอาไว้ แม้นจะไม่ถือว่าเป็นอนาคตที่ดีก็ตาม ตอนที่ตระกูลซ่งส่งเฉินกุยซั่วมายังแคว้นจ้าวเพื่อติดตามบุตรชายคนรองของตระกูลซ่ง ตอนนั้นตระกูลซ่งยังไม่ได้แตกหักกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง
เฉินกุยซั่วเฝ้าอยู่หน้าประตูหอกิ่งก้อย ส่วนซ่งหลงอยู่ด้านในหอกิ่งก้อย กำลังมองหาว่ามีสิ่งใดเหมาะสำหรับเพิ่มเข้าไปในรายการของขวัญที่จะเอาไปอวยพรหรือไม่
ทำไมเจ้านี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้? หัวใจหนิวโหย่วเต้าเต้นแรงขึ้นมา ต่อให้ฝันอยู่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอเฉินกุยซั่วที่นี่ได้
ก็เหมือนอย่างที่เขาเคยพูดกับหยวนกังเอาไว้ก่อนที่จะออกมาจากหมู่บ้านในภูเขาแห่งนั้น เขากังวลว่าจะถูกศัตรูจับตามองตอนอยู่ในอำเภอชางหลู ศัตรูที่พูดถึงหลักๆ แล้วก็หมายถึงตระกูลซ่ง หลังออกจากหมู่บ้านฝ่าข้ามขุนเขามาที่นี่ เขาย่อมไม่ได้กังวลถึงเรื่องนี้อีก เพราะทางแคว้นจ้าวน่าจะไม่มีใครรู้จักเขา แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขากลับมาพบเฉินกุยซั่วเข้าที่นี่ อีกทั้งยังเป็นคนของตระกูลซ่งด้วย หากปล่อยให้เฉินกุยซั่วแพร่ข่าวออกไป ทำให้ตระกูลซ่งทราบว่าเขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของสำนักหยกสวรรค์แล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลซ่งจะส่งคนมาไล่ล่าสังหารเขา เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่จะจัดการธุระให้ซางเฉาจงไม่ได้ เกรงว่าแม้แต่ตัวเขาก็อาจจะมีภัยถึงชีวิตไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า