ตอนที่ 122 เจ้ามันชั่ว!
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ดูเหมือนเถ้าแก่จะกล่าวไว้ว่าแขกที่พักในโรงเตี๊ยมเชิญจันทร์จะได้รับการคุ้มครองในเมืองไจซิงแห่งนี้ ครึ่งปีนี้ข้าจะลองเข้าๆ ออกๆ ดูสิว่าเป็นความจริงหรือไม่”
หยวนฟางหัวเราะฮี่ๆ พยักหน้าเห็นพ้อง “เต้าเหยี่ยพูดมีเหตุผล พวกเราลองดูเถอะขอรับ”
“ได้ ถือว่าพวกเจ้าแน่! ถ้ามีปัญญาพวกเจ้าก็รั้งอยู่ในเมืองไจซิงไปตลอดอย่าออกไปก็แล้วกัน!” เฮยหมู่ตานโมโหจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก็ทำได้เพียงขู่ขวัญด้วยวาจา ถ้าจะให้ลงมือที่นี่ นางยังคงไม่กล้าอยู่ดี ใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนที่กล้าลงมือในสถานที่แห่งนี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเมืองแห่งนี้คือหนึ่งในยอดฝีมือที่มีอยู่แค่ไม่กี่คนในโลก
“ขู่ข้าหรือ?” หนิวโหย่วเต้าจ้องมองนาง เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “เจ้ามองออกมิใช่หรือว่าเบื้องหลังข้ามีกลุ่มอิทธิพลหนุนหลังอยู่? หากข้าออกไป เจ้าแน่ใจหรือว่าจะขวางข้าได้?”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เฮยหมู่ตานกันฟันกรอด สะบัดแขนเดินออกไป
ขณะที่นางเพิ่งเดินอ้อมพ้นโต๊ะไป จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชาขึ้นมาอีกครั้งว่า “อย่าเพิ่งรีบไปเลย หากไม่ตกลง มาเจรจากันอีกทีก็ได้”
เฮยหมู่ตานชะงักเท้า มองไปทางเขา แววตามีทั้งความชิงชังและความคาดหวัง หวังว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงื่อนไขที่ตนสามารถยอมรับได้
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างไม่อนาทรว่า “ของแปลกใหม่ที่ไม่เคยกินมักจะน่าลิ้มลองเสมอ เอาล่ะ ข้ายอมถอยให้ก้าวหนึ่ง หลับนอนกับข้าหนึ่งเดือน เป็นอย่างไร? ”
เฮยหมู่ตานกำหมัด พลันเกิดความรู้สึกอยากชกหน้าเขาสักที สุดท้ายกัดฟัน ชี้หน้าหนิวโหย่วเต้าแล้วกล่าวว่า “อย่าให้ถึงทีข้าแล้วกัน!” จากนั้นหันหลังเดินออกไป
ทว่าเพิ่งเดินไปถึงประตู ขณะกำลังยื่นมือไปเปิดประตู หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าจะถอยให้อีกก้าวแล้วกัน หลับนอนกับข้าหนึ่งคืน แค่คืนเดียว!”
มือของเฮยหมู่ตานที่เพิ่งยื่นออกไปแข็งทื่อ ใบหน้าที่หันออกไปหาประตูมีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอยู่ตลอด ยุ่งเหยิงว้าวุ่น สับสนลังเล ความยากลำบากและความทุกข์ทรมานมากมายในช่วงหลายปีมานี้กลั่นตัวอยู่ในใจ
ทั้งกลุ่มฝ่าฟันจนบรรลุสภาวะระดับสร้างฐานได้ นั่นล้วนมาจากการทุ่มเทเอาชีวิตเข้าแลกทั้งสิ้น ปล้นชิงทรัพยากรบำเพ็ญเพียรของคนอื่น ฆ่าคนวางเพลิงก็ทำกันมาไม่น้อยแล้ว กระทั่งตัวเองก็จำไม่ได้แล้วว่ากระทำเรื่องเลวทรามต่ำช้ามามากน้อยเท่าไร แค่เปิดเผยเรื่องที่นางทำออกไปสักเรื่องก็ทำให้ตกที่นั่งลำบากไปตลอดกาลได้แล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะฝ่าฟันจนมาถึงวันนี้ได้ ทุกคนล้วนอดทนจนบรรลุระดับสร้างฐานแล้ว ล้วนไม่อยากกลับไปทำเรื่องต่ำช้าเพราะเข้าตาจนเหมือนที่ผ่านมาอีก แต่ถึงแม้จะฝึกบำเพ็ญเพียรจนถึงระดับสร้างฐานแล้วก็ยังมีปัญหายุ่งยากอยู่ นั่นคือพวกนางต้องการทรัพยากรที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียรมากขึ้น ของที่ได้มาจากการปล้นชิงลักเล็กขโมยน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ จำเป็นต้องลงมือกับเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น
เดินอยู่ริมน้ำเป็นประจำ มีหรือที่เท้าจะไม่เปียก นี่คือความจริงที่ทุกคนต่างทราบดี ถ้าขืนยังทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องพลาดท่าเป็นแน่
พวกพ้องในอดีต ล้มหายตายจากไปทีละคน
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่จู่ๆ ก็อกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาเพียงเพราะมองเห็นยอดฝีมือเข้ามาใกล้พวกเขา ตกใจจนหลั่งเหงื่อโซมร่าง กังวลว่าจะถูกตามคิดบัญชี
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย จนแทบจะกลายเป็นบ้าอยู่หลายครั้ง
วันเวลาเช่นนี้ ทุกคนไม่อยากเผชิญกับมันอีกต่อไปแล้วจริงๆ ดังนั้นต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าการก่อตั้งสำนักเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับพวกเขา แต่ทุกคนก็ยังพยายามเดินหน้าไปในทิศทางนี้ เพื่อทำภารกิจสามสิบรายการให้สำเร็จแล้ว ทุกคนต้องวิ่งเต้นไปทั่วสารทิศ ความยากลำบากที่ต้องยอมแลกไปไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะจินตนาการได้
เพื่อมาหาคนผู้นี้ นางถูกเถ้าแก่และพนักงานดูหมิ่นเหยียดหยาม ถูกคนผู้นี้เรียกใช้ต้องวิ่งไปวิ่งมา นั่นเพื่ออะไรกันเล่า?
แล้วตอนนี้ โอกาสวางอยู่ตรงหน้าตนแล้ว แค่หลับนอนกับอีกฝ่ายคืนเดียวเท่านั้น แค่ร่วมห้องคืนเดียวก็มีโอกาสเปลี่ยนชะตาชีวิตของตน มีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของทุกคนได้
แค่ร่วมห้องคืนเดียวเท่านั้น! อีกอย่างตนก็มิใช่สาวน้อยแรกแย้มอันใดแล้ว ร่วมหลับนอนคืนเดียวจะเป็นอะไรไปเล่า?
นางถึงขั้นที่บอกตัวเองอยู่ในใจ อธิบายกับตัวเองอยู่ในใจ ว่านี่มิใช่การทำเพื่อตัวเอง หากแต่ทำเพื่อพวกพ้อง ตกลงรับปากเขาไปเถอะ!
เมื่อเผชิญหน้ากับเงื่อนไขหลับนอนเพียงหนึ่งคืน มือที่ยื่นออกไปของเฮยหมู่ตานเสมือนหนักพันชั่ง ค้างเติ่งอยู่ตรงประตู ไม่ยอมเปิดออกไปเสียที
หยวนฟางก็มองออกเช่นกันว่าเฮยหมู่ตานใกล้จะยอมตกลงแล้ว เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ รอยยิ้มแปลกพิกล ยักคิ้วหลิ่วตาให้หนิวโหย่วเต้า
แต่ก็นึกทอดถอนใจด้วยเช่นกัน เต้าเหยี่ยนี่ก็โหดร้ายจริงๆ ทั้งจะเอาเงินของอีกฝ่าย แล้วก็ยังต้องการตัวของอีกฝ่ายด้วย สตรีนางนี้เป็นฝ่ายมาหาถึงที่ นับว่านางหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีเสียงเปิดประตู หนิวโหย่วเต้าทราบดีว่าเฮยหมู่ตานหวั่นไหวแล้ว เขาค่อยๆ หันกลับไปมองนางที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู พูดล่อลวงนางต่อว่า “เจ้าน่าจะรู้แก่ใจดี หากเจ้าไปหาคนอื่น ต่อให้เจ้าเป็นฝ่ายเสนอตัวยื่นเงื่อนไขนี้ อย่าว่าแต่หนึ่งคืนเลย ต่อให้เป็นหนึ่งปี คนอื่นก็ไม่มีทางตอบตกลง เพราะความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายมันสูงเกินไป”
“เฮยหมู่ตาน หากพลาดโอกาสนี้ไปแล้วจะไม่มีครั้งหน้าอีก หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว เจ้าอาจจะต้องพลาดไปชั่วชีวิต ภายหน้าต่อให้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ต่อให้นึกเสียใจภายหลังก็ไม่มีทางได้รับโอกาสเช่นนี้อีก ถ้าพลาดครั้งนี้ไป เจ้าก็ลองคิดดูว่าตัวเจ้าในอนาคตจะเป็นอย่างไร เจ้าอยากใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาไปตลอดชีวิตหรือ?”
“ขอเพียงเจ้ารับปากหลับนอนกับข้าคืนเดียว ค่าใช้จ่ายในการยื่นเรื่องก่อตั้งสำนักจำนวนหมื่นเหรียญทองนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องคิดหาทางแล้ว ข้าจะให้เจ้าเอง! ในโลกอันวุ่นวายนี้ เงินสิบเหรียญทองก็สามารถซื้อสตรีชั้นดีคนหนึ่งได้แล้ว แต่ข้าที่เสี่ยงจะสูญเสียเงินแสนเหรียญทองแค่ต้องการให้เจ้าอยู่กับข้าเพียงคืนเดียวเท่านั้น”
“คืนเดียว! แค่คืนเดียวเท่านั้น ข้าไม่มีทางป่าวประกาศเรื่องเช่นนี้ต่อภายนอกทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง เจ้าเองก็ไม่มีทางบอกเล่าออกไปเช่นกัน จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ทั้งสิ้น”
ความสับสนว้าวุ่นในใจของเฮยหมู่ตานส่งผลกระทบไปที่มือของนาง นิ้วมือสั่นระริกอยู่รางๆ สุดท้ายก็ค่อยๆ ยื่นออกไป คว้ามือจับประตูไว้ เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ตอนที่ไอ้สารเลวคนนั้นทิ้งข้าไป ข้าด่าเขาว่ามักใหญ่ใฝ่สูง ด่าว่าเขาไร้ยางอาย! ข้ารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีเด่อันใด แต่ข้าไม่อยากกลายเป็นคนที่กระทั่งตัวเองก็ยังนึกดูถูก!”
นางกระชากประตู ก้าวอาดๆ ออกไป
น่าแปลก เฮยหมู่ตานรู้สึกว่าสายลมที่กระทบถูกใบหน้าทำให้แก้มของตนเยียบเย็นขึ้นมา จึงยกมือปาดดู ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นเพราะเหตุใด นางพบว่าตนเองร่ำไห้น้ำตานองหน้าโดยไม่มีสาเหตุ
นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอยู่หลายครั้ง แต่เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมด นางไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ตนเข้มแข็งมาโดยตลอด หลายปีมานี้ไม่เคยร้องไห้เลย ลืมความรู้สึกตอนร้องไห้ไปแล้ว เหตุใดอยู่ดีๆ น้ำตาถึงไหลออกมาได้?
นางลนลานขึ้นมาเล็กน้อย รีบหันมองไปรอบด้าน กวาดตามองไปทั่ว เต็มไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าห้องพักของตนคือห้องไหน
นางไม่อยากถูกคนอื่นพบเห็นตนในสภาพนี้ เพียงอยากจะหาห้องเข้าไปหลบซ่อนตัว
ภายในห้อง หยวนฟางงุนงง คิดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะปฏิเสธ? ดูจากท่าทางก่อนหน้านี้แล้ว เขานึกว่านางจะตอบตกลงเสียอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า