ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 121

ตอนที่ 121 ขอร้องคนย่อมลำบาก

เจ้าคิดจะลอบทำการค้าอย่างนั้นหรือ? ทำการค้าจำเป็นต้องพบปะกับผู้คนจำนวนมาก เกิดการแข่งขันขึ้นภายในวงการเดียวกัน ใต้หล้าเต็มไปด้วยผู้บำเพ็ญเพียร เบื้องหลังของเจ้าย่อมถูกเปิดเผยออกมาได้ง่าย ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากถูกจับได้มิใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักคนใดจะแบกรับไหว ดังนั้นเส้นทางรายได้นี้จึงแทบจะถูกตัดขาดไป

เป็นฝ่าซือติดตามขุนนางก็ได้เงินเช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้วอาชีพนี้จะถูกผูกขาดด้วยอิทธิพลของกลุ่มสำนัก ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักไม่มีทางแทรกแซงเข้าไปได้เลย ยกตัวอย่างเช่นเฟิ่งหลิงปอมีสำนักหยกสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังคอยกดดันอยู่ เฟิ่งหลิงปอจะรับผู้บำเพ็ญไร้สำนักเข้าไปได้หรือ?

เป็นฝ่าซือติดตามเศรษฐีก็เป็นช่องทางหาเงินอย่างหนึ่งเช่นกัน แต่คหบดีตระกูลใดบ้างที่ไม่อยู่ในสังกัดอำนาจของขุนนาง เรื่องที่ฝ่ายขุนนางไม่เห็นด้วย คหบดีหน้าไหนจะกล้าทำ? จะถูกยึดทรัพย์กวาดล้างตระกูลเอาน่ะสิ

ดังนั้นภายในโลกปุถุชน ส่วนใหญ่แล้วผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักแทบจะไม่มีแหล่งรายได้เลย

แม้ในโลกบำเพ็ญเพียรจะอนุญาตให้ทำการค้าได้ แต่ก็มีกฎระเบียบคอยควบคุม ใช้คำพูดสวยหรูว่าทำเพื่อรับรองความยุติธรรมในการแลกเปลี่ยนค้าขาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภค!

แล้วช่วยรักษาอย่างไรน่ะหรือ? ก็ไม่อนุญาตให้ร้านค้าที่ไม่ได้ถูกควบคุมเปิดกิจการค้าขายอย่างไรล่ะ

แล้วอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าร้านค้าที่ไม่ถูกควบคุม? ร้านค้าที่ต้องการเปิดกิจการค้าขายจำเป็นต้องมีความสามารถที่จะถูกควบคุม เจ้าไม่สามารถขายของปลอมหลอกลวงลูกค้าแล้วเชิดหนีไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นผู้ซื้อจะไปทวงถามความเป็นธรรมกับผู้ใดเล่า? ดังนั้นจึงต้องเปิดร้านค้าขายภายใต้สังกัดสำนัก หากเกิดเรื่องขึ้น ตัวเจ้าหนีไปแต่สำนักยังคงอยู่ ถ้าเจ้าหนีไป สำนักที่อยู่เบื้องหลังเจ้าก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเจ้า ผู้ใดใช้ให้สำนักของเจ้าอบรมสั่งสอนศิษย์ขี้โกงเช่นนี้ออกมาเล่า หากสำนักของพวกเจ้าไม่รับผิดชอบแล้วผู้ใดจะรับผิดชอบ?

วาจานี้กล่าวได้ถูกต้องสมเหตุสมผล ผู้ใดก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ว่าไม่มีเหตุผล ด้วยเหตุนี้สิทธิ์ในการค้าขายของผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักจึงถูกลิดรอนลงไปอีก

แน่นอนว่าต่อให้กลุ่มพันธมิตรแห่งโลกบำเพ็ญเพียรจะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่หากเจ้าซ่อนตัวตามหลืบมุมต่างๆ แล้วแอบทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเป็นการส่วนตัว พวกเขาก็เข้ามาก้าวก่ายไม่ได้เช่นเดียวกัน

แต่ไม่เป็นไร เพราะการค้าใดๆ ที่เจรจาซื้อขายกันแบบส่วนตัวจะไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องรับผิดชอบกันเอาเอง

ทว่าตามสถานที่ต่างๆ จะมีลูกค้าสักกี่คนที่ยินดีซื้อขายกันแบบส่วนตัว? คนส่วนใหญ่ยังคงต้องการมายังสถานที่อย่างเมืองไจซิงที่มีฐานลูกค้าหลากหลายมากกว่าสถานที่อื่นๆ

ในเมืองไจซิงเองก็มีการเจรจาซื้อขายแบบส่วนตัวอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่หากต้องซื้อของประเภทเดียวกันในราคาที่เท่ากันแล้ว เหตุใดผู้ซื้อถึงจะไม่เลือกร้านค้าที่รับประกันความปลอดภัยได้มากกว่าเล่า ดังนั้นหากเจ้าอยากขายของได้ก็จำเป็นต้องลดราคาให้ต่ำกว่า

แต่ก็เหมือนอย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ การเจรจาซื้อขายแบบส่วนตัวไม่ได้รับการคุ้มครอง นั่นหมายความว่าหากตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ทันทีที่ผู้ซื้อหรือผู้ขายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความมั่นใจว่าตนมีกำลังเหนือกว่าอีกฝ่าย มันก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ใช้กำลังบังคับเอาเปรียบกันได้ ในเมื่อข้าคิดว่าตัวข้าสามารถกำจัดเจ้าได้ แล้วทำไมต้องจ่ายเงินให้เจ้าด้วย? หรือบนตัวเจ้ามีเงินมากขนาดนี้อยู่ อีกทั้งข้าก็สามารถกำจัดเจ้าได้ แล้วเหตุใดต้องมอบของให้เจ้าด้วย ปล้นเงินเจ้าเลยดีกว่า ของที่อยู่ในมือก็ยังเอาไปขายต่อให้คนอื่นได้อีก

คนยากไร้สายตาตื้นเขิน มักทำเรื่องสุดโต่งได้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนอย่างเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก

เช่นนี้แล้วมันก็เลยกลายเป็นวงจรอุบาทว์ ชื่อเสียงของผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักฉาวโฉ่ขึ้นเรื่อยๆ กฎระเบียบที่หอเลือนสลัวกำหนดขึ้นมาก็มีความสมเหตุสมผลขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ปฏิเสธได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

ซ้ำยังมีเรื่องบาดหมางระหว่างคนในวงการเดียวกันด้วย ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักอย่างเจ้าขายสินค้าชนิดเดียวกับสำนักของพวกเรา แต่หากเจ้าขายในราคาต่ำกว่า? แล้วการค้าของพวกเราจะเป็นอย่างไรเล่า? อย่างไรซะการซื้อขายของเจ้าก็ไม่ได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว หากมีคนในกลุ่มสำนักปลอมตัวมาจัดการเจ้าก็นับเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างมากเช่นกัน

ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักบ้างก็ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานชั่วร้ายที่ขัดต่อกฎระเบียบ หากถูกจับได้ก็ตายสถานเดียว บ้างก็ทำได้เพียงไปเก็บสมุนไพรวิเศษตามสถานที่อันตรายบางแห่งที่คนธรรมดาในโลกปุถุชนเข้าไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่นไปลองเสี่ยงโชคบนเกาะนอกฝั่งทะเล สถานที่ใดที่คนธรรมดาเข้าถึงได้ โอกาสที่จะหลุดรอดมาถึงพวกเขามีน้อยนัก

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็กลายเป็นวงจรอุบาทว์อีกครั้ง หากผู้บำเพ็ญเพียรอย่างเจ้าต้องสิ้นเปลืองกำลังมากมายไปกับเรื่องเช่นนี้ ไหนเลยจะยังเหลือเรี่ยวแรงมากพอสำหรับฝึกบำเพ็ญเพียรอีก หากเทียบระดับความก้าวหน้ากับศิษย์ในสังกัดสำนักแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักย่อมต้องด้อยกว่า

ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ขอถามหน่อยเถิดว่าผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักคนใดบ้างที่จะไม่อยากมีสังกัดสำนัก?

แต่การจะก่อตั้งสำนักก็มิใช่เรื่องที่ง่ายดายเช่นกัน มีเงื่อนไขกำหนดไว้มากมาย แค่ภารกิจพิสูจน์ความสามารถสามสิบรายการนั่นก็สามารถคัดคนออกไปเป็นจำนวนมากได้แล้ว พอให้หาสำนักอื่นมาช่วยแนะนำและให้การรับรองก็คัดคนทิ้งไปได้อีกมากโข สุดท้ายคนที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขการก่อตั้งสำนักก็จะเหลืออยู่น้อยเป็นอย่างมาก

กฎระเบียบเช่นนี้ กระทั่งหนิวโหย่วเต้าก็ยังต้องลอบทอนถอนใจ รู้สึกว่าหอเลือนสลัวแห่งนี้ค่อนข้างไร้คุณธรรม เดิมทีกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักก็ลำบากมากพออยู่แล้ว เจ้าก็ยังจะกำหนดสามสิบภารกิจขึ้นมา เพื่อให้กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักช่วยกำจัดผู้เห็นต่างที่มีชื่ออยู่บนทำเนียบ ‘มารร้ายนอกรีต’ ให้อีก คาดว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ลงมือสังหารเป้าหมายไปบางส่วนแล้วแต่ก็ยังทำภารกิจทั้งหมดให้บรรลุไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าคนเหล่านั้นต้องเหนื่อยเปล่า

นี่เรียกได้ว่ามีคนคอยรับใช้ทำงานหนักให้ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแรง ก็มีคนกระตือรือร้นเสนอตัวช่วยจัดระเบียบสังคมให้

ส่วนผู้ที่อยู่ในสังกัดสำนักก็นั่งเสพสุขอยู่ในสังคมที่ในแง่หนึ่งแล้วถือว่าถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก ทำมาหากินไปอย่างสบายใจ ได้รับทรัพยากรสำหรับฝึกบำเพ็ญ

แต่สำหรับเรื่องนี้ หนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจอันใดให้เช่นกัน

เขาทราบชัดเจนดี สิ่งที่ทุกคนล้วนต้องการย่อมต้องกลายเป็นสิ่งที่ขาดแคลน แล้วก็จะก่อให้เกิดสภาวะขาดตลาดจัดสรรไม่ลงตัว ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงสภาวะนี้ได้ มักจะมีคนที่ต้องการครอบครองทรัพยากรให้มากขึ้นอยู่เสมอ เรื่องแบบนี้ไม่มีผู้ใดยอมแสดงน้ำใจหลีกทางให้ผู้อื่นได้ผลประโยชน์ไปอย่างแน่นอน ต่อให้มีก็น้อยมาก เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในภาพรวมไม่ได้

และสาเหตุที่เฮยหมู่ตานเข้าหาตนอย่างสุภาพอ่อนน้อมเช่นนี้ ก็เพียงเพราะอยากได้ใบผ่านทางเข้าสู่แวดวงสำนักเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้หนิวโหย่วเต้าจึงยิ้มเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “เพราะเหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าสามารถช่วยเจ้าได้?”

เฮยหมู่ตานอยากกล่าวว่าเจ้าดูอ่อนวัยเช่นนี้ แล้วก็ยังมีผู้ติดตามอยู่ข้างกาย มาถึงก็เข้าพักในสถานที่แพงระยับเช่นนี้ ถ้าเบื้องหลังไม่มีอำนาจและภูมิหลังคอยหนุนหลังอยู่ก็แปลกแล้ว แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกเลย แต่แน่นอนว่านางไม่มีทางเอ่ยออกไปเช่นนี้ “เต้าเหยี่ยบุคลิกไม่ธรรมดา มองแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าช่วยเหลือข้าได้”

หนิวโหย่วเต้าอดหัวเราะไม่ได้ “ที่นี่มีแขกพักอยู่ไม่น้อย เหตุใดถึงพุ่งเป้ามาที่ข้า?”

คนหนุ่มอายุน้อยประสบการณ์ไม่มาก จึงโน้มน้าวได้ง่าย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงไม่ให้แม้แต่โอกาสเจรจา ตอนนี้พวกเราก็นั่งคุยกันแล้วมิใช่หรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า