ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 125

ตอนที่ 125 ภาพเหมือน

“คนประเภทนี้ ปกติแล้วจะฝากของไว้ที่พวกพ้อง ไม่มีทางพกติดตัว จะเจรจาซื้อขายกันก็ต่อเมื่อได้พบผู้ซื้อที่เหมาะสม”

“แต่ถึงจะระวังตัวมากขนาดไหน สุดท้ายมันก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่มีการใช้เล่ห์เพทุบายเอาเปรียบกันอยู่ดี ที่ทำแบบนี้ก็แค่ต้องการเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาของคนมากเกินไปเท่านั้น”

เมื่อเห็นว่าหนิวโหย่วเต้าคล้ายจะไม่เข้าใจวิถีชีวิตที่นี่ เอาแต่ถามเหมือนคนไม่มีประสบการณ์ หยวนฟางเองก็มีท่าทางฉงนงงงวยไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เฮยหมู่ตานคอยอธิบายไปตลอดทาง ทว่าภายในใจกลับรู้สึกคลางแคลงขึ้นมาเล็กน้อย กังวลว่าตนจะมองพลาดไปหรือเปล่า

เหลยจงคัง อู๋ซานเหลี่ยงและต้วนหู่ที่ติดตามอยู่ด้านข้างก็สบตากันเป็นระยะ ภายในแววตาก็มีความรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกัน

เหลยจงคังขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดเจน อึกอักลังเลคล้ายอยากจะพูดอะไร

“ปกติพวกเจ้าก็ทำเช่นนี้หรือ?” หนิวโหย่วเต้าถามไปเรื่อย

“นั่นเป็นเพราะไม่มีทางเลือก ราคารับซื้อของสำนักเหล่านั้นต่ำเกินไปจริงๆ บีบให้เราต้องจำใจไปเสี่ยง”

เฮยหมู่ตานอธิบายด้วยความกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นชี้ไปยังร้านค้าที่อยู่รอบๆ พลางเปลี่ยนประเด็นว่า “ที่นี่มีร้านค้าอยู่ไม่น้อย ขอเพียงเป็นร้านค้าที่อยู่ใต้สังกัดสำนักก็มีสิทธิ์เปิดร้านที่นี่ แต่สำนักที่สามารถเปิดร้านที่นี่ได้ส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีอิทธิพลและอำนาจ ค่าใช้จ่ายในการเปิดร้านค้าสักแห่งขึ้นที่นี่นั้นไม่ใช่ถูกๆ สำนักที่เล็กเกินไปจ่ายไม่ค่อยไหว ส่วนสิ่งของที่คนในโลกบำเพ็ญเพียรใช้กันก็มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง ดังนั้นถึงแม้ที่นี่จะมีร้านค้าอยู่มากมาย แต่เอาเข้าจริงแล้วของที่ขายส่วนใหญ่ก็เหมือนๆ กันหมด สำนักมากมายเปิดร้านค้าที่นี่ก็เพียงเพื่อให้สะดวกต่อการทำงานเท่านั้น การค้าเป็นเพียงผลพลอยได้ มีก็ทำ ไม่มีก็ไม่เป็นไร”

“โดยทั่วไปแล้วร้านค้าที่ทำการค้าขายอย่างจริงจังเป็นกิจลักษณะ ส่วนใหญ่จะเป็นสำนักที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ยกตัวอย่างเช่นสำนักวิญญาณ์ที่เชี่ยวชาญการหลอมโอสถวิญญาณ อีกทั้งเป็นสำนักหลอมโอสถที่ใหญ่ที่สุดในโลกบำเพ็ญเพียร กิจการที่เปิดในเมืองนี้ก็ย่อมต้องเป็นร้านขายโอสถ สำนักเลิศเมฆาที่เป็นสำนักหลอมศาตราวุธที่ใหญ่สุดในโลกบำเพ็ญเพียร กิจการที่เปิดก็คือร้านศาตราวุธ สำนักหมื่นสรรพสัตว์ เชี่ยวชาญการฝึกสอนสิงสาราสัตว์ ย่อมค้าขายสิ่งเหล่านี้ สำนักชะตาฟ้าเชี่ยวชาญค่ายกลข่ายพลัง ขายอักขระเครื่องยันต์ต่างๆ พวกร้านค้าที่สำนักเหล่านี้เปิดต่างหากถึงจะทำเงินได้จริงๆ กำลังทรัพย์ของสำนักที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเหล่านี้ย่อมมั่งคั่งสมบูรณ์ สำนักมากมายล้วนมาติดต่อซื้อขายกับพวกเขาโดยตรง”

สำหรับสำนักเหล่านี้ หนิวโหย่วเต้าเคยอ่านพบใน ‘บันทึกสวรรค์พิสุทธิ์’ มาก่อน ตอนนี้พอได้ฟังก็เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมา เดิมทีเขามาที่นี่ก็เพราะต้องการเปิดหูเปิดตาอยู่แล้ว จึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ไปเถอะ ไปเยี่ยมชมสำนักเหล่านี้กัน”

พวกเฮยหมู่ตานย่อมนำทางให้ แต่อันที่จริงไม่จำเป็นต้องนำทางก็หาพบได้ไม่ยากเช่นกัน

แล้วก็เป็นอย่างที่เฮยหมู่ตานเล่าให้ฟัง สำนักเหล่านี้ทำการค้ากันเป็นจริงเป็นจัง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือขนาดของร้านค้าก็ล้วนแต่ใหญ่โตยิ่ง เมื่อยืนอยู่กลางเมืองแล้วกวาดตามองไปก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน

ทั้งกลุ่มมาเยือนร้านค้าของสำนักชะตาฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนเป็นร้านแรก บรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างพิเศษ มีของที่ดูคล้ายกับป้ายวิญญาณคนตายตั้งเรียงรายอยู่มากมาย แต่ความจริงแล้วมิใช่ป้ายวิญญาณ หากแต่เป็นยันต์ที่แกะสลักขึ้นจากไม้ ตั้งเอาไว้เหมือนเป็นสินค้าตัวอย่าง มีราคากำกับเอาไว้ หากท่านต้องการซื้อถึงจะนำสินค้าจริงออกมาขาย

ยันต์อักขระมากมายละลานตา ทำให้หนิวโหย่วเต้าที่เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกรู้สึกตื่นตาตื่นใจ

คุณลักษณะสำคัญของยันต์อักขระคือวิธีการกักเก็บและปลดปล่อยพลังงานที่อยู่ภายในยันต์อักขระ มันสามารถสำแดงฤทธิ์ได้แตกต่างกันไป มีผู้บำเพ็ญเพียรไม่น้อยเลยที่พอจะใช้ศาสตร์การหลอมสร้างเป็นอยู่บ้าง แต่การสร้างยันต์อักขระจากพลังของตนเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองสภาวะเป็นอย่างมาก เพราะมันต้องถ่ายเทแหล่งกำเนิดพลังเข้าไปในยันต์อักขระ

ตัวอย่างเช่นยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายในร่างของหนิวโหย่วเต้าก็เป็นยันต์ประเภทหนึ่งที่ตงกัวเฮ่าหรานสร้างขึ้นจากแหล่งกำเนิดพลังของตน

โดยปกติทั่วไปแล้วไม่มีผู้ใดนำแหล่งกำเนิดพลังที่ตนเพียรบำเพ็ญมาใช้กับเรื่องแบบนี้

ตามที่มีบันทึกไว้ใน ‘บันทึกสวรรค์พิสุทธิ์’ สำนักชะตาฟ้ากลับสามารถทลายข้อจำกัดนี้ได้ พวกเขารู้วิธีการรวบรวมไอวิญญาณจากภายนอกร่างกายมาสร้างเป็นพลังงาน ใช้ประโยชน์จากมันได้ถึงระดับสูงสุด กักเก็บมันไว้ในวัตถุที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ สร้างเป็นยันต์อักขระมาจัดจำหน่าย

ยกตัวอย่างเช่นม้ามีขีดจำกัดด้านพละกำลังในการวิ่ง ระหว่างทางต้องมีการพักผ่อนฟื้นฟูกำลัง แต่ยันต์บางประเภทของสำนักชะตาฟ้ากลับสามารถเสริมพลังให้ได้ ทำให้ม้าวิ่งได้ทั้งวันโดยไม่ต้องหยุดพัก เร่งความเร็วในการเดินทางได้ แต่เมื่อใช้พลังของยันต์ไปจนหมด นั่นก็คือเวลาที่ม้าจะสิ้นชีพ โดยทั่วไปแล้วหากไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่มีผู้ใดใช้ยันต์ประเภทนี้

ทั้งยังมียันต์อักขระที่ใช้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายด้วย ทันทีที่ใช้งานยันต์ประเภทนี้ หากวางมันเอาไว้ในบ้าน มันก็จะสร้างคลื่นพลังขึ้นมา ทำให้ภูตผีปีศาจที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงไม่กล้าบุกรุกเข้ามาในบ้านเพราะเข้าใจผิดว่ามีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่

นอกจากนี้ยังมียันต์จำพวกที่สามารถทำให้ตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจนลงมือสังหารคนได้ แล้วก็มียันต์สะกดร่างที่สามารถสะกดควบคุมคนได้

อย่างไรก็ตามยันต์เหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง ราคาเองก็มิใช่ถูกๆ ใช้แล้วไม่ต่างอะไรกับการเผาเงินทิ้งเลย คนธรรมดาเองก็ไม่สามารถใช้งานยันต์อักขระเหล่านี้ได้ มีเพียงผู้บำเพ็ญเพียรเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ทว่ายันต์เป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต การนำมาใช้จึงมีความไม่แน่นอนอยู่เช่นกัน

ดังนั้นหนิวโหย่วเต้าจึงเข้ามาลองชมเพื่อเปิดประสบการณ์ดูเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะซื้อ อีกอย่างเงินที่เขามีอยู่ก็ซื้ออะไรไม่ได้ด้วย

เมื่อออกจากร้านนี้ ทั้งกลุ่มก็เดินทางไปที่สำนักเลิศเมฆาต่อ ที่นี่ขายศาตราวุธสารพัดชนิดจริงๆ ทั้งยังรับผลิตศาตราวุธชนิดต่างๆ ด้วย

การที่ทุกคนมาซื้ออาวุธของสำนักเลิศเมฆา ย่อมมิใช่เพียงเพราะสินค้าของพวกเขาประณีตงดงาม จุดสำคัญคือพวกเขามีเคล็ดลับเฉพาะในการหลอมสร้างอาวุธ

ดาบกระบี่ทั่วไปฟันไปฟันมายังเกิดรอยบิ่นได้อย่างง่ายดาย แล้วนับประสาอะไรกับผู้บำเพ็ญเพียรที่ลงมือกันอย่างรุนแรงดุดัน อันที่จริงดาบกระบี่ทั่วไปแตกหักเสียหายได้ง่ายมาก แต่อาวุธที่ผลิตโดยสำนักเลิศเมฆาย่อมสามารถขจัดปัญหานี้ได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งราคาแพงเท่าไหร่คุณภาพก็ยิ่งดีเป็นธรรมดา

หนิวโหย่วเต้าเดินวนภายในร้านรอบหนึ่ง คิดว่าควรจะสั่งทำมีดสั้นชุดหนึ่งให้หยวนกัง ดาบของหยวนฟางก็จำเป็นต้องเปลี่ยนเช่นกัน แต่สินค้าของสำนักเลิศเมฆาล้วนมีราคาแพง สินค้าที่ขายล้วนเรียกได้ว่าเป็นของจำพวกดาบหรือกระบี่ล้ำค่า ตอนนี้เงินที่มีอยู่ในมือยังไม่พอซื้อ ทำได้เพียงเดินดูเท่านั้น

ทั้งกลุ่มออกมาจากสำนักเลิศเมฆา เดินเล่นไปตามท้องถนน

ณ ริมถนน คนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงทางแยกแห่งหนึ่ง สอดส่ายสายตามองไปทั่ว คล้ายกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อสายตากวาดผ่านพวกเฮยหมู่ตานเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาผงะไปเล็กน้อย หันกลับไปมองพวกเฮยหมู่ตานอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จดจ้องใบหน้าหนิวโหย่วเต้าเป็นพิเศษ

หลังจากพวกหนิวโหย่วเต้าเดินผ่านไป เขาก็แทรกซึมปะปนไปกับผู้คนบนท้องถนนอย่างเงียบเชียบ สะกดรอยตามไปในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล

ผ่านไปสักพัก เมื่อเห็นพวกหนิวโหย่วเต้าเข้าไปในร้านค้าของสำนักวิญญาณ์ เขาไม่ได้ตามเข้าไป หากแต่รออยู่ริมถนนที่อยู่เยื้องออกมาทางฝั่งตรงข้ามแทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า