ตอนที่ 126 วาด
“ข้าไม่แน่ใจ เลยมาดูภาพเหมือนอีกรอบขอรับ” หวงเอินผิงกล่าวตอบ หยิบม้วนภาพมากางออก บนกระดาษมีภาพเหมือนของคนผู้หนึ่ง เหมือนหนิวโหย่วเต้ายิ่งนัก ไม่ทราบเช่นกันว่าตระกูลซ่งวาดออกมาได้อย่างไร เขามองซ้ายมองขวาพินิจดู “เหมือน! คล้ายคลึงกันถึงเก้าส่วน โดยเฉพาะลักษณะการมัดรวบผมยาวไว้ที่ด้านหลัง น่าจะเป็นเขาจริงๆ ขอรับ”
ตอนที่ยังอยู่กับซางซูชิง ทรงผมของหนิวโหย่วเต้าจะมีซางซูชิงช่วยจัดการดูแล หลังแยกจากซางซูชิง โดยเนื้อแท้แล้วเขาเป็นคนพิถีพิถันอย่างยิ่งคนหนึ่ง ขอเพียงปัจจัยเอื้ออำนวย การอาบน้ำสระผมทุกวันเป็นนิสัยพื้นฐานที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ทุกครั้งต้องมานั่งแกะมวยผมเพื่อสระ สระเสร็จก็ต้องเกล้าอีก เขารังเกียจความยุ่งยาก ถึงได้กลับมาทำทรงหางม้าเหมือนเดิม
หากมิใช่เพราะกลัวจะแปลกประหลาดไม่เข้าพวกเกินไป เขาคงตัดผมสั้นไปแล้ว ผมยาวสระลำบาก
“เจ้ามั่นใจรึ?” เถ้าแก่กระตือรือร้นขึ้นมา จะไม่ให้กระตือรือร้นก็คงยากแล้ว
เพราะหนิวโหย่วเต้าสังหารศิษย์ของสำนักเซียนสถิตไปหลายคน เดิมทีก็นับว่าผูกปมแค้นกับสำนักเซียนสถิตแล้ว โดยเฉพาะการตายของหลิวจื่ออวี๋บุตรชายของพ่อบ้านตระกูลซ่ง สำนักเซียนสถิตปกป้องหลิวจื่ออวี๋ไว้ไม่ได้จึงค่อนข้างละอายใจต่อหลิวลู่ที่ให้การอุปถัมภ์ดูแลสำนักมานาน อีกทั่งได้ยินว่าครั้งนี้เจ้าบ้านตระกูลซ่งวางแผนด้วยตัวเอง หากทางนี้จัดการหนิวโหย่วเต้าได้ นี่จะต้องเป็นผลงานชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทางสำนักหรือทางตระกูลซ่งก็จะต้องตกรางวัลให้พวกเขาอย่างงามแน่นอน
เดิมทีทางนี้ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะพบเบาะแสของหนิวโหย่วเต้าที่เมืองไจซิงแห่งนี้ แต่เป็นเพราะทางสำนักสั่งการลงมา จึงปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเรื่องน่ายินดีอย่างคาดไม่ถึง
หวงเอินผิงยิ้มเฝื่อนพลางเอ่ยว่า “แต่ถึงอย่างไรภาพเหมือนกับตัวบุคคลก็ยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง หากอาจารย์อาจะให้ข้ายืนยันอย่างมั่นใจ ข้าเองก็ไม่กล้ารับประกันเช่นกันขอรับ!”
เถ้าแก่ร้อนใจเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าจะวิ่งกลับมาทำไม ยังไม่ไปจับตามองให้แน่ชัดอีก หากเขาหนีไปจะทำอย่างไร? ผลงานนี้เจ้าไม่อยากได้หรือไง?”
หวงเอินผิงกล่าวว่า “อาจารย์อาอย่าได้ร้อนใจไป เขาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเชิญจันทร์ ดูจากสถานการณ์แล้วน่าจะไม่รีบจากไปเร็วขนาดนั้น ข้าถึงได้กลับมาดูภาพเหมือนอีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ”
“โรงเตี๊ยมเชิญจันทร์อย่างนั้นรึ?” เถ้าแก่ลูบเคราที่อยู่ใต้คาง เอ่ยอย่างคลางแคลงอยู่บ้าง “ถ้าเขาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเชิญจันทร์ อย่างนั้นก็ค่อนข้างยุ่งยากแล้ว ลงมือไม่สะดวก”
หลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง คล้ายจะตัดสินใจได้แล้ว เขาวางมือลงบนโต๊ะเก็บเงิน เคาะเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ไป เจ้าไปตามคนมาอีกสักคนแล้วไปโรงเตี๊ยมเชิญจันทร์ด้วยกัน ต้องยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายให้ได้ จำไว้ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“เข้าใจแล้วขอรับ” หวงเอินผิงพยักหน้ารับ รีบหันหลังเดินจากไป
เขามาที่ทางแยกอีกแห่งหนึ่งของเมือง เรียกศิษย์น้องร่วมสำนักอีกคนที่เฝ้าอยู่ให้มาหา หลังจากบอกเล่าสถานการณ์แล้ว ทั้งสองก็ไปที่โรงเตี๊ยมเชิญจันทร์ด้วยกัน
เมื่อเข้ามาในโรงเตี๊ยม เขาก็วางเงินสิบเหรียญทองลงบนโต๊ะเก็บเงิน หวงเอินผิงยิ้มละไมพลางกล่าวว่า “เถ้าแก่ ข้าต้องการห้องพัก”
คนที่อยู่ในเมืองนี้เป็นประจำ ต่อให้ไม่สนิทกัน ส่วนใหญ่ก็เคยเห็นหน้าค่าตากันอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นศิษย์ของสำนักเซียนสถิต เถ้าแก่จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงเจตนาตักเตือน “เข้าพักน่ะได้ แต่ห้ามก่อเรื่อง หาไม่แล้วพวกเจ้าคงทราบผลที่จะตามมาดีนะ”
แม้จะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร แต่เขาทราบดีว่าศิษย์ของสำนักเซียนสถิตมีที่พักอาศัยอยู่ในร้านค้าของสำนักตัวเองที่เปิดขึ้นในเมืองนี้ การมาเช่าห้องพักที่โรงเตี๊ยมจึงค่อนข้างผิดปกติ
หวงเอินผิงยิ้มทะเล้นพลางกล่าวไปว่า “เถ้าแก่ ท่านล้อเล่นแล้ว พวกเราไหนเลยจะกล้าก่อเรื่องที่นี่ ทางเราจะมีแขกมาเยือน อีกประเดี๋ยวว่าจะให้เข้าพักที่นี่ หาได้มีเจตนาอื่นไม่”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี” เถ้าแก่แค่นเสียงคราหนึ่ง หลังลงบัญชีเรียบร้อยก็โยนป้ายห้องพักป้ายหนึ่งให้
หลังจากทั้งสองประสานมือกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ เสี่ยวเอ้อก็นำทางพวกเขาไปยังห้องพัก
……
ภายในห้องพัก เฮยหมู่ตานไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังจะทำอะไร สรุปแล้วคือหนิวโหย่วเต้าสั่งให้นางรออยู่ที่นี่ก่อน
หยวนฟางก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหนิวโหย่วเต้าจะทำอะไร เห็นเพียงว่าหนิวโหย่วเต้าหยิบถ่านไม้ขึ้นมา เหลาให้เป็นแท่งไม้เล็กๆ ที่มีปลายด้านหนึ่งเล็กแหลม
ทั้งสองไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ถามไปแล้วหนิวโหย่วเต้าก็ไม่ยอมบอก เพียงบอกว่าอีกเดี๋ยวก็รู้เอง
หลังจากเหลาถ่านไม้ไปหลายแท่ง หนิวโหย่วเต้าก็ลงมือจัดวางข้าวของตกแต่งตรงริมหน้าต่างด้วยตัวเอง จากนั้นยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาตั้ง หันไปกวักมือเรียกเฮยหมู่ตาน “มานี่ นั่งลง”
เฮยหมู่ตานงุนงงไม่เข้าใจ แต่ยังคงนั่งลงข้างหน้าต่างตามที่เขาสั่ง นั่งตัวตรงยิ่ง
หนิวโหย่วเต้าส่ายหัวอย่างไม่พอใจเท่าไร เอ่ยสั่งว่า “อย่านั่งตัวตรงขนาดนั้น นั่งเอียงๆ ใช่ ยกขาไขว้กันไว้ มือข้างนั้นวางไว้บนต้นขา แขนข้างนั้นวางบนพนักเก้าอี้แล้วเท้าคางไว้…อย่าเกร็งมากขนาดนั้น เป็นธรรมชาติหน่อย ใช่ เป็นธรรมชาติกว่านี้ ใช่ๆ ยิ้มนิดๆ ด้วย…ดี! แบบนี้แหละ ห้ามขยับ!” พูดจบก็หันกลับไปยุ่งง่วนอยู่คนเดียว
เฮยหมู่ตานนั่งอยู่ตรงนั้นรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เต้าเหยี่ย จะทำอะไรหรือเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบสั้นๆ “หาเงิน!”
“หาเงินหรือ?” เฮยหมู่ตานงุนงงอีกครั้ง “ทำเช่นนี้จะหาเงินได้หรือเจ้าคะ?”
“อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเอง” หนิวโหย่วเต้าพูดประโยคนี้อีกแล้ว เขามักจะพูดจามีลับลมคมในอยู่เสมอ น้อยมากที่จะบอกออกมาตรงๆ
เขาหันไปเลื่อนเก้าอี้อีกตัวเข้ามาวางไว้ตรงข้ามเฮยหมู่ตาน จากนั้นก็กวักมือเรียกหยวนฟาง “มานี่ นั่งลง!”
“ข้าก็ต้องนั่งด้วยหรือ?” หยวนฟางมีสีหน้าตะลึง
“ให้เจ้านั่งก็นั่งไปเถอะ”
เมื่อหนิวโหย่วเต้าสั่งมาแล้ว หยวนฟางก็ทำได้เพียงนั่งลงไปอย่างไม่ใคร่เต็มใจเท่าไรนัก จากนั้นก็จัดท่าทางเลียนแบบเฮยหมู่ตานที่อยู่ตรงหน้า ยกขาไขว้กันพร้อมเอามือเท้าคางไว้
“…..” หนิวโหย่วเต้าตะลึงไปทันที
“พรืด…ฮ่าๆ…”
มีชายแก่คนหนึ่งมานั่งทำท่าเช่นนี้อยู่ตรงหน้า เฮยหมู่ตานพยายามกลั้นหัวเราะ แต่สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ ท่าทางที่จัดเอาไว้เสียไปจนหมด หัวร่อตัวโยน มือกุมท้องไว้พลางโอดครวญว่า “ไม่ไหวแล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ขำจะตายอยู่แล้ว ฮ่าๆ…”
หนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออก ผลักหยวนฟางไปทีหนึ่ง “ใครใช้ให้เจ้านั่งท่านี้? นั่งดีๆ ก้มหน้า ค้อมหลัง!”
หลังจากจัดท่านั่งให้หยวนฟางเรียบร้อยแล้ว เขาก็นำไม้กระดานแผ่นหนึ่งมาวางตั้งระหว่างแผ่นหลังหยวนฟางและเก้าอี้ วางกระดาษลงบนแผ่นไม้ ให้หยวนฟางเอื้อมสองมือข้ามหัวไหล่มา ยื่นมาด้านหลังจับกระดาษกับแผ่นไม้ไว้ แบกไว้บนหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า