ตอนที่ 127 ทำคุณไถ่โทษ
ส่วนเฮยหมู่ตานก็มองตามภาพวาดแผ่นนั้นไปด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ นางยังมองไม่พอ ยังไม่ได้พินิจดูอย่างละเอียดก็ถูกเอาออกไปเช่นนี้แล้ว
แท่งถ่านใช้ไม่สะดวก เปื้อนมือดำไปหมด หนิวโหย่วเต้าเข้าไปล้างมือในห้องเล็ก พอออกมาก็เห็นเฮยหมู่ตานยังยังมีท่าทางเหม่อลอยอยู่ จึงอดหัวเราะขบขันไม่ได้ “ดูเหมือนเจ้าจะชอบภาพนี้ทีเดียวนะ”
ตัวเขาก็คาดการณ์ไว้แล้วว่านางน่าจะชอบแน่ ตอนนี้พอได้เห็นปฏิกิริยาของเฮยหมู่ตาน เขาก็ยิ่งสบายใจมากขึ้น
สายตาที่เฮยหมู่ตานมองเขาแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างยิ่ง ยังคงถามซ้ำว่า “เต้าเหยี่ย จะให้ข้าจริงๆ หรือเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “วาดภาพเจ้า ถ้าไม่ให้เจ้าแล้วจะให้ผู้ใด? ยกให้เจ้าหมีหรือให้ข้าเก็บไว้เองเหรอ?”
เฮยหมู่ตานไม่พูดไม่จา เดินไปเปิดผนึกสุราที่เสี่ยวเอ้อนำมาวางไว้ด้านข้าง รินใส่จอกสุรา ประคองส่งให้ด้วยสองมือ ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
หนิวโหย่วเต้ารับจอกสุราไป ถามอย่างจริงจังยิ่ง “สมมุติว่าไม่ยกภาพนี้ให้เจ้า แต่ขายให้เจ้าในราคาหนึ่งแสนเหรียญทอง เจ้าจะซื้อหรือไม่?”
เฮยหมู่ตานตะลึงงัน พยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “แสนเหรียญทองข้าจ่ายไม่ไหว แต่หากว่าข้ามีเงินพอ ข้าจะซื้อแน่นอน”
หยวนฟางเบะปาก รู้สึกว่าเฮยหมู่ตานกำลังประจบเอาใจ ถึงภาพนี้จะงดงามแค่ไหน แต่ใครมันจะมายอมจ่ายเงินหนึ่งแสนเหรียญทองเพื่อซื้อของแบบนี้ สมองมีปัญหาน่ะสิไม่ว่า หากราคาสิบเหรียญทองเขาอาจจะยอมพิจารณาดู แต่หนึ่งแสนน่ะเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก!
พอเฮยหมู่ตานเอ่ยประโยคนี้ออกไป นางก็คล้ายว่าจะเข้าใจแล้วว่าที่หนิวโหย่วเต้ากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ‘หาเงิน’ มันหมายถึงอะไร จึงเอ่ยถามด้วยความฉงน “เต้าเหยี่ย ท่านจะหาเงินจากการวาดภาพหรือเจ้าคะ?”
“หาเงินจากการวาดภาพหรือ?” หนิวโหย่วเต้าหลุดหัวเราะออกมา
หากการวาดภาพสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดเจ้าลิงกับเจ้าหมีได้ หากการวาดภาพทำให้ตระกูลซ่งยอมละวางความแค้นได้ หากว่าการวาดภาพแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ เช่นนั้นเขาก็ยินดีทำ
จนปัญญาที่สิ่งนี้เพียงทำให้คนที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนรู้สึกแปลกใหม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ของที่มีไว้ชื่นชม สุดท้ายก็มีไว้สำหรับชื่นชมเท่านั้น เมื่อผลประโยชน์วางอยู่ตรงหน้า ภาพวาดอาจจะน่าสนใจน้อยกว่าข้าวชามหนึ่งเสียด้วยซ้ำ เขาส่ายหน้าพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ขายศิลปะ!”
ทันทีที่เสี่ยวเอ้อโรงเตี๊ยมออกมาจากห้อง เขาก็รีบไปที่ห้องโถงโรงเตี๊ยม ตรงเข้าไปด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน “เถ้าแก่ขอรับ ท่านลองดูนี่สิขอรับ”
“อะไร?” เถ้าแก่สงสัย จ้องมองภาพวาดที่เขากางออก หลังจากเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในชัดเจนแล้ว เขาก็ตะลึงไปเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “นี่คือเฮยหมู่ตาน?”
มองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าคนในภาพเป็นใคร สาเหตุสำคัญเป็นเพราะวาดได้สมจริงเหลือเกิน ความรู้สึกแตกต่างไปจากภาพวาดน้ำหมึกที่เน้นเชิงศิลป์แบบเลือนรางคลุมเครืออย่างสิ้นเชิง
“ใช่ขอรับ” เสี่ยวเอ้อพยักหน้า
เถ้าแก่รับภาพไปถือ ตาเป็นประกาย พินิจชื่นชมอย่างละเอียดแล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คือทักษะการวาดอันใด? ได้มาจากไหน?”
“แขกในห้องหมายเลขสองท่านนั้นวาดให้เฮยหมู่ตานขอรับ ข้าเห็นมากับตาตอนยกสุราไปส่ง ใช้แท่งถ่านแทนพู่กัน ร่างภาพลงบนกระดาษ…” เสี่ยวเอ้อเล่าเหตุการณ์ที่ตนได้เห็นอย่างละเอียด บอกว่าแขกต้องการให้เขานำภาพไปใส่กรอบ หลังกล่าวจบก็ถามหยั่งเชิงว่า “ของแปลกใหม่เช่นนี้ควรนำไปให้ทางด้านหลังดูหรือไม่ขอรับ?”
แววตาเถ้าแก่วูบไหว ม้วนภาพวาดอย่างระมัดระวัง เอ่ยกำชับว่า “เรื่องใส่กรอบไม่ต้องรีบร้อน เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปพบท่านผู้ดูแล”
“ขอรับ!” เสี่ยวเอ้อพยักหน้ารับ
เถ้าแก่ถือภาพวาดเดินออกจากโต๊ะเก็บเงินไปอย่างรวดเร็ว เร่งเดินไปยังปราสาทที่อยู่ด้านหลังโรงเตี๊ยม
…..
ภายในสวนพฤกษศาสตร์ หวงเอินผิงกับศิษย์น้องเดินเตร่ไปเตร่มา คอยสังเกตการณ์รอบข้าง มองหาเป้าหมาย
ตรงโต๊ะเก็บเงินน่าจะมีหมายเลขห้องที่เป้าหมายลงทะเบียนเอาไว้ จนปัญญาที่ทั้งสองไม่กล้าสอบถาม ถึงถามไปตรงโต๊ะเก็บเงินก็ไม่มีทางบอกพวกเขา พวกเขาจึงได้แต่ต้องค่อยๆ ตามหากันไป
หลังตามหาอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไร อีกอย่างทั้งสองก็ไม่สามารถไปไล่เคาะประตูทีละห้องได้ หากทำเช่นนั้นจริง เกรงว่าคงถูกโรงเตี๊ยมเชิญจันทร์จับตามองทันที
ถึงยังไงเป้าหมายก็ต้องออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน ขณะที่ทั้งสองเตรียมจะไปดักรอหน้าประตูโรงเตี๊ยม จู่ๆ ชุยหย่วนพลันถองแขนหวงเอินผิงเล็กน้อย
หวงเอินผิงหันมองไปตามทิศทางที่เขาส่งสัญญาณ เมื่อมองลอดช่องระหว่างต้นไม้ไป ทั้งสองเห็นเหลยจงคังออกมาจากห้องพักชั้นบนของฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็เข้าไปในห้องข้างๆ
“ไป ไปหาเขากัน” หวงเอินผิงที่จำเลขห้องไว้กล่าวกระซิบ
ชุยหย่วนรั้งเขาไว้ “ศิษย์พี่ ไปหาถึงห้องคงไม่เหมาะกระมัง อาจารย์อาไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่นมิใช่หรือ?”
หวงเอินผิงจ้องมองห้องนั้นแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อพวกเขาต้องการเกาะขาคนผู้นั้น เช่นนั้นอย่างน้อยๆ พวกเขาก็ต้องรักษามารยาทบ้างหรือเปล่า แต่นี่กลับเข้าออกห้องโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตู ดูแล้วผู้เป็นนายคงจะไม่อยู่ในห้องนั้น เราฉวยโอกาสนี้ไปหาเขาเพื่อตรวจสอบข้อมูลเสียหน่อย”
ชุยหย่วนพยักหน้า ยอมรับความเห็นของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า