ตอนที่ 144 เขาข้ามเมฆา
เขาวางไม้กวาดไว้หน้าประตู รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เข้าไปในห้องของตน
เขาปิดประตู เดินไปที่ข้างเตียง ดึงเอาฟูกออก หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับไว้ออกมา คลี่กางอย่างรวดเร็ว เป็นภาพเหมือนของหนิวโหย่วเต้า เหมือนภาพที่พวกชุยหย่วนเคยเห็นในร้านค้าที่เมืองไจซิงทุกประการ เพราะเดิมทีมันก็เป็นภาพที่ออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันอยู่แล้ว
ส่วนคนเลี้ยงม้าผู้นี้ก็คือหนึ่งในสมาชิกหน่วยข่าวกรองของแคว้นเยี่ยน เขาได้รับบัญชาจากเบื้องบนให้มาสอดแนมอยู่ที่นี่ชั่วคราว กำลังเฝ้ารอให้เป้าหมายปรากฏตัว คิดไม่ถึงว่าจะได้พบจริงๆ
หนิวโหย่วเต้าไม่เคยคาดคิดถึงสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน หนิวโหย่วเต้าทราบเพียงแต่ว่าพวกชุยหย่วนมีภาพเหมือนของเขาอยู่ในมือ แต่ไม่ทราบเลยว่าซ่งจิ่วหมิงสามารถสอดมือไปทั่วแคว้นจ้าวได้ แล้วก็ไม่ทราบว่าซ่งจิ่วหมิงสามารถวางกำลังคนไว้ทั่วแผ่นดินได้ เพราะถ้าหากทราบล่ะก็ เขาไหนเลยจะกล้าเปิดเผยใบหน้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ได้ อย่าว่าแต่ชุยหย่วนเลย กระทั่งสำนักเซียนสถิตทั้งสำนักก็ไม่ทราบว่าซ่งจิ่วหมิงมีการใช้งานหน่วยข่าวกรองเช่นนี้เหมือนกัน พวกเขาทราบเพียงแต่ว่ามีการใช้งานสำนักบำเพ็ญเพียรจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งในความเป็นจริงซ่งจิ่วหมิงก็ไม่สามารถบอกพวกเขาได้เช่นกัน ไหนเลยจะเที่ยวพูดไปทั่วว่าตนเองใช้งานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่แคว้นเยี่ยนส่งไปแฝงตัวอยู่ในแคว้นอื่นได้ จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้อย่างมิดชิด
ส่วนสาเหตุที่ซ่งจิ่วหมิงกล้าใช้เครือข่ายหน่วยข่าวกรองนี้ เป็นเพราะเขาทราบดีว่าซ่งหลงมิได้เป็นเพียงบุตรชายของเขาเท่านั้น หากแต่ยังเป็นราชทูตแห่งแคว้นเยี่ยนด้วย เมื่อสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน แคว้นเยี่ยนย่อมไม่มีทางทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ หน่วยข่าวกรองย่อมให้ความร่วมมือในการดำเนินงาน
หลังจากยืนยันว่าตรงกับภาพเหมือนแล้ว เขาก็พับภาพเหมือนสอดกลับเข้าไปใต้ฟูกนอนอีกครั้ง ก่อนจะรีบไปเขียนจดหมายลับที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาปีนขึ้นไปบนโต๊ะ ดันฝ้าเพดานแผ่นหนึ่งให้เปิดออก นำเอากรงนกกรงหนึ่งลงมาจากใต้หลังคา จับปีกทองที่อยู่ในกรงออกมา
เขาบรรจุจดหมายลับใส่กลัก เปิดหน้าต่างออก สังเกตดูความเคลื่อนไหวด้านนอก รอจนถึงช่วงที่ด้านนอกไร้ผู้คน เขาถึงจะโยนปีกทองในมือออกไป สายตามองตามปีกทองที่กระพือปีกโผบินออกไปไกล
….
มหานครชื่อโจว หอร้อยบุปผา ลำนำขับขานนางรำเริงระบำ
เฉวียนเซ่าคังคหบดีประจำเมืองให้การรับรองแขกเหรื่อและสหาย สุราอาหารชั้นเลิศตั้งอยู่ตรงหน้า มีโฉมงามในอ้อมกอด โอบซ้ายประคองขวา ชนจอกกับสหายอย่างสำเริงสำราญ
ขณะที่กำลังโอบสาวงามร่ำสุราอยู่ พ่อบ้านเฉวียนเฉียวเข้ามาในห้องรับรอง เดินมาหยุดตรงด้านข้างเฉวียนเซ่าคัง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านขอรับ คนจากทางเมืองหลวงมาแล้วขอรับ” พร้อมทาบมือลงที่ตำแหน่งหัวใจ
เฉวียนเซ่าคังปรายตามอง ผลักโฉมงามในอ้อมแขนออก ลุกขึ้นยืนแล้วประสานมือเอ่ยขออภัยแขกเหรื่อมิตรสหายที่นั่งอยู่ “ขออภัย ขออภัย มีแขกมาที่บ้าน คงต้องขอตัวก่อน”
ชายชราอ้วนท้วมผู้หนึ่งที่นั่งอยู่หัวเราะฮ่าๆ แล้วกล่าวว่า “หากข้าฟังไม่ผิดล่ะก็ เป็นแขกจากเมืองหลวงใช่หรือเปล่า มิสู้เรียกมาทำความรู้จักกับทุกคนหน่อยล่ะ?”
“ใช่! เข้าท่าเลย!” คนอื่นๆ เอ่ยสนับสนุนทันที
“ไม่สะดวก ไม่สะดวก!” เฉวียนเซ่าคังยิ้มพลางส่ายศีรษะปฏิเสธ จากนั้นโบกมือกล่าวอย่างใจถึงว่า “ทุกท่านกินดื่มและเล่นสนุกให้เต็มที่ได้เลย ทั้งหมดลงบัญชีข้า!” ก่อนจะประสานมือกล่าวอำลาท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
เขาออกจากหอร้อยบุปผาพร้อมพ่อบ้าน มุดเข้าไปในรถม้าที่จอดรออยู่หน้าประตู
พ่อบ้านร้องบอกคำหนึ่ง รถม้าเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เฉวียนเซ่าคังที่นั่งอยู่ในรถม้าสลัดคราบเศรษฐีขี้เมาฟุ้งเฟ้อทิ้งไปทันที แววตาลุ่มลึก
พวกเขารีบกลับมาบ้านตระกูลเฉวียนอย่างรวดเร็ว สองนายบ่าวตรงไปที่ห้องหนังสือภายในเรือน
พ่อบ้านเฉวียนเฉียวหยิบจดหมายลับฉบับหนึ่งที่สอดไว้ในหน้าหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นหนังสือออกมา ยื่นส่งให้เฉวียนเซ่าคังที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ
เฉวียนเซ่าคังคลี่จดหมายออก หลังจากอ่านเสร็จก็ส่งคืนให้เฉวียนเฉียว จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าแผนที่มณฑลชื่อโจวที่แขวนไว้บนผนังพลางมองสำรวจ
เฉวียนเฉียวจุดไฟเผาจดหมายลับจนมอดไหม้
เฉวียนเซ่าคังลากนิ้วไปตามเส้นทางบนแผนที่ เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อดูจากทิศทางนี้ น่าจะมุ่งหน้าไปทางแถบภูเขาข้ามเมฆา จากช่วงเวลาที่จุดพักม้าส่งข่าวมา เป้าหมายน่าจะไปถึงเขาข้ามเมฆาช่วงบ่ายวันนี้ แถบเขาข้ามเมฆามีเส้นทางที่เดินทางได้อยู่ไม่มากนัก แต่หากผ่านเขาข้ามเมฆาไปแล้วก็บอกได้ยาก เส้นทางที่ใช้เดินทางได้มีอยู่เยอะแยะมากมาย ไม่รู้เช่นกันว่าเป้าหมายจะไปไหนกันแน่ เหล่าเฉียว รีบติดต่อไปหาคนในแถบนั้นให้ไปตั้งจุดสังเกตการณ์ตามเส้นทางที่เป้าหมายอาจจะผ่านได้ ต้องสืบเส้นทางการเดินทางของเป้าหมายมาให้ได้”
เขาดูเหมือนจะเป็นคหบดีในมณฑลชื่อโจวของแคว้นจ้าว แต่ความจริงแล้วเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่แคว้นเยี่ยนส่งมาแฝงตัวอยู่ในมณฑลชื่อโจว ฐานะคหบดีแค่มีไว้ใช้ปกปิดตัวตนเพื่อสะดวกแก่การทำงานเท่านั้น
“ขอรับ!” พ่อบ้านตอบรับ
เฉวียนเซ่าคังชี้ไปที่เขาข้ามเมฆา “รีบให้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงติดต่อไปหาปีศาจที่อยู่ในเขาข้ามเมฆาทันที เสนอเงินรางวัลให้พวกเขาลงมือ ต้องจัดการเป้าหมายให้ได้! จำไว้ ต้องระมัดระวัง จะให้ตัวตนของพวกเราทางนี้เปิดเผยเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ขอรับ! ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
…….
เขาข้ามเมฆา มองจากไกลๆ ก็ทราบว่าเป็นสถานที่ที่มียอดเขาสูงชัน มีเมฆหมอกห้อมล้อมลอยวนอยู่ตลอดทั้งปี
กลุ่มของหนิวโหย่วเต้าเดินทางมาถึงละแวกใกล้เคียงเทือกเขาแล้ว แต่ไม่ได้เดินทางไปตามเส้นทางหลวงอีก หากแต่บังคับม้าเลี้ยวเข้าสู่ส่วนลึกของป่าบนเนินเขาข้างทางเพื่อซ่อนตัว
ทั้งกลุ่มลงจากหลังม้า หนิวโหย่วเต้ากล่าวกับทุกคนว่า “เร่งเดินทางมาตลอดไม่ได้หยุด ทุกคนพักผ่อนที่นี่สักหน่อยเถอะ”
จากนั้นหันไปเอ่ยกับเฮยหมู่ตานว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าตามข้าไปคนเดียวก็พอ ไม่จำเป็นต้องแห่ไปกันหมด เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่ถูกจับไปกันหมด”
ท่านรู้จักกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันหรือ? ยังนึกว่าท่านไม่กังวลอะไรแม้แต่นิดเดียวเสียอีก! เฮยหมู่ตานรู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง อยู่ดีๆ จะไปหาเรื่องปีศาจในเขาข้ามเมฆาทำไมกัน แต่นางก็ทำได้เพียงพยักหน้าตกลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า