ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 167

ตอนที่ 167 ความเป็นไปได้

หวงโต้วและหลินหูพลันตกตะลึง ค่อยๆ ใคร่ครวญตาม พยักหน้ารับช้าๆ

หวงโต้วพลันยิ้มออกมา “คุณชายใหญ่ เขาทั้งวางเพลิงเหลาสุรา ทั้งเล่นงานพุ่งเป้ามาหาท่านเช่นนี้ เห็นทีคงจะขายหน้าที่คุณชายใหญ่เกี้ยวพาถังอี๋จนพาลโกรธเสียแล้วขอรับ”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เจ้าดูแคลนเขาไปแล้ว คนเช่นนี้หากมีใจให้ถังอี๋จริง เขาย่อมต้องคิดหาทางพาไปด้วยแน่ แต่นี่กลับทิ้งถังอี๋เอาไว้แล้วหนีไปอย่างไม่ลังเล แปลว่าอีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกอันใดต่อถังอี๋เลย สำนักสวรรค์พิสุทธิ์กระทำกับเขาเช่นนั้น นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไร้ความรู้สึกใดๆ กับนาง โบราณกล่าวไว้ว่าผู้กล้ายากผ่านด่านสาวงามได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขายังได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากัน รูปโฉมของถังอี๋เป็นเยี่ยงไร ทุกคนล้วนมิได้ตาบอด แม้ทราบว่าข้าตามพัวพันถังอี๋ แต่เขากลับทอดทิ้งถังอี๋หนีไปอย่างไม่ใยดี ไม่ได้มีการพัวพันใดๆ กับถังอี๋ทั้งสิ้น คนประเภทนี้จัดการเรื่องราวโดยใช้เหตุผลไม่ใช้อารมณ์ แล้วก็เลือดเย็นเป็นอย่างยิ่ง…คนผู้นี้อันตรายมาก!”

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “อายุเพียงเท่านี้ก็มีความสามารถถึงเพียงนี้แล้ว หากปล่อยไว้นานไปจะต้องกลายเป็นอุปสรรคใหญ่แน่ เก็บไว้ไม่ได้!”

หลินหูเอ่ยว่า “คนที่เดินทางไปเมืองหลวงอยู่ระหว่างทางแล้วขอรับ”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ที่ข้ากำลังจะพูดก็คือเรื่องนี้ เรียกตัวคนที่ไปเมืองหลวงกลับมาซะ ขนาดตัวตนยังปลอมแปลง ยังคิดว่าเขาจะไปเมืองหลวงอย่างที่บอกจริงๆ หรือ? ”

ทั้งสองครุ่นคิด พบว่าจริงดั่งว่า จึงพยักหน้ารับคำ

หวงโต้วเอ่ยถาม “หากคุณชายใหญ่ต้องการกำจัดเขา อย่างแรกที่ต้องทำคือต้องหาตัวเขาให้พบก่อน อิทธิพลนอกมณฑลเป่ยโจวของพวกเราอ่อนด้อยนัก แผ่นดินกว้างใหญ่ ไม่ทราบเส้นทางการเดินทางของเขา แล้วก็ไม่ทราบว่าเขาจะไปไหน เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะตามหาเขาได้”

“เขามาทำอะไรที่แคว้นหาน?” เซ่าผิงปอพลันเอ่ยถามขึ้นมา แล้วก็คล้ายกำลังถามตัวเองอยู่ด้วย ตกอยู่ในห้วงความคิด ยกมือไพล่หลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องโถง

หวงโต้วและหลินหูมองหน้ากัน คำถามนี้ค่อนข้างยาก เพิ่งเคยเจอหน้าคนผู้นั้นเป็นครั้งแรก ไม่รู้จักมักคุ้น ใครจะไปรู้ได้ว่าเขามาทำอะไรที่แคว้นหาน

หลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่ เซ่าผิงปอก็เอ่ยเนิบๆ ขึ้นมาว่า “มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาอาจจะไป แต่ข้าไม่อาจมั่นใจได้”

หวงโต้วและหลินหูถามออกมาแทบจะพร้อมกัน “ที่ใดขอรับ?”

เซ่าผิงปอหยุดเดินพลางเหลียวหน้ากลับมา เอ่ยถามว่า “ข้าถามเขาว่าจูเก่อสวินให้ไปจัดการธุระใดที่เมืองหลวง ยังจำได้หรือไม่ว่าเขาตอบอย่างไร?”

ทั้งสองสบตากัน ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกอยู่เลยมิใช่หรือว่าหนิวโหย่วเต้าไม่มีทางไปที่เมืองหลวงหรอก? เหตุใดตอนนี้ถึงลากมาโยงเข้ากับเรื่องธุระของจูเก่อสวินอีกล่ะ?

แต่คุณชายใหญ่ท่านนี้สติปัญญาเลิศล้ำ ไม่อาจเอาคนทั่วไปมาเทียบชั้นได้ ทำให้ทั้งสองรู้สึกเลื่อมใสเสมอมา ดังนั้นหวงโต้วจึงทบทวนความคิดของตนแล้วตอบว่า “จำได้ว่าเป็นเพราะเรื่องจุดพักม้าขอรับ ต้องไปแจ้งรายละเอียดกับทางเมืองหลวงแทนจูเก่อสวิน”

เซ่าผิงปอหมุนตัวเดินกลับมา ถามอีกครั้ง “เกิดเรื่องใดขึ้นในจุดพักม้า พวกเจ้าน่าจะทราบกระมัง?”

หลินหูพยักหน้ารับ “ตอนอยู่เมืองหลวงคุณชายใหญ่เคยกล่าวไว้ว่าทางเป่ยโจวก็ได้รับข่าวจากทางเมืองหลวงเช่นกันว่ามีสายลับของแคว้นเยี่ยนแฝงตัวอยู่ในจุดพักม้า เป่ยโจวเองก็ไม่อาจปล่อยให้มีสายลับของแคว้นเยี่ยนอยู่ในพื้นที่ของตัวเองได้ ย่อมต้องให้ความร่วมมือกับราชสำนักทำการกวาดล้าง ได้ยินว่าทั้งหกแคว้นล้วนกำลังทำการกวาดล้างสายลับของแคว้นเยี่ยนที่แฝงตัวอยู่ในจุดพักม้า เรื่องนี้ภายนอกดูเหมือนจะจัดการกันอย่างเงียบๆ แต่ความจริงแล้วใหญ่โตครึกโครมอย่างมาก น่าจะสร้างความเสียหายให้หน่วยข่าวกรองของแคว้นเยี่ยนไม่น้อยขอรับ”

เซ่าผิงปอยืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง ถามว่า “เขาบอกว่าเป็นจูเก่อสวินที่ทราบข่าวจากทางแคว้นจ้าวแล้วถึงส่งข่าวมาให้ทางแคว้นหาน พวกเจ้าคิดว่าเขากำลังโกหกข้าหรือไม่?”

หากใคร่ครวญปัญหาไปตามแนวคิดของเขาดู มันก็หาคำตอบได้ไม่ยาก หลินหูตอบว่า “น่าจะมิได้โกหกขอรับ ตอนนั้นเขาทราบฐานะของคุณชายใหญ่แล้ว ในเมื่อสวมรอยเป็นคนของจูเก่อสวิน เขาก็ไม่น่าจะกล้าพูดอะไรเหลวไหลออกมา เพราะถ้าเกิดคุณชายใหญ่ทราบเรื่องอยู่ก่อนแล้ว นั่นมิเท่ากับเป็นการเผยพิรุธตัวเองหรอกหรือ หากเป็นแบบนั้นเขาไหนเลยจะแอบอ้างต่อไปได้ ดังนั้นเขาย่อมต้องพูดในสิ่งที่เชื่อถือได้ขอรับ”

เซ่าผิงปอผายมือออกเล็กน้อย “แต่ปัญหาสำคัญคือแม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้เลยว่านี่เป็นข่าวที่จูเก่อสวินได้มาจากแคว้นจ้าวแล้วถึงจะส่งมาให้แคว้นหาน…อันที่จริงเรื่องนี้มันก็พอจะเข้าใจได้ ข่าวกรองที่เกี่ยวพันในระดับแว่นแคว้น การปิดเป็นความลับนั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่หนิวโหย่วเต้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? เขารู้เรื่องการจับกุมตามจุดพักม้านั้นข้าพอจะเข้าใจได้ แต่เขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นจูเก่อสวินที่ส่งข่าวกลับมา? ข้อมูลลับเช่นนี้จูเก่อสวินจะไม่รู้จักเก็บเป็นความลับหรือ เที่ยวแพร่งพรายออกไปส่งเดชได้หรือ?”

หวงโต้วและหลินหูใคร่ครวญตาม

เซ่าผิงปอยกมือชูนิ้วพร้อมกระดิกเล็กน้อย “ถ้าลองมองย้อนกลับไปดูข่าวการจับกุมที่ทางเมืองหลวงส่งให้พวกเรา จะพบว่ามันมีความแม่นยำในระดับหนึ่งทีเดียว สายลับทั้งหมดล้วนเพิ่งแฝงตัวอยู่ในจุดพักม้าเมื่อไม่นานมานี้ หากนำเอาหนิวโหย่วเต้ามาเชื่อมโยงเข้ากับช่วงเวลาที่เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น เช่นนั้นมันก็น่าครุ่นคิดแล้ว หนิวโหย่วเต้า สายลับแคว้นเยี่ยน ช่วงเวลาการเข้ามาแฝงตัว ทั้งสามเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันอยู่!”

หลินหูพลันกระจ่างขึ้นมาในทันใด เอ่ยโพล่งออกมา “หนิวโหย่วเต้าสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน กระตุ้นโทสะราชสำนักแคว้นเยี่ยน ราชสำนักแคว้นเยี่ยนจึงสั่งให้สายสืบไปแฝงตัวตามจุดพักม้าต่างๆ เพื่อตามหาเขา ต้องการกำจัดเขา!”

เซ่าผิงปอพยักหน้าเล็กน้อย “จากนั้นเรากลับมาดูเรื่องที่ว่าเขาทราบเรื่องรายงานลับของจูเก่อสวินอีกครั้ง”

หวงโต้วเอ่ยขึ้นมา “เขาอาจจะเป็นคนที่ติดต่อไปหาจูเก่อสวิน!”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เกรงว่าจะไม่ได้ติดต่อไปหาจูเก่อสวินแค่คนเดียว แต่น่าจะติดต่อไปหาราชทูตของแคว้นอื่นๆ ด้วย นี่คือเหตุผลที่แคว้นต่างๆ แทบจะลงมือในเวลาเดียวกัน ตอนที่เขาสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน ราชทูตของแคว้นต่างๆ ล้วนอยู่ด้วย ในเมื่อรู้จักราชทูตแคว้นต่างๆ การจะส่งข่าวไปให้พวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ยังมีอีก แต่ละแคว้นต่างแย่งชิงผลประโยชน์ ต่างฝ่ายต่างมีแผนการแอบซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแคว้นใดเมื่อทราบข่าวนี้ หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ ก็ไม่มีทางแจ้งต่อแคว้นอื่นอย่างแน่นอน ตัวเองแค่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็พอ ในใจนึกอยากเห็นบ้านเมืองคนอื่นวุ่นวาย ดังนั้นการที่แต่ละแคว้นลงมือพร้อมกันมันจึงน่าสงสัย”

หลินหูหัวเราะเฮอะๆ เอ่ยว่า “เช่นนั้นยิ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต้า แคว้นเยี่ยนคิดกำจัดเขา ถูกเขาตอบโต้กลับก็นับเป็นเรื่องปกติ!”

เซ่าผิงปอหมุนตัวกลับมา ยกมือไพล่หลังเดินต่อ ถอนหายใจเบาๆ “โต้กลับเพียงครั้งเดียวก็ทำลายเครือข่ายข่าวกรองที่แคว้นเยี่ยนจัดวางไว้ได้ กระทั่งแคว้นเยี่ยนยังพลาดท่าด้วยน้ำมือเขา พวกเจ้ายังกล้าดูแคลนเขาอีกหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า