ตอนที่ 166 ยากจะซาลงได้
นี่ท่องอะไรกัน? ลูกกวาดหนึ่งเม็ดลูกกวาดสองเม็ดอะไร? คนอื่นๆ พากันมึนงง แต่ทุกคนล้วนมองออกว่าสีหน้าของเซ่าผิงปอดูผิดปกติไปเล็กน้อย
แรกเริ่มเซ่าผิงปอก็ถูกลูกกวาดหนึ่งเม็ดลูกกวาดสองเม็ดอันใดนั่นดึงดูดความสนใจเอาไว้เช่นกัน แต่หลังจากนั้นกลับพบถึงความผิดปกติ หลังจากอ่านจบ เขาก็ค่อยๆ เงยหน้าถามพ่อบ้าน “นี่มันอะไรกัน?”
พ่อบ้านเซ่าซานเสิ่งตอบ “เพลงกล่อมเด็กขอรับ”
เพลงกล่อมเด็กอย่างนั้นหรือ? เซ่าผิงปอเข้าใจแล้ว มิน่าเล่าถึงมีลูกกวาดหนึ่งเม็ดลูกกวาดสองเม็ดอันใดสอดแทรกอยู่ด้วย ทำให้เขามองไม่ออกว่าเป็นบทประพันธ์ประเภทใด หลงนึกว่ามีความหมายลึกซึ้งอันใดแอบแฝงอยู่ ที่แท้เป็นเพลงกล่อมเด็กนี่เอง เขาเอ่ยถามอีกครั้ง “มาจากไหน?”
เซ่าซานเสิ่งตอบว่า “นี่เป็นเพลงกล่อมเด็กที่พวกเด็กๆ ในบางพื้นที่ทางตอนเหนือของแม่น้ำร้องกันตามตรอกซอกซอยขอรับ หลังจากคนของพวกเราพบเข้าก็ส่งข่าวกลับมา”
“ร้องกันทางตอนเหนือของแม่น้ำ…” หัวใจเซ่าผิงปอบีบตัวอย่างรุนแรง ยากจะทำใจยอมรับเหตุการณ์ตอนที่มีการร้องเพลงแบบนี้ไปทั่วท้องถนนได้ เขาค่อยๆ ก้มหน้ามองดูเนื้อหาในกระดาษ
ราชันเป่ยโจวที่พูดถึงในเพลงกล่อมเด็กหมายถึงตระกูลเซ่าชัดๆ แคว้นหานทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แคว้นเยี่ยนก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เช่นกัน นี่ล้วนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แล้วก็นับว่าเป็นความจริงด้วย ปัญหาที่แท้จริงนั้นอยู่ในท่อนหลังของเพลงกล่อมเด็ก บอกว่าบิดาอย่างเซ่าเติงอวิ๋นเป็นเพียงหุ่นเชิดในเป่ยโจว ส่วนผู้ปกครองตัวจริงคือตัวเขาเซ่าผิงปอ!
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือมีคนนำเอาชื่อของเขามาแต่งเป็นเพลง แค่นำคำว่าเซ่าผิงปอสามพยางค์นี้มากลับจากหัวไปท้ายเท่านั้น เมื่อนำมารวมกับความหมายโดยรวมทั้งหมดของเพลงกล่อมเด็กแล้ว มันก็จะกลายเป็นว่าเขาต้องการล้มล้างบิดาทันที!
แค่กลับชื่อเล็กน้อย มันก็ทำให้เกิดความหมายแฝงว่า ‘ล้มล้าง’ ขึ้นมาทันที! คลื่นสงบงดงาม[1] อย่างนั้นหรือ คำว่า ‘คลื่น’ ที่เป็นชื่อของเขาก็บดขยี้แซ่ ‘เซ่า’ อันเป็นแซ่ของบิดาได้พอดี ชื่อนี้ช่างเต็มไปด้วยความคล้องจองจริงๆ ช่างโหดร้ายนัก! หากท่านพ่อได้เห็นแล้วจะคิดอย่างไร?
ยังมีจุดที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เพลงกล่อมเด็กเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกนำไปร้องต่อๆ กันได้ง่าย แล้วก็ขยายตัวออกเป็นวงกว้างเรื่อยๆ ทำให้ตัวเขาเซ่าผิงปอกลายเป็นจุดสนใจของมณฑลเป่ยโจว ตัวเขาที่ยืนอยู่เบื้องหลังบิดาจะดึงดูดความสนใจจากทุกคนมา กลุ่มอิทธิพลที่ต้องการจะเล่นงานมณฑลเป่ยโจวอาจจะพุ่งเป้ามาที่ตัวเขา คนที่ต้องการกำจัดท่านพ่อก็อาจจะหันคมหอกคมดาบมาที่เขาเช่นเดียวกัน เผลอๆ อาจจะมีคนในตระกูลนำเอาเรื่องนี้มาก่อความวุ่นวายเช่นเดียวกัน
ทั้งหมดนี้เป็นแผนชั่วร้ายที่พุ่งเป้ามาที่เขา!
คนที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมามีความคิดจิตใจที่โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ทำให้เขารู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา!
คนอื่นๆ ยังไม่รู้ว่าบนกระดาษแผ่นนั้นมีอะไรกันแน่ สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ถังอี๋สังเกตเห็นแล้ว สตรีมักจะมีความละเอียดอ่อนเสมอ นางสังเกตเห็นความโกรธเกรี้ยวและความกลัดกลุ้มเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันอยู่ในดวงตาของเซ่าผิงปอ
ถังอี๋ลอบรู้สึกตกใจ แววตาที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกหวาดผวา ภายในหัวนึกถึงคำพูดของหนิวโหย่วเต้าขึ้นมาทันที เซ่าผิงปออันตรายเป็นอย่างมาก!
ในที่สุดเซ่าผิงปอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดก่อนหน้านี้พ่อบ้านจึงมีสีหน้าเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เขารีบสงบอารมณ์ที่กำลังสับสนวุ่นวายทันที เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพลงนี่ปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร?”
เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้สายลับที่จัดวางอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยขอรับ แต่เมื่อสองวันก่อน จู่ๆ เพลงกล่อมเด็กเพลงนี้ก็ถูกร้องกันไปทั่ว สายลับจึงเข้าไปสอบถามเด็กๆ เด็กบางคนบอกว่ามีคนเอาลูกกวาดมาให้แล้วสอนร้อง เด็กบางคนก็บอกว่าเห็นเด็กคนอื่นร้องก็เลยร้องตาม เมื่อสายลับสืบตามเบาะแสที่มีอยู่ ก็สืบพบเพียงว่ามีคนได้รับการจ้างวานให้มาจัดการเรื่อง แต่หาตัวการเบื้องหลังไม่พบขอรับ ”
คนอื่นๆ ยังคงไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดอะไร เพลงกล่อมเด็กมันทำไมหรือ? มีการแพร่ข่าวที่ไม่เป็นผลดีต่อทางนี้อยู่อย่างนั้นหรือ?
ร้องกระจายไปทั่วแล้ว เซ่าผิงปอเองก็ทราบดีว่าเรื่องนี้ปิดคนอื่นไว้ไม่ได้แล้ว ทันทีที่คนเหล่านี้ออกไปข้างนอกก็อาจจะทราบเรื่องทันที แทนที่จะปกปิดอำพรางไว้ มิสู้เผยออกไปเลยดีกว่า เขายื่นกระดาษออกไป ให้คนอื่นๆ ได้ดูเอาเอง
“แผนที่!” เซ่าผิงปอเรียกหา พ่อบ้านให้คนหยิบแผนที่มาทันที กางไว้ตรงหน้าเขา
เซ่าผิงปอลุกขึ้นมาจ้องมองแผนที่พลางเอ่ยถาม “ได้รับข่าวลือมาจากที่ใด?”
พ่อบ้านชี้ไปยังพื้นที่บางส่วน “แรกสุดมาจากอำเภอฉินอันขอรับ จากนั้นก็แพร่ะกระจายไปตามอำเภออื่นๆ ที่อยู่รอบข้างอย่างรวดเร็ว”
เซ่าผิงปอค่อยๆ หลับตาลง
คนอื่นๆ ส่งกระดาษแผ่นนั้นต่อกันเป็นทอดๆ หลังจากเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในเพลงกล่อมเด็กแล้ว แต่ละคนต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา นี่มันต้องการสร้างความบาดหมางระหว่างพ่อลูกตระกูลเซ่า ผลักเซ่าผิงปอไปสู่ความตายชัดๆ!
“สองวันก่อน…” เซ่าผิงปอเอ่ยพึมพำพลางลำดับเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมา ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เอ่ยชื่อชื่อหนึ่งออกมา “จางซาน!”
ทุกคนมึนงง เซ่าซานเสิ่งไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร จึงเอ่ยถาม “คุณชายใหญ่หมายถึงผู้ใดหรือขอรับ?”
เซ่าผิงปอเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เรื่องนี้น่าจะเป็นฝีมือของจางซานที่วางเพลิงเหลาสุราคนนั้น”
ถังอี๋เอ่ยถามด้วยความตกใจระคนสงสัย “คุณชายใหญ่ เหตุใดจึงมั่นใจว่าเป็นฝีมือจางซานคนนั้น?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ในช่วงนี้ไม่มีเรื่องใดที่ผิดปกติไม่เข้าเค้า จะมีก็แต่เหตุเพลิงไหม้เหลาสุราที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นก็มีเพลงกล่อมเด็กเกิดขึ้นตามมา อีกทั้งระยะห่างของเวลาก็ประจวบเหมาะกันพอดีด้วย มีความเป็นได้เกือบสิบส่วนว่าจะเป็นเขา”
อันที่จริงยังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เขามั่นใจ แต่เขาไม่ได้บอกออกไป เพลิงไหม้เหลาสุรา มีคนมองเจตนาของตนออก เขาตระหนักได้ถึงแรงกดดันที่ผู้ลงมือมอบให้เขา รับรู้ได้ถึงความอันตรายของอีกฝ่าย คนที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาได้ ซ้ำยังใช้วิธีการโหดเหี้ยมชั่วร้ายเช่นนี้ มันกลับสอดคล้องกันได้พอดี
ถังอี๋เอ่ยถามอีกว่า “ในกลุ่มของจางซานมีกันหลายคน เหตุใดคุณชายใหญ่ถึงมั่นใจว่าเป็นจางซานผู้นั้นเล่า ไม่คิดว่าเป็นคนอื่นในกลุ่มบ้างหรือ?”
เซ่าผิงปอมองนางด้วยสีหน้าราบเรียบ ตอบไปว่า “คนที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นแล้วยังกล้าวางเพลิงเหลาสุราเพื่อหลบหนี หากไม่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่มผู้นั้น ก็ไม่น่าจะมีใครทำเรื่องเช่นนี้ได้ เพียงแค่ดูจากอายุของคนในกลุ่มก็ทราบแล้ว คนอื่นๆ ที่อายุมากกว่ากลับยกให้คนหนุ่มอย่างจางซานเป็นหัวหน้า ชายหนุ่มอ่อนวัยคนหนึ่งสามารถควบคุมผู้ใหญ่หลายคนไว้ได้ ไหนเลยจะใช่คนธรรมดา?”
เขาหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เดิม มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “จะว่าไปแล้ว เป็นข้าเองที่มีตาแต่ไร้แวว คิดไม่ถึงว่าจะไปบังคับเชิญตัวยอดคนผู้หนึ่งมาเป็นพ่อครัวเสียได้ เกรงว่าคงยั่วโทสะอีกฝ่ายเข้าแล้ว อีกฝ่ายถึงได้สั่งสอนข้าให้เห็นดีบ้าง เผาเหลาสุราให้ข้าสำลักควันก่อน จากนั้นก็ใช้เพลงกล่อมเด็กเพลงหนึ่งมาค่อยๆ เคี่ยวกรำข้า นับว่าทำให้ข้าได้รับบทเรียนแล้วจริงๆ เกรงว่าผลกระทบจากเรื่องนี้คงจะอยู่ไปอีกนาน ยากจะซาลงไปได้…ครั้งนี้นับว่าได้พบยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดาเข้าแล้วจริงๆ จางซานคนนี้ช่างพิเศษนัก!”
ซูพั่วและถังซู่ซู่มองหน้ากัน ในดวงตาต่างฉายแววสับสนตื่นตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า