ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 165

ตอนที่ 165 ตรวจสอบแล้วไม่พบคนผู้นี้

อำเภอฉินอันเป็นอำเภอเล็กๆ กำแพงเมืองเก่าทรุดโทรม แสงอาทิตย์ยามอัสดงฉาบไล้ ควันไฟจากในครัวลอยอ้อยอิ่ง

ภายในโรงเตี๊ยม หนิวโหย่วเต้าแช่อยู่ในถังอาบน้ำ หันหน้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตกดิน ด้านข้างมีสุรากาหนึ่งและกระบี่เล่มหนึ่งวางไว้ตามเดิม

แสงแดงเรื่อส่องลอดเข้ามาในห้อง ส่องกระทบร่างคนที่อยู่ในถังอาบน้ำจนแดงเรื่อเช่นกัน

เสียงเคาะประตูก๊อกๆ ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของเฮยหมู่ตาน “เต้าเหยี่ยเจ้าคะ!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยตอบ “แช่น้ำอยู่ หากไม่มีเรื่องด่วนเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

แอ๊ด! เฮยหมู่ตานเปิดประตูเข้ามา ประตูถูกปิดลง มีเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามาหา

หนิวโหย่วเต้าเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่วางพาดอยู่ด้านข้างมาคลุมลงไปใต้น้ำ “มีอะไรก็ยืนคุยตรงนั้นเถอะ”

เฮยหมู่ตานเดินเข้ามาหยุดริมอ่างน้ำ เมียงมองเข้าไปในถัง พบว่าถูกบังเอาไว้มองไม่เห็นอะไรเลย จึงเอ่ยเหน็บแนมว่า “เหนียมอายกว่าสตรีเสียอีก”

หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ได้หดหนี ยังคงแช่อยู่ตรงนั้น เอ่ยเสียงเรียบว่า “มีอะไรก็ว่ามา เจ้าทำแบบนี้ข้าไม่ชอบ”

เฮยหมู่ตานลากเก้าอี้มานั่งด้านข้างเขา เลิกแขนเสื้อสองข้างขึ้น หยิบผ้าขนหนูอีกผืนมา ชุบน้ำให้หมาด ช่วยขัดไหล่และแขนให้เขา “ปรนนิบัติท่านก็ไม่ชอบหรือเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าหันมองนางแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าเคารพกฎหน่อยจะดีกว่า”

เฮยหมู่ตานย้อนถาม “ท่านไม่รู้หรือว่าข้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? แม้นทำเช่นนี้คล้ายจะหน้าไม่อายอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วการติดตามบุรุษสักคนก็เป็นแหล่งพักพิงที่ดีที่สุดสำหรับสตรี ข้าชื่นชมท่าน ยินดีพลีกายถวายหัวติดตามท่าน ข้าถือว่าตัวเองเป็นคนของท่านแล้ว เช่นนี้ท่านก็ไม่ชอบหรือ? แน่นอน ข้าเองก็หวังเช่นกันว่าท่านจะมองข้าเป็นคนของท่าน เป็นคนกันเอง ข้าชอบที่ได้เห็นพวกเขาเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่าน นี่ข้าพูดจากใจจริงนะเจ้าคะ”

หนิวโหย่วเต้าเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามขึ้นมา “กลับมาเร็วขนาดนี้ ทำงานเสร็จแล้วหรือ?”

เฮยหมู่ตานดันตัวเขาเล็กน้อย ช่วยถูแผ่นหลังให้เขา “ท่านดูถูกข้าเกินไปแล้ว เรื่องเล็กแค่นี้จะยุ่งยากสักเท่าไรกันเชียว? แปลงโฉมปลอมตัวเล็กน้อย หาพวกว่างงานสักสองสามคนมา ให้เงินนิดหน่อย แล้วให้พวกเขาแยกไปทำงานตามที่ต่างๆ ก็ใช้ได้แล้ว คนว่างงานพวกนี้ชอบงานสบายได้เงินง่าย ชอบทำงานที่ไม่ต้องเปลืองกำลังเช่นนี้ ข้าบอกว่าถ้าจัดการได้ดีจะมีรางวัลให้ แต่แน่นอน เงินรางวัลที่ว่านั้นไม่มีทางมี เพราะอีกเดี๋ยวพวกเราก็จะไปกันแล้ว ข้าตามไปดูมาแล้ว พวกนั้นซื้อลูกกวาดล่อเด็กๆ ตามที่ข้าบอก ได้ผลไม่เลวเลย เด็กพวกนั้นกระโดดโลดเต้นร้องกันไปทั่วหัวถนนแล้วเจ้าค่ะ!”

หนิวโหย่วเต้าตอบอืมคำหนึ่ง

เฮยหมู่ตานกะพริบดวงตาที่กลมโต เอ่ยว่า “ถังอี๋รูปโฉมงดงามจริงๆ อกเป็นอก เอวเป็นเอว ใบหน้าสะสวย บุคลิกเพียบพร้อม…”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยสั้นๆ “แต่ไม่มีสมอง”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “มีสมองหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับว่าเอาไปเทียบกับใคร หากนำมาเทียบกับท่านก็อาจจะด้อยกว่า ถ้าหากเป็นคนไม่มีสมองจริงๆ นางจะสามารถดูแลสำนักแห่งหนึ่งได้หรือ? มิใช่ว่าใครๆ ก็เป็นอย่างท่านได้นะเจ้าคะ ในบรรดาคนที่ข้าเคยพบมา ท่านคือคนที่ร้ายที่สุดแล้วเจ้าค่ะ!”

หนิวโหย่วเต้าถาม “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่?”

เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “สตรีที่งดงามเช่นนี้ บุรุษจะไม่ชมชอบได้อย่างไร หากท่านรู้สึกว่านางอยู่ใกล้ตัวเซ่าผิงปอแล้วมีอันตราย เช่นนั้นมิสู้พามาด้วยกันล่ะเจ้าคะ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าว “เจ้าแอบฟังไปไม่น้อยเลยนะ”

เฮยหมู่ตานว่า “ท่านก็ไม่ได้หลบเลี่ยงพวกเรามิใช่หรือเจ้าคะ เต้าเหยี่ย ในใจท่านยังมีนางอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว นางจะเป็นหรือตายไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้า”

เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “ปากไม่ตรงกับใจ ข้ามองออกนะเจ้าคะ ดูเหมือนท่านจะหงุดหงิดที่เซ่าผิงปอตามเกี้ยวนาง”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หรือต้องรู้สึกดีใจเล่า? นี่มิได้เกี่ยวอะไรกับหงุดหงิดหรือไม่หงุดหงิด มันก็เหมือนกับเวลาสุนัขตัวหนึ่งเดินผ่านสถานที่แห่งหนึ่งแล้วฉี่รดไว้ ไม่ว่าพื้นที่นี้จะเป็นของตนหรือไม่ แต่ถ้ามีสุนัขตัวอื่นรุกล้ำเข้ามา อย่างน้อยก็ต้องเห่ากันบ้าง จะมากจะน้อยอารมณ์ก็ต้องถูกรบกวนไปบ้าง ข้าเองก็ปวดหัวกับเรื่องนี้ เดิมทีคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่หลังจากเจอเรื่องนี้ ข้าถึงได้พบว่าการเป็นสามีภรรยากับนางคือปัญหาอย่างหนึ่ง รู้สึกเหมือนถูกผูกมัดเอาไว้ ข้าไม่อยากข้องเกี่ยวอันใดกับนางจริงๆ แต่สุดท้ายก็ยังข้องเกี่ยวอยู่ดี ไหนเจ้าว่ามาสิ หากนางเกิดปัญหา ข้าควรจัดการหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเขาว่าเช่นนี้ เฮยหมู่ตานก็เข้าใจแล้ว คนผู้นี้ไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อสตรีนางนั้นจริงๆ นางจุ๊ปากเอ่ยไปว่า “นี่ก็สิ่งที่คนเราไม่เหมือนกัน ผู้ชายในอดีตคนนั้นของข้า ต่อให้ข้าถูกคนเอาดาบพาดคอเอาไว้ก็คงจะไม่ชายตาแลมองเลยแม้แต่แวบเดียว เต้าเหยี่ย หากท่านให้ข้าพูดล่ะก็ อันที่จริงมันก็ไม่ได้มีอันใดต้องปวดหัวหรือไม่ปวดหัวเลย หากทราบว่านางต้องการความช่วยเหลือล่ะก็ ถ้ายื่นมือช่วยเหลือได้ก็ช่วยไป แต่หากไม่ทราบ เช่นนั้นก็ไม่ต้องฝืน แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก เผชิญหน้าไปโดยไม่ต้องกังวล นี่ต่างหากถึงจะเป็นการปล่อยวางอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากใจเจ้าค่ะ!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยทวน “เผชิญหน้าไปโดยไม่ต้องกังวล…มีเหตุผลทีเดียว กลับเป็นข้าที่เลอะเลือนไปเสียแล้ว”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “แต่หากท่านรู้สึกว่าเซ่าผิงปอคนนั้นอันตรายจริงๆ ล่ะก็ ข้าคิดว่าท่านควรคิดหาทางแยกนางออกห่างจากเซ่าผิงปอจะดีกว่านะเจ้าคะ ข้ารู้จักพวกบุรุษดี นางงดงามถึงเพียงนั้น ไม่ช้าก็เร็วจะกลายเป็นเนื้อในปากเซ่าผิงปอแน่นอน วิธีการชั่วช้าบางอย่าง ถึงป้องกันอย่างไรก็กันไม่ได้ ข้าเคยพลาดท่ามาก่อนแล้วเจ้าค่ะ!”

“เรื่องนี้ข้าหาได้กังวลไม่ ขอเพียงเซ่าผิงปอทำอันใดข้าไม่ได้ เขาก็ไม่กล้าแตะต้องนาง แต่ก็มิใช่เพราะข้าทำให้เซ่าผิงปอหวาดหวั่นได้ หากแต่เป็นเพราะนางยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่หย่าขาดจากข้า เซ่าผิงปอไม่กล้าใช้เล่ห์เพทุบายชั่วช้ากับนางง่ายๆ แน่ เพราะถ้าหากยั่วโทสะผู้ที่อยู่เบื้องหลัวถังอี๋ขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าฝ่าซือที่อยู่ข้างกายเซ่าผิงปอเหล่านั้นคงจะรักษาชีวิตเขาไว้ไม่ได้แน่! หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว ขอเพียงข้ารักษาตัวรอดปลอดภัย มันก็เป็นการปกป้องถังอี๋ไปด้วยเช่นกัน”

เฮยหมู่ตานกระซิบริมหูเขา “จ้าวสยงเกอใช่ไหมเจ้าคะ?”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” หนิวโหย่วเต้าหันไปมองนางแวบหนึ่ง เพราะตอนที่เขาเอ่ยถึงชื่อนี้ในห้องครัว เขาพูดด้วยเสียงที่เบาเป็นอย่างมาก

เฮยหมู่ตานกล่าวตอบ “เดิมทีจ้าวสยงเกอก็เป็นศิษย์ที่ถูกขับออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์นี่เจ้าคะ! ข้าได้ยินมาว่าตอนที่สำนักเซียนสถิตเข้ารุกรานสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ มาตรว่าจ้าวสยงเกอจะมิได้เผยตัว เพียงแค่ส่งสัตว์พาหนะมาปรากฏตัว แต่ก็ขู่ขวัญสำนักเซียนสถิตจนล่าถอยไป ผู้อาวุโสของสำนักเซียนสถิตคนหนึ่งถึงกับตัดแขนตัวเองทิ้งไว้ข้างหนึ่งเพื่อเป็นการขอขมา ในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์นอกจากจ้าวสยงเกอแล้ว ยังจะมีผู้ใดที่สามารถทำให้เจ้าศักดินาที่มียอดฝีมือรายล้อมข้างกายหวาดกลัวได้? คนที่มีพลังระดับจ้าวสยงเกอน่ากลัวยิ่งนัก กองทัพนับหมื่นพันก็ต้านไม่อยู่เจ้าค่ะ!

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “จ้าวสยงเกอมาจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ แต่ความสามารถกลับเลิศล้ำเหนือขอบเขตที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะอบรมสั่งสอนขึ้นมาได้ เกรงว่าแม้แต่ปฐมจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา ในจุดนี้ค่อนข้างผิดปกติ เจ้าเคยได้ยินบ้างหรือไม่ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร?”

เฮยหมู่ตานเอ่ยตอบ “ไม่ทราบแน่ชัดเจ้าค่ะ แต่เรื่องนี้มันก็ผิดปกติจริงๆ คาดว่าเขาคงได้ไปพบเจออะไรบางอย่างที่คนนอกไม่ทราบเจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า