ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 174

ตอนที่ 174 ตกลงตามนี้

ช่วงเวลากลางดึก รับรู้ได้ว่าพายุหิมะสงบแล้ว สรรพสิ่งเงียบสงัด

วันต่อมา แสงอาทิตย์เจิดจ้า แสงสีทองสาดส่อง กระทบทุ่งหิมะจนเลื่อมระยับเป็นประกาย

ม่านประตูถูกแหวกออก ทั้งคณะเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมของจุดพักม้า ลมหนาวโชยปะทะใบหน้า

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมกำมะหยี่สีดำยืนค้ำกระบี่อยู่บนบันได ลำตัวยืดตรง กวาดมองไปรอบๆ

เหลยจงคังและอู๋ซานเหลี่ยงเดินออกมาจากทางซ้ายและขวา ไปจูงม้ามา

คนงานในจุดพักม้ากำลังโกยหิมะอยู่ ทำความสะอาดทางเดิน

บนหลังคาก็มีคนกำลังทำการเก็บกวาดหิมะอยู่เช่นกัน มิเช่นนั้นหิมะจะทับจนหลังคาพังถล่มลงมาได้ หิมะก้อนใหญ่ตกกระแทกลงมาที่ใต้ชายคาก้อนแล้วก้อนเล่า

“สุนัขดีไม่ขวางทาง!”

กลุ่มคนที่ได้พบกันเมื่อวานนี้เดินออกมาจากโรงเตี๊ยมจุดพักม้า ชายหนุ่มตุ้งติ้งคนนั้นเปิดปากพูดก็เอ่ยวาจาระคายหู

“คุณชาย!” เผยเหนียงจื่อดึงตัวนาง

หนิวโหย่วเต้าที่หันกลับไปมองหลีกทางให้ ผายมือเชิญพร้อมเอ่ยว่า “คุณหนูเฮ่าเดินระวังด้วย”

ชายหนุ่มตุ้งติ้งแยกเขี้ยวถลึงตาทันที “เจ้าตาบอดหรือไร ผู้ใดเป็นคุณหนูกัน?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ากล่าวไปว่า “เช่นนั้นให้ข้ามองท่านเป็นบุรุษดีหรือไม่?”

“พรืด…” เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านข้างกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เมื่อวานตอนที่เปิดใจคุยกัน เต้าเหยี่ยคล้ายจะพูดจาทำนองนี้กับนางเช่นกัน

“เจ้า…” ชายหนุ่มตุ้งติ้งยังไม่ทันแผลงฤทธิ์ เผยเหนียงจื่อก็ดันตัวนางออกไป นางถูกดันจนซวนเซถลาลงบันไดไป

“คุณชายหลี่มีมารยาทยิ่ง” เผยเหนียงจื่อประสานมือกล่าววาจา

หลิวเฟิงไห่และไฉเฟยเดินผ่านหนิวโหย่วเต้า ประสานมือคำนับเช่นเดียวกัน

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าตอบกลับไปทีละคน

ม้าถูกจูงมาแล้ว หนิวโหย่วเต้าเดินลงบันไดไป รวบผ้าคลุมกันลม พลิกตัวขึ้นหลังม้า ทั้งกลุ่มทะยานออกไปจากจุดพักม้า เข้าสู่ถนนหลวง มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่มีร่องรอยผู้คนสัญจรผ่าน

“คุณชาย!” เสียงเรียกของเผยเหนียงจื่อแว่วมาจากทางด้านหลัง

พวกหนิวโหย่วเต้าหันกลับไปมอง

ชายหนุ่มตุ้งติ้งควบม้าวิ่งห้อเข้ามา แซงผ่านพวกหนิวโหย่วเต้าไปอย่างรวดเร็ว ยามที่เฉียดผ่านไป ยังพยักเพยิดหน้าท้าทายทางฝั่งนี้ด้วย

นางไม่ยินดีจะตามอยู่ด้านหลังพวกหนิวโหย่วเต้า

พวกเผยเหนียงจื่อทยอยควบผ่านไปทีละคน ไล่ตามชายหนุ่มตุ้งติ้งคนนั้นไป

ในการเดินทางหลังจากนั้น ทั้งสองกลุ่มคล้ายจะมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน หันหน้าหันหลังก็มองเห็นกันอยู่ตลอด

กลุ่มที่อยู่ด้านหน้าก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นแล้วเช่นกัน เผยเหนียงจื่อแยกตัวออกมาจากกลุ่มแล้วหยุดลง กระทั่งพวกหนิวโหย่วเต้าไล่ตามมาถึงก็บังคับม้าวิ่งตีคู่กันขึ้นไป เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คุณชายหลี่ นี่กำลังจะไปไหนหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าทราบดีว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังสงสัยว่าพวกเขาตั้งใจตามมาหรือเปล่า จึงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ไปเยี่ยมชมหอหิมะเหมันต์”

เผยเหนียงจื่อร้องอ้อ กล่าวขึ้นว่า “ที่แท้ก็ไปทางเดียวกัน”

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “พวกท่านก็จะไปหอหิมะเหมันต์หรือ?”

เผยเหนียงจื่อมองไปด้านหน้า บุ้ยปากไปข้างหน้า “คุณหนูออกมาท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก เคยได้ยินเรื่องหอหิมะเหมันต์ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต้องการไปเยือนอย่างยิ่ง จะไปดูให้ได้”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ เอ่ยถามว่า “ในเมื่อไปทางเดียวกัน เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเลยเป็นอย่างไร? พวกท่านเป็นยอดฝีมือ พวกเราจะได้พลอยอาศัยบารมีไปด้วย ได้คนคอยช่วยดูแล”

เผยเหนียงจื่อหัวเราะร่วน กล่าวไปว่า “เมื่อวานคุณชายหลี่เลี้ยงอาหารแล้ว ข้าก็คิดจะตอบแทนน้ำใจส่วนนี้อยู่พอดี แต่ข้าไม่สามารถปิดปากคุณหนูเอาไว้ได้ตลอด ขอเพียงคุณชายหลี่รับได้ ข้าก็ไม่คัดค้าน”

หนิวโหย่วเต้าทราบดีว่านางหมายถึงปากคอเราะร้ายของชายหนุ่มตุ้งติ้งผู้นั้น เขาหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ควรค่าให้กังวล ทำเป็นไม่ได้ยินเสียก็พอ”

ทั้งกลุ่มเดินทางไปบนหิมะ ระหว่างทางไล่ตามขบวนรถขบวนหนึ่งจนทัน รถแต่ละคันบรรทุกกองฟางเอาไว้ เมื่อสอบถามดูจึงทราบว่าจะขนไปส่งตามจุดพักม้าที่อยู่ตามรายทางข้างหน้า

ตกดึกวันนั้น ทั้งกลุ่มเข้าพักในจุดพักม้าแห่งหนึ่ง

จุดพักม้าแห่งนี้เป็นจุดพักม้าแห่งสุดท้ายในเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังหอหิมะเหมันต์ ต่อจากนี้ไปจะไม่มีถนนแล้ว ล้วนเป็นยอดเขาหิมะทั้งสิ้น ม้าไม่สามารถสัญจรได้ ต้องทิ้งไว้ที่นี่

หลังจากเข้าพักไปได้ครู่หนึ่ง เผยเหนียงจื่อก็มาหาหนิวโหย่วเต้าที่ห้อง เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป

หนิวโหย่วเต้าเชิญนางเข้ามานั่ง หลังจากเผยเหนียงจื่อเข้ามากลับไม่มีท่าทีว่าจะนั่งลง เอ่ยอธิบายประโยคหนึ่งว่า “คุณหนูของข้าคนนั้น พื้นฐานนิสัยหาได้เลวร้ายไม่ ปากแข็งใจอ่อน เรื่องราวบางอย่างหวังว่าคุณชายหลี่จะไม่เก็บมาใส่ใจ”

หนิวโหย่วเต้าถามด้วยความแปลกใจ “พี่สาวมาเพื่ออธิบายเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?”

เผยเหนียงจื่อลังเลเล็กน้อย ยิ้มเจื่อนแล้วกล่าวว่า “จะว่าอย่างไรดีล่ะ ข้ามองออกว่าคุณหนูกำลังอึดอัดใจอยู่ แต่ในเมื่อได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว นางไม่มีทางยอมเสียหน้า แต่ว่าตัวนางก็นับว่าเกลี้ยกล่อมได้ง่าย…ในเมื่อหมูตุ๋นน้ำแดงนั่นเป็นสูตรลับเฉพาะ ข้าเองก็ไม่สะดวกจะร้องขอ จึงอยากขอรบกวนทางคุณชายหลี่ช่วยทำให้อีกสักที่ได้หรือไม่ ข้าจะนำไปส่งให้นาง เดี๋ยวข้าจะบอกว่าข้าเป็นคนทำเอง มิเช่นนั้นก็ไม่ทราบว่านางจะโวยวายไปอีกนานแค่ไหน”

หนิวโหย่วเต้าเข้าใจเจตนาของนางแล้ว หัวเราะแล้วตอบว่า “ในเมื่อพี่สาวเอ่ยปากถึงขนาดนี้ ย่อมไม่มีปัญหา อีกสักครู่หากทำเสร็จแล้วจะไปแจ้งให้พี่สาวทราบ”

เผยเหนียงจื่อปราะสานมือกล่าวขึ้นว่า “ถ้อยคำตามมารยาทอันใดข้าจะไม่กล่าวแล้ว วันหน้าหากคุณชายหลี่มีโอกาสไปเยือนเมืองหลวงแคว้นฉี หากลองสอบถามย่อมหาตัวข้าพบ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะตอบแทนในฐานะเจ้าบ้านอย่างเต็มที่! ”

วาจานี้ของอีกฝ่ายนับเป็นการเผยความเป็นมานิดหน่อยแล้ว แววตาหนิวโหย่วเต้าวูบไหวเล็กน้อย ถามหยั่งเชิงประโยคหนึ่ง “พี่สาวรู้จักจั่วอันเหนียนหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า