ตอนที่ 178 ให้เขาไสหัวไป
พูดเรื่องเงินหยาบคายอย่างนั้นหรือ? เผยเหนียงจื่ออยากลองถามนางนัก แล้วเจ้ามีปัญญาจ่ายหรือเปล่า?
ชายหนุ่มตุ้งติ้งไหนเลยจะสนใจเรื่องพวกนี้ วิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปแล้ว แต่พอก้าวพ้นประตูออกไปก็สงบเสงี่ยมเรียบร้อยลงทันที กริยาท่าทางสมเป็นกุลสตรี เพียงแต่ดวงตากลมโตที่มองสอดส่ายไปรอบๆ ได้เผยความในใจของนางออกมาแล้ว
โครงสร้างภายในหลังคาทรงโค้งของโรงเตี๊ยมเป็นห้องพักที่ตั้งเรียงต่อกันเป็นวงกลม ตรงกลางเป็นโถงทรงกลมขนาดใหญ่ มีโต๊ะมีเก้าอี้ เรียบง่ายงามสง่า ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ตรงกึ่งกลางของโถงทรงกลมมีราวกั้นวนเป็นวง เป็นบันไดที่ใช้เดินขึ้นลง
เผยเหนียงจื่อที่เดินตามออกมาเอ่ยถามว่า “คุณหนู ท่านจะไปไหนเจ้าคะ?”
ชายหนุ่มตุ้งติ้งเหลือบซ้ายแลขวา เอ่ยถาม “เซวียนหยวนเต้าคนนั้นพักอยู่ห้องไหน? กลับมาหรือยัง?”
เผยเหนียงจื่อตอบว่า “ข้าจะทราบได้อย่างไรเจ้าคะ อยู่ในห้องกับท่านตลอด ไม่รู้เลยว่ากลับมาหรือยัง”
อาจเป็นเพราะได้ยินเสียงพูดคุย หลิวเฟิงไห่และไฉเฟยที่อยู่ในห้องข้างๆ จึงเปิดประตูออกมาเช่นกัน
และในเวลานี้เอง ตรงบันไดก็มีเสียงฝีเท้าดังแว่วขึ้นมา เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาก่อน คนที่เดินตามหลังมาคือฉู่อันโหลว จากนั้นถึงจะเป็นพวกหนิวโหย่วเต้าที่ทยอยเดินขึ้นมา
ทันทีที่มาถึงที่นี่ พวกหนิวโหน่วย่อมมองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบข้าง พวกเผยเหนียงจื่อทั้งสี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำให้คนทางนี้ตะลึงงัน สายตาต่างมองไปที่ดรุณีเยาว์วัยที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีชมพูนางนั้น
เกล้ามวยตั้งสูง เรือนร่างเพรียวบางอ้อนแอ้น เอวคอดอกนูน ดวงตากลมโต ดวงหน้างดงามสดใสเยาว์วัย สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น โดยเฉพาะกลิ่นอายความสดใสอ่อนเยาว์ที่แผ่ออกมา แตกต่างจากคุณหนูตระกูลผู้ดีทั่วๆ ไปที่มักจะดูเรียบร้อยสงวนท่าทีอย่างสิ้นเชิง
หากมิใช่เพราะมีพวกเผยเหนียงจื่อทั้งสามยืนอยู่ข้างๆ หนิวโหย่วเต้าคงจำนางไม่ได้เป็นแน่
คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มตุ้งติ้งคนนั้นจะเปลี่ยนกลับมาสวมชุดสตรีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นโฉมสะคราญที่หาได้ยากคนหนึ่ง…พวกหนิวโหย่วเต้ามองหน้ากัน
ฉู่อันโหลวเองก็ตกตะลึงกับความงามของสตรีนางนั้นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ทว่ามิได้เก็บมาใส่ใจ เขามองไปทางห้องที่เสี่ยวเอ้อชี้ให้ ก่อนจะผายมือเชิญหนิวโหย่วเต้า “ท่านเซวียนหยวน เชิญขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าได้สติกลับมา หันไปประสานมือกล่าวว่า “เถ้าแก่ ไม่ต้องลำบากแล้ว ท่านไปจัดการธุระของท่านเถอะ”
ฉู่อันโหลวพยักหน้ารับ “ขอรับ เช่นนั้นไม่รบกวนท่านแล้ว ท่านเดินทางไกลมาถึงที่นี่ย่อมเหนื่อยล้า เชิญพักผ่อนให้สบายใจก่อนขอรับ หากมีเรื่องอะไรเอาไว้ท่านพักผ่อนเติมพลังเต็มที่แล้วค่อยว่ากัน เรื่องอาหารการกินเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ขอเพียงเป็นสิ่งที่ทางโรงเตี๊ยมมี ท่านเอ่ยมาได้เต็มที่เลยขอรับ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หากมีอะไรก็สามารถเรียกใช้เสี่ยวเอ้อได้ตลอดเวลา หรือจะมาหาข้าก็ได้ขอรับ”
“รบกวนแล้วๆ!” หนิวโหย่วเต้ากล่าวขอบคุณ ประสานมือส่งฉู่อันโหลวลงบันไดไป
จากนั้นทั้งกลุ่มตามเสี่ยวเอ้อไปพักผ่อนในห้องใครห้องมัน สภาพของห้องพักดีจนค่อนข้างเหนือความคาดหมายของพวกหนิวโหย่วเต้าอยู่บ้าง
พวกเฮยหมู่ตานตามเสี่ยวเอ้อไปดูห้องของตัวเอง ขณะหนิวโหย่วเต้ากำลังเดินสำรวจภายในห้อง พวกชายหนุ่มตุ้งติ้งก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา
“ดีนี่ ใช้ชื่อปลอมหลอกพวกเรามาโดยตลอด ชื่อจริงของเจ้าคือเซวียนหยวนเต้าอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มตุ้งติ้งเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามทันที ดวงตากลมโตทอประกายวูบไหว
หนิวโหย่วเต้าพินิจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า อดเกาหลังมือไม่ได้ ยังไม่ค่อยชินกับการแต่งตัวของชายหนุ่มตุ้งติ้งคนนี้จริงๆ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เจ้าเองก็ไม่ได้บอกชื่อกับข้ามิใช่หรือ?”
สาวน้อยตบหน้าอกทันที ตอบอย่างไม่ลังเลว่า “เฮ่าชิงชิง ข้าชื่อเฮ่าชิงชิง”
เมื่อนางเอ่ยไปเช่นนี้ พวกเผยเหนียงจื่ออึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไร บอกชื่อจริงออกไปได้อย่างไรกัน ตกลงกันไว้แล้วมิใช่หรือว่าอย่าใช้ชื่อจริงตอนอยู่ข้างนอก?
ทว่าบอกออกไปแล้ว ถึงขัดขวางไปก็ไร้ประโยชน์
“เฮ่าชิงชิง…” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยทวน พินิจนางจากหัวจรดเท้าอีกครั้ง ยังคงรู้สึกว่าสตรีนางนี้ดูแปลกๆ เหตุใดถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิม ท่าทีต่างจากก่อนหน้านี้เหมือนเป็นคนละคน หรือว่าหลังจากเปลี่ยนการแต่งตัวแล้วนิสัยจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย หรือเป็นเพราะเห็นตนไปมาหาสู่กับฉู่อันโหลวจึงคิดจะมาประจบผูกมิตรด้วย?
แต่ตลอดทางที่ผ่านมา สิ่งที่หญิงสาวผู้นี้เผยออกมาล้วนเป็นอุปนิสัยที่แท้จริง แล้วก็ไม่คล้ายจะเป็นคนประเภทที่ชอบเข้าหาผู้มีอำนาจเลย
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คงมิใช่ว่าแพ้เดิมพันแล้วคิดจะเบี้ยวหนี้กระมัง?”
“เฮ้อ” เฮ่าชิงชิงเปล่งเสียงดูแคลน “เห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน ข้าใช่คนที่จะเบี้ยวหนี้ผู้อื่นอย่างนั้นหรือ? ยินดีเดิมพันย่อมต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ข้ายอมแพ้ เรื่องสัญญาค้างชำระไม่มีปัญหา ข้าจะไปเขียนให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ” นางยกกระโปรงวิ่งเหยาะๆ เข้าไปในห้องหนังสือ
“……” หนิวโหย่วเต้ามึนงง หันหน้าไป สายตามองตามนางที่วิ่งเหยาะๆ ไป
คนอื่นๆ เองก็หมุนตัวเดินตามเข้าไปในห้องหนังสือด้วย ก่อนจะเห็นเฮ่าชิงชิงกำลังฝนหมึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นดึงกระดาษออกมา เขียนสัญญาค้างชำระฉบับหนึ่งอย่างรวดเร็ว สะบัดกระดาษพร้อมเป่าเล็กน้อย เดินมาหยุดตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า ยื่นสัญญาค้างชำระให้ ยิ้มตาหยีพลางเอ่ยไปว่า “รับไปสิ!”
ลายมือนับว่าไม่เลวทีเดียว แต่หนิวโหย่วเต้าที่ได้อ่านสัญญาค้างชำระแล้วใบหน้ากลับยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย “สองล้านอย่างนั้นหรือ? เจ้าแพ้เดิมพันแค่ตาเดียว เหตุใดจึงกลายเป็นว่าค้างชำระสองล้านไปได้ล่ะ?”
เฮ่าชิงชิงโบกมือเอ่ยตอบอย่างสบายๆ ว่า “ดูจากที่เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งแล้ว คาดว่าเดิมพันต่อไปข้าก็คงแพ้เช่นกัน ก็เขียนทีเดียวไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเขียนซ้ำสองครั้ง”
“….” หนิวโหย่วเต้าพูดอะไรไม่ออก อ่านสัญญาค้างชำระในมืออีกครั้งว่ามีปัญหาหรือไม่ ไม่อยากตกม้าตายเพราะถูกสาวน้อยคนหนึ่งหลอกเอาได้
เผยเหนียงจื่อกลับก้าวอาดๆ เข้ามาประชิดตัวหนิวโหย่วเต้าอย่างรวดเร็ว มองดูสัญญาค้างชำระที่อยู่ในมือเขา พบว่าเป็นสัญญาค้างชำระที่ระบุชื่อแซ่จริงเอาไว้ ไม่มีเท็จเลยแม้แต่ตัวเดียว สีหน้าพลันคร่ำเคร่งลงทันที จ้องมองเฮ่าชิงชิงด้วยแววตาโมโห
แม้จะกล่าวกันว่าความมั่งคั่งในใต้หล้าส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในมือของผู้บำเพ็ญเพียร แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าของที่จำเป็นต้องซื้อขายกันระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรมีราคาสูง สมุนไพรวิญญาณต้นหนึ่งไม่มีทางที่จะมีราคาเท่ากับผักกาดขาวต้นหนึ่งได้ การที่มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาลหมุนเวียนจึงเป็นเรื่องปกติ แต่อันที่จริงแล้วค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่แท้จริงของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรนั้นแทบจะไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเลย
ยกตัวอย่างเช่น เงินหนึ่งเหรียญทองเพียงพอให้ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งอยู่ได้สบายๆ ไปครึ่งปี
เงินสองล้านเหรียญทองเทียบเท่ากับภาษีทั้งปีของมหานครแห่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมหานครที่มั่งคั่งอีกด้วย
และสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว หากไม่นับเรื่องเวลาและปัจจัยอื่นๆ ล่ะก็ ทรัพยากรสำหรับบำเพ็ญเพียรที่เงินสองล้านเหรียญทองสามารถซื้อได้นั้นเพียงพอให้ใช้บ่มเพาะผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองออกมาได้สิบคนเลยทีเดียว
ดังนั้นนี่จึงเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่ไม่อาจนำออกมาใช้จ่ายตามใจชอบได้ง่ายๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูผู้นี้กลับทำเหมือนเล่นขายของไปเสียได้ แล้วจะไม่ให้นางโมโหได้อย่างไร!
และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าเหตุใดการที่หนิวโหย่วเต้าปาตั๋วแลกทองปึกหนึ่งออกมาโดยไม่คิดอะไรตอนอยู่ที่จุดพักม้าถึงสามารถข่มขวัญพวกเขาได้
หนิวโหย่วเต้าหันไปมองสีหน้าของเผยเหนียงจื่อ จากนั้นยื่นสัญญาค้างชำระให้นาง “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสัญญาค้างชำระนี้ใช้ขึ้นเงินได้จริงหรือไม่ การเดิมพันยังไม่จบ เรื่องสัญญาค้างชำระไว้ว่ากันทีหลังเถอะ”
เฮ่าชิงชิงตะโกนขึ้นมาทันที “ข้าไม่หลอกเจ้าหรอกน่า เจ้าไปที่เมืองหลวงแคว้นฉี…”
“หุบปาก! หากกล้าพูดเหลวไหลอีก ข้าจะคุมตัวท่านกลับไปทันที!” เผยเหนียงจื่อตวาดตัดบท พับสัญญาค้างชำระแล้วเก็บไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า