ตอนที่ 183 กักบริเวณไว้ทั้งหมด
คนของสำนักเซียนสถิตไม่รู้จักเขา จู่ๆ ก็พูดถึง ‘เต้าเหยี่ย’ ใครจะไปรู้ได้ว่าเป็นผู้ใด แต่เมื่อเห็นพวกต้วนหู่ที่อยู่ด้านหลังเขา เซียวเถี่ยก็เข้าใจทันที หนิวโหย่วเต้า!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชุยหย่วนที่เดินตามคนอื่นๆ ออกมาด้วยเลย ตอนอยู่เมืองไจซิงเขารู้จักพวกต้วนหู่ทุกคน หากว่าเป็นเมื่อก่อน เวลาอยู่ต่อหน้าพวกต้วนหู่เขาคงจะมีความรู้สึกดูแคลนอีกฝ่าย ทว่าตอนนี้กลับไร้ซึ่งความมั่นใจ ภายในใจรู้สึกหวาดกลัว ถ้าคิดจะฆ่าคนปิดปาก ฆ่าหนิวโหย่วเต้าเพียงคนเดียวยังไม่พอ ยังมีคนพวกนี้ด้วย!
“เกิดอะไรขึ้น?”
อูเซ่าฮวนที่เดินออกมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายเอ่ยตะคอกถาม ปรายตามองไปทางโต๊ะเก็บเงินที่ล้มคว่ำ แล้วก็ยังมีลูกศิษย์ที่มีเลือดกบปากที่กำลังถูกคนพยุงขึ้นมาในสภาพกึ่งหมดสติคนนั้นอีก ใบหน้าฉายแววโกรธเกรี้ยว
เซียวเถี่ยรีบเดินเข้าไป เอ่ยกระซิบกระซาบอยู่ข้างกายสองผู้อาวุโสอูเซ่าฮวนและลี่กวง
สีหน้าโกรธเกรี้ยวของอูเซ่าฮวนค่อยๆ คลายตัวลง จู่ๆ บรรยากาศตึงเครียดที่พลันก่อตัวขึ้นมาภายในร้านก็ถูกสะกดลงไปอีกครั้ง
“พวกเราไม่รู้จักเต้าเหยี่ยอันใดนั่น” อูเซ่าฮวนก้าวออกมาจากกลุ่มคนพลางกล่าว
หยวนกังเอ่ยไปห้วนๆ “หนิวโหย่วเต้า!”
อูเซ่าฮวนถาม “เจ้าเป็นใคร?” เขาสงสัยอยู่บ้างว่าอีกฝ่ายใช่คนของหอหิมะเหมันต์หรือไม่ ไม่อย่างนั้นเหตุใดถึงได้ทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้
หยวนกังตอบว่า “ให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจออกมาคุย คนที่ไม่เกี่ยวข้องจงไปยืนอยู่ด้านข้าง”
อูเซ่าฮวนมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ที่นี่ ข้าคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจ”
หยวนกังกล่าวว่า “เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ ตามพวกเราไปที่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งหน่อย”
ภายในใจอูเซ่าฮวนเองก็รู้สึกลังเลเช่นกัน ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้ามีความสัมพันธ์กับหอหิมะเหมันต์อย่างไรกันแน่ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร แต่ถ้าหากอ่อนข้อให้มากเกินไป ก็มีศิษย์มากมายขนาดนี้มองดูอยู่ เขาเอ่ยด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “แล้วเรื่องที่เจ้าทำร้ายศิษย์ของสำนักข้าจะว่าอย่างไร?”
หยวนกังกล่าวว่า “ไปกับพวกเราก่อน กลับมาแล้วเจ้าจะว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ข้าจะรับไว้เอง”
วาจานี้นับว่าเป็นการมอบคำอธิบายให้อูเซ่าฮวน อย่างน้อยก็ทำให้เขามีทางลงต่อหน้าศิษย์มากมาย
หยวนกังรู้ดีว่าเวลาไหนควรใช้ไม้แข็ง เวลาไหนควรใช้ไม้อ่อน ไม่มีทางทำให้งานที่หนิวโหย่วเต้ามอบหมายมาเกิดความเสียหาย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หนิวโหย่วเต้าเลือกให้หยวนกังมาจัดการด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นแค่เรื่องมาเชิญคนคงไม่ต้องให้ถึงมือหยวนกัง ใช่ว่าจะขาดแคลนลูกน้องเสียหน่อย ให้พวกเฮยหมู่ตานมาจัดการก็ได้
ทว่าพวกเฮยหมู่ตานไม่เคยออกโรงมาก่อน ยังขาดประสบการณ์ ในอดีตถูกสำนักนิกายเหล่านี้กดขี่มาเป็นเวลานาน หากเผชิญหน้าจะลนลานได้ง่าย และจะขาดความมั่นใจ ถูกคนเขาดูแคลนได้ง่าย เรื่องบางเรื่องแม้จะห่างชั้นกันเพียงเล็กน้อย แต่นั่นกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
แต่หยวนกังกลับต่างออกไป เขาคุมสถานการณ์ได้!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งกลุ่มออกมา อู๋ซานเหลี่ยงนำทางอูเซ่าฮวนไปที่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง หยวนกังพาคนที่เหลือไปยังร้านต่อไป
“ท่านลูกค้า…”
ณ ร้านค้าสำนักเมฆาล่อง พนักงานเข้ามาต้อนรับ ถูกหยวนกังเตะปลิวออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ตูม! พนักงานที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มถูกเตะปลิวออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว เรื่องกระอักเลือดนั้นไม่ต้องพูดถึง คนอื่นๆ ที่อยู่ภายในร้านโผล่หน้าออกมาด้วยความตกใจ
ต้วนหู่และเว่ยตัวเหงื่อตกเล็กน้อย คนผู้นี้ดุร้ายเหลือเกิน นี่จะไล่ทุบตีไปทุกร้านเลยหรือ!
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าที่หยวนกังทำแบบนี้ เป็นเพราะเขารู้เรื่องที่คนของสามสำนักนี้ไล่ล่าสังหารหนิวโหย่วเต้า
“ผู้ใดกัน?”
“เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ!”
เมื่อออกจากร้านค้าสำนักเมฆาล่อง หยวนกังมุ่งหน้าสู่ร้านต่อไป ต้วนหู่พาเฉาเฟิงผู้เป็นเถ้าแก่ร้านไปที่โรงเตี๊ยม
….
ณ โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง ภายใต้การนำทางของเหลยจงคัง ในที่สุดเหมยสือไคผู้เป็นเถ้าแก่ร้านค้าของสำนักเขามหาญาณก็มีวาสนาได้มาเยือนชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง หากเป็นเวลาปกติเขาเองก็ไม่มีทางได้ขึ้นมา เขาทราบเช่นกันว่าที่นี่มิใช่สถานที่ที่ผู้ใดนึกจะมาก็มาได้ นี่เป็นสถานที่รับรองแขกคนสำคัญของหอหิมะเหมันต์ เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเยือน
ประตูไม่ได้ปิดไว้ เฮยหมู่ตานเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าประตู หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในห้องนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่หลังโต๊ะ ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เหลยจงคังมาหาเฮยหมู่ตานพลางแนะนำเหมยสือไคเล็กน้อย
“รอสักครู่!” เฮยหมู่ตานยิ้มพลางพยักหน้าทักทายเหมยสือไคเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า ก้มกระซิบรายงานที่ข้างหูหนิวโหย่วเต้าว่า “เต้าเหยี่ย เหมยสือไคเถ้าแก่ร้านของสำนักเขามหาญาณมาแล้วเจ้าค่ะ”
หนิวโหย่วเต้าตอบ “อืม” คำหนึ่ง เฮยหมู่ตานถึงได้กวักมือไปทางประตู เหลยจงคังผายมือเชิญเหมยสือไคทันที
ทั้งสองคนเดินเข้ามา เหลยจงคังไปยืนหลบอยู่ด้านข้าง เหมยสือไคประสานมือทักทายหนิวโหย่วเต้าที่อยู่หลังโต๊ะ “น้องหนิวต้องการพบข้าด้วยเรื่องใดหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น “ได้ยินว่าสำนักเขามหาญาณต้องการสังหารข้าหรือ?”
เหมยสือไคผงะไป แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่ยังคงรู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาตรงๆ โดยไม่ถามไถ่ถึงต้นสายปลายเหตุเลย จึงรีบโบกมือกล่าวว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร สำนักเขามหาญาณไร้ซึ่งความแค้นกับน้องหนิว น้องหนิวไปเอาคำพูดเช่นนี้มาจากไหนกัน?”
หนิวโหย่วเต้าถาม “เรื่องของสำนักเขามหาญาณ เถ้าแก่เหมยมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่”
เหมยสือไคหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “ข้าเพียงรับผิดชอบดูแลร้านค้าทางนี้เท่านั้น จะมีอำนาจตัดสินใจเรื่องในสำนักได้อย่างไร” คำถามประเภทนี้เขาต้องผลักความรับผิดชอบออกไปอยู่แล้ว
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ดูเหมือนจะมีอีกหลายเรื่องที่เถ้าแก่เหมยไม่ทราบ เอาอย่างนี้แล้วกัน รบกวนเถ้าแก่เหมยส่งข้อความกลับไปที เชิญเจ้าสำนักของสำนักเขามหาญาณมาที่หอหิมะเหมันต์สักครา”
รอยยิ้มของเหมยสือไคค่อยๆ หดลง “ข้อความข้าส่งให้ได้ ส่วนเจ้าสำนักจะมาหรือไม่ เรื่องนั้นข้าไม่กล้ารับปาก”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ไม่เป็นไร เถ้าแก่เหมยพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมกับข้าก่อน เจ้าสำนักของท่านมาเมื่อไร ข้าค่อยปล่อยท่านไปเมื่อนั้น”
สีหน้าเหมยสือไคพลันคร่ำเคร่ง “หมายความว่าอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ย “ก็ไม่ได้มีอะไร เพียงแค่อยากคุยกับทางสำนักของท่านให้ชัดเจน ในเมื่อเรื่องนี้ท่านไม่มีอำนาจตัดสินใจ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า