ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 184

ตอนที่ 184 อัปยศ

หยวนกังที่อยู่ด้านข้างนิ่งเงียบ มองดูท่าทีของฉู่อันโหลวด้วยแววตาเย็นชา ลูกไม้แกล้งบ้าแสร้งโง่แบบเต้าเหยี่ยเช่นนี้เขาทำไม่ได้ แล้วก็ไม่มีทางทำด้วย

“….” ฉู่อันโหลวพูดไม่ออก ท่านแม่บ้านสั่งให้เขารับรองคนผู้นี้ให้ดี บอกว่ามีธุระจะเรียกใช้คนผู้นี้ ถ้าปล่อยให้เขาหนีไปแล้วตนเองจะทำอย่างไร?

หลังได้สติกลับมา เขาย้อนถามว่า “เจ้าหมายความว่าข้าเป็นคนทำร้ายเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ารีบโบกมือเอ่ยไปว่า “หามิได้ๆ”

ฉู่อันโหลวกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้ายังไปไม่ได้”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ปล่อยพวกเขาแล้วข้าก็ยังไปไม่ได้หรือ?”

ฉู่อันโหลวไม่รู้จะอธิบายกับเขาอย่างไรดี เอ่ยเน้นย้ำอีกครั้งว่า “ข้าจะพูดอีกครั้ง โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นของพวกเจ้า การที่เจ้าคิดจะแอบอ้างโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งเพื่อแก้ไขปัญหาอันใดของเจ้า นั่นนับเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว กล้าแอบอ้างหาประโยชน์จากหอหิมะเหมันต์ เจ้าแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าไหนเลยจะกล้าแอบอ้างใช้ประโยชน์จากหอหิมะเหมันต์ได้ ข้าเพียงแต่อยากใช้โอกาสนี้เจรจากับสำนักต่างๆ ให้พวกเขายอมปล่อยข้าไปเท่านั้น หากเจรจาราบรื่น พวกเขายอมปล่อยข้าไป นั่นย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากเจรจาไม่สำเร็จ ข้าเองก็ไม่กล้าร้องขอให้หอหิมะเหมันต์ทำอะไรเพื่อข้าเช่นกัน”

ฉู่อันโหลวอยากถามเขายิ่งนัก นี่เจ้าไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่หรือไง?

แต่ปัญหาสำคัญคือจะให้อีกฝ่ายหนีไปโดยไม่ใช้ประโยชน์ก็ไม่ได้เช่นกัน ทางนี้ไม่มีทางยอมให้เขาจากไป

ฉู่อันโหลวนิ่งเงียบ จากนั้นหันหลังเดินออกไป

“เถ้าแก่ฉู่…” หนิวโหย่วเต้าร้องเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ก็รั้งอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ได้

หยวนกังเดินไปที่ประตูเพื่อดูให้แน่ใจว่าฉู่อันโหลวจากไปแล้ว ก่อนจะรีบเดินกลับมา เอ่ยกระซิบว่า “เขาไปแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเนิบๆ “เรื่องนี้เขาเองก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจเช่นกัน น่าจะไปขอคำชี้แนะ”

จากนั้นไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อหลายคนขึ้นมาจากชั้นล่าง คอยเฝ้าที่นี่เอาไว้ ไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนเข้าออก นับว่าเป็นการจับตามองไม่ให้พวกเขาหลบหนี

ฉู่อันโหลวออกไปจากโรงเตี๊ยมทางประตูด้านหลัง

ตัวโรงเตี๊ยมดูคล้ายผาขาด แต่ด้านหลังโรงเตี๊ยมต่างหากคือผาขาดที่แท้จริง ม่านน้ำตกไหลสาดลงมาจากบนยอดผา สองฝั่งของหน้าผามีบันไดศิลาวนคดเคี้ยวขึ้นไป

ฉู่อันโหลวไม่ได้เดินขึ้นบันได หากแต่เหินทะยานขึ้นไป มาถึงพื้นที่เขียวชอุ่มเพียงหนึ่งเดียวในดินแดนหิมะแห่งนี้ ท่ามกลางหมู่ไม้เขียวขจีมีวิมานที่งามวิจิตรปานที่พำนักของเทพเซียนตั้งอยู่แห่งหนึ่ง

ภายในตำหนักที่งดงามหลังหนึ่ง สตรีชุดขาวกลุ่มหนึ่งบ้างนั่งบ้างยืน บ้างจับพู่กันขีดเขียน บ้างเดินไปเดินมาคอยส่งแผ่นกระดาษ ด้านนอกตำหนักมีปีกทองบินเข้าบินออกเป็นระยะ มีข่าวสารส่งเข้าๆ ออกๆ สถานที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง

สถานที่แห่งนี้คือจุดศูนย์กลางในการจัดทำ ‘ทำเนียบโอสถ’

ภายในโถงที่สะอาดสะอ้านไร้เศษฝุ่นละออง หญิงวัยกลางคนในชุดสีเทา จอนผมทั้งสองข้างมีผมขาวแทรกแซมคนหนึ่งกำลังยกมือไพล่หลังเดินไปเดินมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มสตรี หยุดมองสิ่งที่สตรีเหล่านั้นกำลังขีดเขียนบ้างเป็นครั้งคราว นางคือหานปิงผู้เป็นแม่บ้านใหญ่แห่งหอหิมะเหมันต์

หลังจากมีคนเข้าไปรายงาน หานปิงก็ปลีกตัวออกมาจากโถงที่กว้างโอ่อ่าแห่งนี้

ฉู่อันโหลวที่รออยู่นอกห้องโถงรีบค้อมกายคารวะ “ท่านแม่บ้านขอรับ”

หานปิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา “มีอะไร?”

ฉู่อันโหลวก้าวลงบันไดหินหยกตามหลังนางไป “เรียนท่านแม่บ้าน เซวียนหยวนเต้าคนนั้นมีปัญหาเล็กน้อยขอรับ”

หานปิงเดินไปพลางถามไปพลาง “ปัญหาอะไร?”

ฉู่อันโหลวกล่าวว่า “ความจริงแล้วเซวียนหยวนเต้าคนนั้นคือหนิวโหย่วเต้าที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนคนนั้นขอรับ”

“จำเป็นต้องให้เจ้าไปสืบประวัติเขาอีกหรือ?” หานปิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเขาคือหนิวโหย่วเต้า แล้วเป็นอย่างไรเล่า แค่จะให้เขาวาดภาพเท่านั้น มีปัญหาอะไร?”

“วาดภาพหรือขอรับ?” ฉู่อันโหลวมึนงง รู้แต่แรกแล้วว่าอีกฝ่ายคือหนิวโหย่วเต้าอย่างนั้นหรือ? เขาเองก็เพิ่งจะทราบในตอนนี้ว่าท่านแม่บ้านต้องการทำอะไร

หานปิงเอ่ยว่า “เขาวาดภาพให้ซาฮ่วนลี่ภาพหนึ่ง ซาฮ่วนลี่เชิญคุณหนูไปชื่นชมด้วยกัน คุณหนูเห็นแล้วชมชอบ เหตุผลก็ง่ายๆ แค่นี้ พวกเราแค่อยากให้เซวียนหยวนเต้าวาดภาพให้ ไม่จำเป็นต้องไปเปิดโปงตัวตนเขาหรือเข้าไปข้องเกี่ยวกับข้อพิพาทอันใด เข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?”

ฉู่อันโหลวเหงื่อตกเล็กน้อย “ท่านแม่บ้าน มิใช่ว่าข้าอยากจะไปเปิดโปงตัวตนเขานะขอรับ แต่ตัวตนของเขาถูกคนอื่นเปิดโปงไปแล้ว…” เขาบอกเล่าเรื่องราวออกมาคร่าวๆ

หลังจากหานปิงได้ฟังก็แค่นหัวเราะหึหึออกมา “ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ กระทั่งหอหิมะเหมันต์ก็ยังกล้าใช้ประโยชน์”

ฉู่อันโหลวเอ่ยว่า “เดี๋ยวข้าจะคิดหาทางเสาะหาจิตรกรที่ดีที่สุดมาให้คุณหนูขอรับ”

หานปิงส่ายหน้าช้าๆ “ต่อให้ดีที่สุดก็ไม่มีประโยชน์ คุณหนูบอกว่าภาพวาดของเขามีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า!”

“…..” ฉู่อันโหลวพูดไม่ออก ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวหรือ?

หานปิงเอ่ยว่า “ข้าส่งข่าวไปให้คุณหนูแล้ว อีกไม่กี่วันคุณหนูน่าจะกลับมาจากนอกทะเลแล้ว ให้เขาอยู่รอจนกว่าคุณหนูจะกลับมาแล้วกัน”

ฉู่อันโหลวถาม “ความหมายของท่านคือ?”

….

ณ ชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยม ฉู่อันโหลวมาพบหนิวโหย่วเต้าอีกครั้ง เอ่ยประโยคหนึ่งว่า “ปล่อยคนเดี๋ยวนี้!”

หนิวโหย่วเต้าเอียงหัวส่งสัญญาณให้เฮยหมู่ตานเล็กน้อย “ไปจัดการตามที่เถ้าแก่ฉู่บอก”

“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานเร่งฝีเท้าเดินออกไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน

ฉู่อันโหลวเองก็หมุนตัวเดินออกไปเช่นกัน

หยวนกังกระซิบถามข้างหูหนิวโหย่วเต้า “จะมีอะไรไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า