ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 185

ตอนที่ 185 สมเป็นผู้เชี่ยวชาญ

สองวันต่อมา ฉู่อันโหลวมาหาอีกครั้ง

“ท่านเซวียนหยวน” ฉู่อันโหลวประสานมือคำนับด้วยรอยยิ้ม เสมือนว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้น

หยวนกังมองดูด้วยสายตาเย็นชา กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

หนิวโหย่วเต้าเองก็ยิ้มพลางประสานมือคำนับกลับ “เถ้าแก่ฉู่มีเรื่องใดจะสั่งการหรือ?” ทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นเช่นกัน

ฉู่อันโหลวกล่าวว่า “ท่านประมุขกลับมาแล้ว ท่านเซวียนหยวนโปรดตามข้ามา”

เมื่อได้ยินวาจานี้ หนิวโหย่วเต้าเข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้ก่อนหน้านี้ประมุขหอหิมะเหมันต์ไม่อยู่ ก่อนหน้านี้เขายังครุ่นคิดอยู่เลยว่าการที่รั้งตนไว้ที่นี่ ไม่ยอมปล่อยตัวแล้วก็ไม่ยอมพบหน้ามันหมายความว่าอย่างไร

“ได้ๆๆ!” หนิวโหย่วเต้ารีบตอบ

“เชิญ!” ฉู่อันโหลวผายมือเชิญ นำทางหนิวโหย่วเต้าไปด้วยตัวเอง

หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ได้พาคนไปมากนัก พาหยวนกังไปแค่คนเดียว บอกว่าเป็นผู้ช่วย ฉู่อันโหลวเองก็ไม่มีความเห็นอันใดกับเรื่องนี้ เพราะเขาไม่เข้าใจเรื่องวาดภาพ จึงไม่สะดวกจะขัดขวาง

เฮยหมู่ตานที่มองตามเบะปากเล็กน้อย นึกอิจฉาอยู่บ้าง ตอนอยู่เมืองไจซิงเต้าเหยี่ยพานางไป หลังจากหยวนกังคนนี้มาก็ไม่มีอะไรให้นางทำเลย

…..

พวกเขาออกไปทางด้านหลังโรงเตี๊ยม เดินเท้าต่อไปอีกสักพัก เมื่อเดินขึ้นมาจากบันไดที่อยู่ด้านข้างน้ำตกตรงผาขาด พื้นที่เขียวขจีก็ปรากฏให้เห็น

เมื่อเดินลึกเข้าไปด้านใน ภายในพื้นที่เขียวขจีมีสิ่งปลูกสร้างที่งามวิจิตรซ่อนเร้นเอาไว้อยู่ ตำหนักศาลาพลับพลาต่างๆ ทยอยปรากฏให้เห็น ทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นจากหินหยกสีขาวนวลชั้นเลิศ ประณีตงดงาม เรียกได้ว่าเป็นวิมานที่งามงดประหนึ่งดินแดนเซียนอย่างแท้จริง

หนิวโหย่วเต้ามองไปรอบๆ พบว่าสถานที่นี้น่าสนใจจริงๆ เรียกขานว่าหอหิมะเหมันต์ แต่กลับไม่เห็นหิมะเลยแม้แต่นิดเดียว ระหว่างเดินจึงเอ่ยชมประโยคหนึ่ง “สถานที่งดงาม นับเป็นแดนสวรรค์ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยหิมะโดยแท้”

“ฮ่าๆ!” ฉู่อันโหลวตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ

ทั้งสามมาถึงศาลาริมน้ำแห่งหนึ่ง หานปิงผู้เป็นแม่บ้านใหญ่ของหอหิมะเหมันต์กำลังนั่งดื่มชาอยู่ภายในศาลา ฉู่อันโหลวได้เอ่ยแนะนำกับหนิวโหย่วเต้าล่วงหน้า เพื่อที่อีกประเดี๋ยวเขาจะได้ไม่เสียมารยาท

เมื่อเข้ามาในศาลา ฉู่อันโหลวกล่าวอย่างเคารพนอบน้อมว่า “ท่านแม่บ้าน คนมาแล้วขอรับ”

หนิวโหย่วเต้าเองก็คารวะทักทาย “คารวะท่านแม่บ้าน”

หยวนกังที่อยู่ด้านหลังยืนทื่ออยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อน ไม่มีทีท่าว่าจะทำการคารวะ

หานปิงร้องโอ้คำหนึ่ง วางถ้วยชาลง เพ่งพินิจหนิวโหย่วเต้าหัวจรดเท้า ยิ้มเล็กน้อยแล้วถามว่า “ได้ยินว่าตอนอยู่ที่เมืองไจซิงเจ้าเคยวาดภาพเหมือนให้ซาฮ่วนลี่หรือ?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “ใช่ขอรับ”

หานปิงกล่าวว่า “ได้ยินว่าทักษะการวาดภาพของเจ้ามีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง อีกเดี๋ยวข้าคงต้องขอชื่นชมสักหน่อย”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ท่านแม่บ้านชมเกินไปแล้ว เป็นเพียงลูกเล่นเล็กน้อย ไม่ควรค่าให้นำมาอวดอ้าง”

หานปิงส่ายหน้า กล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “ดีก็คือดี ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว ใช่แล้ว ได้ยินว่าภาพที่เจ้าวาดราคาไม่เบาเลย ข้าสอบถามเซี่ยงหมิงที่อยู่เมืองไจซิงแล้ว เขาบอกว่าราคาภาพวาดของเจ้าคือแสนเหรียญทองต่อหนึ่งภาพ เป็นราคาที่สูงมากทีเดียว!”

ฉู่อันโหลวที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงไปเล็กน้อย แสนเหรียญทองต่อหนึ่งภาพอย่างนั้นหรือ? ภาพอะไรถึงได้แพงขนาดนี้?

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยไปว่า “หากท่านแม่บ้านต้องการ ผู้น้อยไม่คิดเงินแม้แต่แดงเดียว”

หานปิงโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น มันก็มีเหตุผลอยู่ ราคาตลาดเป็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น หอหิมะเหมันต์ไม่มีทางเข้าไปแทรกแซง”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ท่านแม่บ้านอาจจะไม่ทราบถึงเหตุผลที่ผู้น้อยไม่เรียกเงินแม้แต่แดงเดียว นั่นเป็นเพราะมีเงื่อนไข”

ฉู่อันโหลวปรายตามองด้วยสายตาเย็นชา ความหมายชัดเจนยิ่งนัก กล้ายื่นเงื่อนไขที่นี่อย่างนั้นหรือ?

“โอ้!” หานปิงค่อยๆ ยกถ้วยชาขึ้นมา จับฝาเขี่ยใบชาที่ลอยอยู่ในน้ำชา หลุบตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่ใส่ใจว่า “เงื่อนไขอะไร ลองว่ามาสิ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “การวาดภาพนี้เป็นเพียงงานอดิเรก ผู้น้อยมิได้วาดภาพหาเลี้ยงชีพ และไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นคนขายทักษะเพื่อแลกเงิน มิเช่นนั้นจะต้องมีปัญหาต่างๆ ทยอยถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ใต้หล้านี้มีคนร่ำรวยเงินทองและอำนาจอยู่มากมายเท่าไร หากพากันดาหน้าเข้ามาจริงๆ ผู้น้อยคงไม่ต้องบำเพ็ญเพียรแล้ว ปฏิเสธไม่จบไม่สิ้น ที่ผู้น้อยเรียกราคาสูงตอนอยู่เมืองไจซิงก็เนื่องด้วยสาเหตุนี้ จุดประสงค์คือเพื่อให้คนทราบราคาแล้วล่าถอยไปเอง ดังนั้นจึงหวังว่าท่านแม่บ้านจะช่วยเก็บเรื่องวาดภาพเป็นความลับด้วย หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าผู้น้อยคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขอีก หากท่านแม่บ้านยอมรับปาก ผู้น้อยก็จะไม่คิดเงินแม้แต่แดงเดียว”

นึกว่าเป็นเงื่อนไขอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้! หานปิงที่จิบชาไปอึกหนึ่งยิ้มออกมา ก่อนจะวางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยว่า “เจ้านี่จริงๆ เลยนะ มีเงินแต่กลับไม่อยากได้ แต่จะว่าไปแล้วมันก็ใช่ หากว่าซาฮ่วนลี่ไม่บอกเรื่องนี้ ทางข้าก็คงไม่ตามหาตัวเจ้าเช่นกัน เมื่อหาเจ้าพบแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ สักวันก็จะต้องเจอคนที่รับมือได้ยาก ไม่ช้าก็เร็วจะต้องชักนำความเดือดร้อนมาแน่ ตกลง แต่เรื่องราวต้องว่ากันไปเป็นเรื่องๆ ข้ารับปากเจ้าเรื่องนี้ แล้วก็จะช่วยเจ้าพูดกับเมืองไจซิงให้ หากให้เจ้าทำงานแล้วยังสร้างความเดือดร้อนให้เจ้ามันก็ไม่มีเหตุผลเช่นกัน ส่วนเรื่องราคา คิดอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ทางข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่ ”

หนิวโหย่วเต้าประสานมือกล่าวว่า “ขอบคุณท่านแม่บ้านที่ช่วยเหลือ”

หานปิงกวักมือเล็กน้อย สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังคนหนึ่งหยิบตั๋วแลกทองปึกหนึ่งออกมา เดินมาหยุดตรงเบื้องหน้าหนิวโหย่วเต้า ประคองส่งให้ด้วยสองมือ

ฉู่อันโหลวเหลือบมอง ตกตะลึงไปทันที ปึกหนาขนาดนี้ นี่เป็นเงินเท่าไรกัน ดูจากมูลค่าที่อยู่บนตั๋วแลกทองแล้ว ไหนเลยจะใช่แค่แสนเหรียญทอง อย่างน้อยๆ เกรงว่าคงมีสักหนึ่งล้านเหรียญทองกระมัง?

“ท่านแม่บ้าน นี่…” หนิวโหย่วเต้าเองก็แปลกใจอยู่บ้างเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า