ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 186

ตอนที่ 186 ผลตะวันชาด

ด้วยรูปร่างหน้าตาของเสวี่ยลั่วเอ๋อร์นี้ จะจับคู่กับสิ่งใดก็ล้วนเหมาะสมทั้งสิ้น แบบนี้ก็สบายแล้ว หนิวโหย่วเต้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะวาดออกมาได้ไม่ดี

หานปิงที่อยู่ข้างกายเสวี่ยลั่วเอ๋อร์มองมายังป่าด้านนี้เป็นระยะ กระทั่งหนิวโหย่วเต้าพยักหน้าส่งสัญญาณให้ นางจึงหาข้ออ้างปลีกตัวมาจากเสวี่ยลั่วเอ๋อร์

เมื่อกลับเข้ามาในป่า พอเจอหน้าหนิวโหย่วเต้า หานปิงเอ่ยถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “ได้เห็นตัวจริงของท่านประมุขแล้ว สมควรประกอบกับภาพพื้นหลังแบบใดข้าพอจะรู้แล้ว น่าจะวาดออกมาได้โดยไม่ทำให้ท่านประมุขต้องผิดหวัง ตอนนี้ก็เหลือแค่เลือกสถานที่เท่านั้น”

“ดี!” ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ หานปิงก็ดีใจเช่นกัน เดินออกจากป่าไปด้วยกัน ก่อนจะเรียกสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหรงคนนั้นมาอีกครั้ง สั่งการว่า “เจ้าจงไปเลือกสถานที่เป็นเพื่อนเขา นอกจากพื้นที่ส่วนกลางแล้ว สถานที่อื่นๆ ล้วนพาเขาไปดูได้”

“เจ้าค่ะ!” เสี่ยวหรงตอบรับ หานปิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไป

เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว เสี่ยวหรงเอ่ยถามว่า “ท่านอยากไปที่ไหนเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ยังไม่รู้เลย ไปเดินๆ ดูก่อนแล้วกัน ถ้าเจอสถานที่เหมาะสมก็จดเอาไว้ เดี๋ยวคืนนี้ข้าค่อยทำการเลือกอีกครั้ง”

“เจ้าค่ะ!” เสี่ยวหรงผายมือเชิญ

ทั้งกลุ่มเริ่มเดินไปทั่ววิมานที่งามวิจิตรแห่งนี้ เมื่อพบสถานที่เหมาะสม หนิวโหย่วเต้าจะชี้แล้วกล่าวว่า “ตรงนี้ จดไว้”

หยวนกังนำกระดาษกับพู่กันออกมาจดทันที มีความรู้สึกของการเป็นผู้ช่วยอยู่หลายส่วน

ตลอดเส้นทางที่เดินมา ในแถบพื้นที่เขียวขจีทั้งหมด นอกเหนือจากพื้นที่ส่วนกลางแล้ว หนิวโหย่วเต้าแทบจะเดินไปทั่วทุกที่

จากนั้นก็ออกไปจากพื้นที่เขียวขจีแห่งนี้ หนิวโหย่วเต้าชี้ไปทางภูเขาหิมะสูงตระหง่านลูกหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังหอหิมะเหมันต์ “ไปดูที่ยอดเขาลูกนั้นกัน”

“เอ่อ…” เสี่ยวหรงมองไปทางภูเขาหิมะ ดูค่อนข้างลังเล กล่าวว่า “เกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวกเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าถาม “เพราะเหตุใด?”

เสี่ยวหรงตอบว่า “บนเขามีผลตะวันชาดเติบโต มีผู้คุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปง่ายๆ และเขาลูกนี้ยังเป็นรังของปีศาจหิมะด้วยเจ้าค่ะ มีปีศาจหิมะเฝ้าอยู่มากมาย หากไม่ได้รับอนุญาต ปีศาจหิมะไม่มีทางปล่อยให้พวกเราเข้าใกล้ได้”

ปีศาจหิมะที่ว่า คนที่เดินทางมายังหอหิมะเหมันต์ส่วนใหญ่น่าจะเคยพบเห็นในระหว่างทางแล้ว เป็นสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแห่งนี้ หนังด้านเนื้อหนา เขี้ยวเล็บแหลมคม วิ่งบนพื้นหิมะได้ราวกับวิ่งอยู่บนพื้นราบ จู่โจมรวดเร็วว่องไว พละกำลังมหาศาล เมื่อพบสิ่งมีชีวิตจะตามไล่ล่า คนธรรมดายากจะเข้าใกล้หอหิมะเหมันต์ได้

ทว่าปีศาจหิมะเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรผู้บำเพ็ญเพียรที่สามารถเหินทะยานไปมาได้

แต่ถ้าหากเจอปีศาจหิมะล้อมโจมตีกันเป็นฝูงจริงๆ ล่ะก็ คาดว่าผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาก็คงจะรับมือไม่ไหวเช่นกัน สุดท้ายเจ้าก็ต้องร่อนลงพื้นอยู่ดี สัตว์ประหลาดพวกนี้มีความสามารถในการกระโดดอันน่าตกตะลึง สามารถกระโดดขึ้นมาโจมตีบนอากาศได้

พอเอ่ยถึงเรื่อง หนิวโหย่วเต้ากลับคิดถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วเจ้าลิงเข้ามาถึงหอหิมะเหมันต์ได้อย่างไร?

อีกอย่าง เป็นเพราะบนเขาลูกนี้มีผลตะวันชาด หนิวโหย่วเต้าถึงได้อยากไปดูเสียหน่อย

แผนการที่หนิวโหย่วเต้าวางเอาไว้ในตอนแรกนั้นพุ่งเป้าไปที่ผลตะวันชาด ขนาดมณฑลจินโจวเสนอเงื่อนไขมา หอหิมะเหมันต์ก็ล้วนไม่เคยตอบตกลง เขาเลยคิดว่าหากตนเข้าตามตรอกออกตามประตูคงยากจะเอาผลตะวันชาดมาได้เช่นกัน เพียงแต่หลังจากถูกเซ่าผิงปอเล่นงาน เขาก็ไม่สามารถใช้เล่ห์กลในการเอาผลตะวันชาดมาได้อีก ขอเพียงผลตะวันชาดหายไป เซ่าผิงปอไม่มีทางยั้งมือเด็ดขาด คงจะส่งเขาไปสู่ความตายทันที

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าหนิวโหย่วเต้าจะยอมแพ้ ในเมื่อมาแล้ว มันก็ต้องลองดูสักตั้งว่ามีโอกาสหรือไม่

อย่าว่าแต่วาดภาพสิบภาพเลย ต่อให้วาดแค่ภาพเดียว เขาก็ต้องหาข้ออ้างไปดูให้ได้ แค่ได้เห็นผลตะวันชาดสักหน่อยก็ยังดี

หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็น่าเสียดาย บนเขาหิมะลูกนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั่วทั้งหอหิมะเหมันต์ได้พอดี ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสถานที่ที่เหมาะจะใช้เป็นพื้นหลังที่สุดก็ได้ หากพลาดไปคงจะน่าเสียดาย”

เสี่ยวหรงได้ฟังก็ลังเลเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นทั้งสองท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะลองไปถามท่านแม่บ้านดูก่อน”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา สตรีน่าจะไม่มีทางปฏิเสธเรื่องความสวยงาม จะต้องตอบตกลงแน่นอน เขาพยักหน้าพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ พวกเราจะคอยเจ้า”

เสี่ยวหรงเหินทะยานกลับไปทันที

หนิวโหย่วเต้ามองไปรอบๆ เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว เขาจึงหันไปถามหยวนกังว่า “เคยเจอปีศาจหิมะใช่ไหม?”

หยวนกังพยักหน้า “ระหว่างทางที่มายังเขตพื้นที่หิมะแห่งนี้เจอมาพอสมควร”

หนิวโหย่วเต้าถามต่อ “นายเข้ามาได้ยังไง?”

หยวนกังตอบว่า “ทำสโนว์บอร์ดไถลหิมะเข้ามา”

หนิวโหย่วเต้าพูดว่า “ฉันไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้ ปีศาจหิมะพวกนั้นพอเจอคนก็จะโจมตี พวกมันไม่ได้โจมตีนายหรือไง”

หยวนกังตอบว่า “มีก็เหมือนไม่มี”

หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ “อะไรคือมีก็เหมือนไม่มี”

หยวนกังเล่าว่า “ก่อนมาเว่ยตัวก็เตือนผมเหมือนกัน ผมเลยเตรียมหอกมาด้วยเล่มหนึ่ง เตรียมไว้ใช้รับมือถ้าถูกโจมตี แต่หลังจากเข้ามาในพื้นที่แถบนี้ ปีศาจหิมะที่เจอผมก็พุ่งเข้ามาจะโจมตีผมจริงๆ นั่นแหละ แต่พอเข้ามาใกล้ผม พวกมันก็เผ่นหนีไปทันที ดูค่อนข้างหวาดกลัว เหมือนจะกลัวผม คล้ายว่ากลัวกลิ่นอายที่อยู่บนตัวผม”

“กลัวนาย?” หนิวโหย่วเต้ามึนงง “กลัวกลิ่นอายบนตัวนาย?”

หยวนกังเอ่ยว่า “นี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของผม ผมสังเกตเห็นว่าถ้าผมอยู่ต้นลม พวกปีศาจหิมะที่อยู่ใต้ลมจะพากันหลีกทางออกไป ไม่กล้าเข้ามาใกล้เลย”

หนิวโหย่วเต้าถามว่า “นายทาอะไรที่ใช้ไล่พวกมันได้เอาไว้บนตัวหรือเปล่า?” เขารู้ว่าหยวนกังเคยผ่านการฝึกพิเศษบางอย่างมา มีวิธีการพิเศษบางอย่าง ตัวอย่างเช่นเพื่อให้สะดวกต่อการพรางตัว เขาจะทาอะไรบางอย่างที่สามารถขับไล่แมลงได้เอาไว้บนตัว

หยวนกังตอบ “ไม่มี ผมไม่รู้จักปีศาจหิมะของที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ด้วยว่าต้องใช้กลิ่นอะไรถึงจะไล่พวกมันได้”

หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ “อย่างนั้นมันเป็นเพราะอะไร?”

หยวนกังส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้ ตอนนั้นเว่ยตัวก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน อีกเดี๋ยวถ้าได้เจอปีศาจหิมะ เดี๋ยวคุณเห็นแล้วก็จะเข้าใจเอง”

หนิวโหย่วเต้าขยับเข้าไปใกล้เขา สูดจมูกดมฟุดฟิด

หยวนกังขมวดคิ้วถอยหนี “ผมไม่ได้มีกลิ่นตัว!”

ดมดูอย่างละเอียดแล้วก็ไม่ได้กลิ่นอะไร หนิวโหย่วเต้าประหลาดใจ เป็นเพราะอะไรกันแน่?

หลังรออยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเสี่ยวหรงก็กลับมา ในมือถือกลักหยกมาด้วยใบหนึ่ง เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ขออภัยที่ให้ทั้งสองท่านต้องคอยเสียนาน ท่านแม่บ้านอนุญาตให้พวกเราขึ้นเขาได้ พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ”

ทั้งสามคนเหินทะยานไปทางภูเขาหิมะ หนิวโหย่วเต้าจับแขนหยวนกังเอาไว้ คอยออกแรงช่วยเขา

ยังไม่ทันถึงตีนเขาหิมะก็มีปีศาจหิมะกระโจนออกมาจากในพื้นหิมะ หมายจะโจมตีพวกเขา

สัตว์ประหลาดชนิดนี้มีขนขาวปกคลุมทั่วร่าง เป็นสีขาวราวหิมะ ลำตัวใหญ่พอๆ กับหมี รูปร่างคล้ายคลึงลิงกอริลลาอยู่บ้าง ศีรษะเหมือนหัวหมาป่าที่ปกคลุมด้วยขนยาวสีขาว เขี้ยวเล็บแหลมคม พลังโจมตีน่าตกตะลึง พลังในการกระโดดเองก็น่าตกใจเช่นเดียวกัน กระโดดทีหนึ่งสูงสองถึงสามจั้ง ในตอนที่เผยท่าทางโจมตีอันดุร้ายออกมา ดวงตาสีขาวทั้งสองข้างจะเปล่งประกายสีแดงรางๆ ขึ้นมาในทันใด ดูค่อนข้างแปลกประหลาด

สัตว์ประหลาดชนิดนี้มีสีเดียวกับหิมะ ยามที่หมอบอยู่ในหิมะแล้วซุ่มโจมตีจึงป้องกันได้ค่อนข้างลำบาก

‘กริ๊งๆ!’ เสี่ยวหรงเปิดกลักหยก หยิบกระพรวนที่ใสกระจ่างปานหยกเหมันต์เม็ดหนึ่งออกมาจากในกลัก เขย่าให้เกิดเสียงอยู่ในมือ

เสียงกระพรวนใสกระจ่างเป็นอย่างยิ่ง คล้ายว่าสามารถแทรกซึมเข้าไปในจิตใจคนได้

พอเสียงกระพรวนดังขึ้น ปีศาจหิมะก็สงบลงทันที พากันล่าถอยเปิดทางให้

ภายในถ้ำบางแห่งมีผู้คุ้มกันโผล่หน้าออกมาเป็นครั้งคราว พอเห็นกระพรวนที่เสี่ยวหรงถือเอาไว้ในมือก็ไม่มีทีท่าว่าจะมาขัดขวาง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้พวกเขาผ่านไปไม่สนใจ มีผู้บำเพ็ญเพียรสองคนทะยานเข้ามา คอยตามอยู่ด้านหลังพวกเขา

ทั้งกลุ่มมุ่งหน้าขึ้นไปบนเขา ปีศาจหิมะที่บ้างก็หมอบอยู่บนเขา บ้างก็มุดออกมาจากโพรงต่างพากันหลีกทางให้ ดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

แต่หนิวโหย่วเต้ากลับสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้ว เขาหันมองไปยังทิศทางใต้ลมเป็นระยะ การล่าถอยของปีศาจหิมะที่อยู่ในทิศทางนั้นดูแตกต่างไปจากทิศทางอื่น เห็นได้ชัดว่าปีศาจหิมะเหล่านั้นย่อตัวต่ำลงแล้วล่าถอยออกไป ในปากส่งเสียงครางต่ำๆ แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

เป็นไปไม่ได้! หนิวโหย่วเต้าอดมองไปทางหยวนกังไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกอยากจะสำรวจดู

หยวนกังยักไหล่เล็กน้อย สื่อว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น

ทั้งกลุ่มมาถึงยอดเขา ลมหนาวพัดโชย ทำให้เผยให้เห็นหินสีดำที่ถูกหิมะปกคลุมอยู่ครึ่งหนึ่งบนยอดเขา

ตรงกลางของยอดเขาดูคล้ายแอ่งกระทะ เป็นแอ่งกระทะที่มีหลุมมีบ่ออยู่รอบๆ ปากแอ่ง เมื่อลมพัดผ่านจะเกิดเสียงหวีดหวิว

ตรงกึ่งกลางแอ่งกระทะมีต้นไม้ขนาดสูงเท่าตัวคนงอกออกมาจากร่องหินต้นหนึ่ง กิ่งก้านเป็นสีแดงคล้ำ แดงจนออกดำ บิดคดงอไปมาเหมือนเถาวัลย์ ทว่าใบของมันกลับขาวบริสุทธิ์เหมือนดั่งหยกเหมันต์

บนต้นมีผลทรงวงรีงอกออกมาเก้าลูก ขนาดเล็กใหญ่ล้วนมีทั้งหมด ลูกเล็กก็เล็กประมาณไข่นกกระทา ส่วนลูกใหญ่ก็มีขนาดเท่าไข่ไก่ ยิ่งเล็กก็ยิ่งขาวเหมือนหิมะ ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งเป็นสีแดงสด ไล่จากขาวไปเป็นชมพูอ่อน เป็นชมพูอมแดง ส่วนลูกที่ใหญ่ที่สุดเป็นสีแดงสด ตัวผลทอประกายสีแดงแวววาว น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

และในบริเวณรอบแอ่งกระทะที่ลมพัดเข้าไปไม่ถึงจะมีปีศาจหิมะฟุบหมอบอยู่เป็นกลุ่มๆ คาดว่าน่าจะมีอยู่เป็นร้อยตัว

เดิมทีเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง พวกปีศาจหิมะก็พาสงบนิ่งอยู่แล้ว ทว่าพอหยวนกังมาถึง ตรงแอ่งกระทะนั้นอยู่ใต้ลมของหยวนกังพอดี ปีศาจหิมะแต่ละตัวตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เริ่มส่งเสียงครางต่ำๆ ออกมา ทยอยถอยออกไปจากหลุมที่อยู่ตรงปากแอ่ง

“นี่คือผลตะวันชาดกระมัง?” หนิวโหย่วเต้าชี้พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เจ้าค่ะ!” เสี่ยวหรงพยักหน้ารับ

เมื่อได้คำตอบแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เริ่มมองสำรวจทิวทัศน์รอบข้าง

เมื่อเดินมาถึงทิศที่หันหน้าไปทางหอหิมะเหมันต์ จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าก็ปรบมือแล้วยิ้มออกมา ชี้ออกไปพลางร้องว่า “เสี่ยวหรง เจ้าลองมาดูสิ หมู่ไม้เขียวขจี วิมานงามวิจิตร มีหุบเขาภูเขาหิมะ มีแม่น้ำ ทิวทัศน์นี้เป็นอย่างไร?”

เสี่ยวหรงเดินเข้ามาดู พยักหน้าแล้วเอ่ยยิ้มๆ “งดงามมากเจ้าค่ะ”

“จดไว้ จุดนี้ได้ใช้แน่” หนิวโหย่วเต้าโบกมือส่งสัญญาณให้หยวนกัง

ผู้บำเพ็ญเพียรสองคนที่ติดตามมาด้วยมองหน้ากันเหลอหลา ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร

จากนั้นเดินวนรอบยอดเขาอีกรอบ มองดูทิศทางอื่นอีกครั้ง หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าเป็นระยะ ดูคล้ายไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร จึงเดินลงเขาไป

ตอนที่กำลังจะลงเขา หนิวโหย่วเต้าชี้ไปยังผลตะวันชาดอีกครั้ง ถามว่า “ข้าไม่เห็นว่าจะมีคนคุ้มกันอยู่บนยอดเขาเลย ไม่กลัวถูกขโมยหรือ?”

เสี่ยวหรงตอบด้วยรอยยิ้ม “ด้วยภูมิประเทศบนยอดเขาประกอบกับสภาพอากาศ ทำให้ไม่เอื้อต่อการเฝ้ายาม นอกจากคุณสมบัติพิเศษบางอย่างแล้ว อันที่จริงผลตะวันชาดก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อคนธรรมดาเท่าไรนัก แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงมาขโมยล่ะเจ้าคะ? ยิ่งไปกว่านั้นคือบนเขามีปีศาจหิมะมากมายขนาดนี้ ต่อให้มีคนขี่วิหคร่อนลงมาจากฟ้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี อย่าว่าแต่มาถึงยอดเขาเลย ขอเพียงเข้ามาใกล้ ปีศาจหิมะก็จะส่งสัญญาณเตือนทันที ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านล่างจะรีบขึ้นมาด้านบน ปีศาจหิมะก็จะเข้าขัดขวางเช่นกัน อีกทั้งหอหิมะเหมันต์ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิหคให้ใช้ไล่ล่า แล้วแบบนี้จะหนีไปไหนได้เล่า? นอกเสียจากจะเป็นยอดฝีมือระดับจิตทารกมาเอง แต่คนระดับนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”

“ก็ถูก!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าพลางมองดูภูมิประเทศรอบด้าน เขายังคงใคร่ครวญอยู่ว่าจะสามารถอาศัยเรื่องที่ปีศาจหิมะหวาดกลัวหยวนกัง ให้หยวนกังแอบขึ้นมาได้หรือไม่ ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถทำได้ อีกทั้งหยวนกังเองก็ไม่สามารถเดินไปบนหิมะโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้ จะให้ขึ้นเขามาโดยไม่ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรด้านล่างรู้ตัวคงเป็นไปได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นคือปีศาจหิมะเพียงแค่กลัวหยวนกังเท่านั้น การจะไม่ทำให้พวกมันรู้ตัวคงเป็นไปได้ยากเช่นกัน

ประเด็นสำคัญยังคงเป็นเรื่องที่ถูกเซ่าผิงปอทำให้เสียแผน หากผลตะวันชาดหายไป ตัวเขาจะต้องซวยทันที จึงทำได้เพียงต้องล้มเลิกความคิดไป พยายามดูว่ามีวิธีอื่นอีกหรือไม่

หลังลงจากเขาหิมะเขาก็ไม่ได้รีบร้อนกลับไป จะเล่นละครก็ต้องเล่นให้จบ ไม่อาจเล่นเพียงครึ่งๆ กลางๆ ได้ เขาจึงไปเดินสำรวจที่ราบหิมะและภูเขาหิมะที่อยู่รอบข้างด้วย กระทั่งพลบค่ำถึงได้กลับไป แต่ไม่ได้กลับไปยังวิมานอันวิจิตรงดงาม หนิวโหย่วเต้าและหยวนกังแยกทางกับเสี่ยวหรง ตรงกลับไปยังโรงเตี๊ยม

ทันทีที่กลับมาถึงห้องพักในโรงเตี๊ยม หยวนกังก็โบกมือไล่พวกเฮยหมู่ตานที่ตามเข้ามาสอบถามสถานการณ์ “พวกเจ้าออกไปก่อน”

หนิวโหย่วเต้าที่เพิ่งยกชาร้อนกรุ่นขึ้นมาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ทั้งสองรู้จักกันและกันเป็นอย่างดี ทราบว่าหยวนกังมีเรื่องจะคุย จึงพยักหน้าให้พวกเฮยหมู่ตาน

หลังพวกเฮยหมู่ตานออกไป หยวนกังก็เข้ามากระซิบข้างหูเขาว่า “เต้าเหยี่ย ถ้าคุณคิดว่าจำเป็นจริงๆ ผมก็มีวิธีเอาผลตะวันชาดมาได้”

…………………………………………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า