ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 214

ตอนที่ 214 แตกตื่น

นับตั้งแต่ที่ออกมาจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้บำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจเช่นนี้ แล้วก็นานมากแล้วที่ไม่มีสภาพแวดล้อมให้บำเพ็ญเพียรได้อย่างสบายใจเช่นนี้

และแน่นอน สภาพแวดล้อมที่แสนสงบนี้ก็ไม่ได้หล่นลงมาเองจากฟ้า หากแต่เป็นเขาที่สร้างมันขึ้นด้วยมือตนเอง

เขาเปิดประตูออกไป มองเห็นเฮยหมู่ตานค้อมตัวคำนับเล็กน้อย แล้วก็มองเห็นเฟ่ยฉางหลิวเจ้าสำนักเซียนสถิตที่ยืนมือไพล่หลังอยู่ริมหน้าผา หันหลังมาทางด้านนี้

หนิวโหย่วเต้าเดินเข้าไปหา ยืนริมหน้าผาข้างๆ เฟ่ยฉางหลิว

เฟ่ยฉางหลิวหันมองเขาคราหนึ่ง ภายในใจนึกสงสัย หากมิใช่เพราะมีจ้าวสยงเกออยู่ สำนักเซียนสถิตของเขาคงไม่เห็นแม้แต่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ศิษย์คนหนึ่งที่ถูกขับออกมาจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กลับมายืนเคียงข้างอยู่กับเขาได้

อันที่จริงในใจเขาทราบกระจ่างดี ที่บอกว่ายืนเคียงข้างนั้นล้วนเป็นคำพูดตามมารยาท ตอนนี้สำนักเซียนสถิตต้องพึ่งพาอีกฝ่าย

หลายครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขามักจะลอบส่ายหน้าเสียดายแทนสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ร่ำไป คิดไม่ถึงว่าจะขับไล่ไสส่งคนที่มากความสามารถเช่นนี้ออกจากสำนักได้ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ทำลายรากฐานของตนเสียแล้ว!

หนิวโหย่วเต้าหันมามอง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักเฟ่ยมีธุระใดหรือ?”

เฟ่ยฉางหลิวกล่าวว่า “ทางหอหิมะเหมันต์มีความเคลื่อนไหวแล้ว”

สีหน้าหนิวโหย่วเต้าพลันจริงจังขึ้นมา “สถานการณ์เป็นอย่างไร?”

เฟ่ยฉางหลิวตอบว่า “สถานการณ์ไม่ต่างจากที่เจ้าว่าไว้มากนัก มีคนก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆ ทางข้าจับกุมมาได้สองคน เพียงแต่ข่าวยังคงแพร่ไปทั่วหอหิมะเหมันต์ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ใช้คนแค่คนเดียวในการกระจายข่าวลือ”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “สืบทราบต้นตอหรือยัง?”

เฟ่ยฉางหลิวกล่าวว่า “สอบสวนไปแล้ว ทั้งสองคนที่จับมาได้ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่งในแคว้นเยี่ยน พวกเขาทราบเพียงว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งของสำนัก แต่ไม่ทราบถึงตัวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง”

หนิวโหย่วเต้าถาม “จับได้สองคนหรือ?”

เฟ่ยฉางหลิวพยักหน้า “สองคน”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเรียบๆ ว่า “เก็บเอาไว้หนึ่งคน ส่วนอีกคนให้ส่งตัวไปที่ร้านค้าของสำนักเขามหาญาณ บอกไปตามคำพูดข้า นี่เป็นฝีมือเซ่าผิงปอ ให้พวกเขาจัดการซะ!”

เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยอย่างมีนัย “เจ้าทำเช่นนี้ นี่คิดจะจัดการเซ่าผิงปอให้ถึงตายเลยนี่นา!”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “แล้วอย่างไรเล่า? เขายุยงให้ตระกูลซ่งส่งพวกท่านไปสังหารข้าที่ภูเขาหิมะ หรือไม่ใช่เพราะคิดจะจัดการข้าให้ถึงตาย? ข้าจำเป็นต้องเกรงใจด้วยหรือ?”

เหตุใดตอนนั้นเขาถึงต้องเชิญหวงเลี่ยที่เป็นเจ้าสำนักของสำนักเขามหาญาณไปคุยกันต่อหน้าฉู่อันโหลวน่ะหรือ? ก็เพื่อนำมาใช้กดดันสำนักเขามหาญาณในวันนี้น่ะสิ!

เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยว่า “ข้าเพียงอยากรู้ว่า เรื่องหิมะถล่มทางหอหิมะเหมันต์ใช่ฝีมือของเจ้าหรือไม่”

เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านหลังฟังแล้วตื่นตระหนกขึ้นมา เรื่องที่ไม่อาจให้ใครรู้ได้ในครั้งนั้นนางก็มีส่วนร่วมเช่นกัน หากถูกจับได้ขึ้นมาล่ะก็ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ไม่อยากจะคิดเช่นกัน

หนิวโหย่วเต้ายักไหล่ ตอบไปว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? หรือท่านคิดว่าข้าทำเรื่องเช่นนี้จริงๆ?”

เฟ่ยฉางหลิวกล่าวว่า “เจ้ามีแรงจูงใจที่จะทำเช่นนั้นจริงๆ ไห่หรูเยวี่ยคงไม่ได้ให้การสนับสนุนทางนี้อย่างไม่มีสาเหตุกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าพลางตอบว่า “ท่านคิดมากไปแล้ว ไห่หรูเยวี่ยให้การสนับสนุนเพราะสาเหตุอื่น ไม่สะดวกจะเอ่ยถึงมากนัก อีกอย่าง ต่อให้ข้าต้องการผลตะวันชาดก็ทำได้เพียงบากหน้าไปขออย่างเปิดเผยเท่านั้น หาไม่แล้วผู้ใดจะกล้ามอบให้เซียวเทียนเจิ้นใช้เล่า? นั่นไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตายเลย! หากเปลี่ยนเป็นท่าน ท่านจะกล้าหรือ?”

เรื่องนี้ถึงตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ มิเช่นนั้นสำนักเซียนสถิตคงจะตกใจกลัวจนหนีเตลิดไปแน่

เฟ่ยฉางหลิวเงียบไปครู่หนึ่ง คิดๆ ดูก็พบว่าจริงดั่งว่า จิตใจที่ตึงเครียดพลันผ่อนคลายลง เอ่ยถามอีกครั้งว่า “เรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบอันใดในภายหลังใช่ไหม?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นไปตามที่ข้าคาดการณ์ไว้ จะมีผลกระทบอันใดได้เล่า? มิเช่นนั้นข้าคงหลบซ่อนตัวไปนานแล้ว ไหนเลยจะกล้ามาบำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจอยู่ที่นี่ได้”

ก่อนที่เฟ่ยฉางหลิวจะจากไป หนิวโหย่วเต้าไม่วายเอ่ยกำชับอีกประโยคว่า “เจ้าสำนักเฟ่ย อย่าลืมมอบตัวให้ร้านค้าสำนักเขามหายานหนึ่งคน”

“ไม่ลืมแน่นอน” เฟ่ยฉางหลิวโบกมือให้โดยไม่หันกลับมา เดินจากไป จะลืมได้อย่างไร ในเมื่อเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก

เวลานี้ เฮยหมู่ตานเดินเข้ามาหา กระซิบถาม “เต้าเหยี่ยว่า คงไม่เกิดเรื่องอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?”

นางทราบชัดเจนดี เรื่องผลตะวันชาดเป็นฝีมือของทางนี้จริงๆ

หนิวโหย่วเต้าถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้ากลัวหรือ?”

เฮยหมู่ตานถอนหายใจ ตอบไปว่า “นิดหน่อยเจ้าค่ะ แต่ก็ทำลงไปแล้ว มานึกกลัวก็สายไปเสียแล้ว” นางยิ้มขื่นๆ เรียกได้ว่ากำลังเล่นอยู่กับไฟโดยแท้ ในอดีตต่อให้นอนหลับฝันก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะกล้าทำเรื่องอุกอาจปานนั้น

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ไปตามหยวนฟางมาที”

เฮยหมู่ตานพยักหน้ารับ จากไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนัก หยวนฟางมาถึง เขายังไม่ทราบว่ามีเรื่องใด จึงเอ่ยถามว่า “เต้าเหยี่ย มีเรื่องใดจะสั่งการหรือขอรับ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบอืมคำหนึ่ง เอ่ยเนิบๆ ว่า “แจ้งลู่เซิ่งจง ได้เวลาแล้ว ลงมือได้เลย! อีกอย่าง ให้จับตามองทางมณฑลเป่ยโจวอย่างใกล้ชิด มีข่าวอะไรให้รายงานมาทันที”

“ขอรับ!” หยวนฟางรับคำสั่งแล้วจากไป

หยวนฟางเพิ่งจากไปได้ไม่นาน เงาร่างหนึ่งก็โฉบเข้ามาจากอีกฟากหนึ่ง ผ่านองครักษ์ไป เหินตรงมาทางด้านนี้ ร่อนลงบนหน้าผา

ผู้มามิใช่ใครอื่น เป็นไป๋เหยาที่อายุดูเหมือนจะไม่มาก ทว่าผมกลับขาวโพลนไปทั้งศีรษะ จ้องมองหนิวโหย่วเต้าด้วยแววตาเยียบเย็น

หนิวโหย่วเต้าประสานมือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสไป๋ให้เกียรติมาด้วยตัวเอง มีธุระใดหรือ?”

ไป๋เหยาเอ่ยเสียงตึง “เจ้ายุ่งกับผลตะวันชาดหรือ?”

เมื่อหนิวโหย่วเต้าได้ฟังก็เข้าใจทันที เห็นได้ชัดว่าความเคลื่อนไหวของทางหอหิมะเหมันต์แว่วไปถึงสำนักหยกสวรรค์แล้ว เพราะสำนักหยกสวรรค์ก็มีร้านค้าอยู่ที่นั่นเช่นกัน

ไป๋เหยานั้นได้รับจดหมายด่วนจากทางสำนักจริงๆ จึงมุ่งหน้ามาสอบถาม สำนักหยกสวรรค์รอคำตอบจากเขาอยู่

ว่ากันตามจริงแล้ว สำนักหยกสวรรค์ค่อนข้างตกใจ นี่ต้องใจกล้าขนาดไหนกันถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้?

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า ตอบไปว่า “เมื่อครู่เฟ่ยฉางหลิวก็เพิ่งมา ข้าก็ได้ยินข่าวแล้วเช่นกัน แต่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย มีคนให้ร้ายข้า…” จากนั้นก็ใช้คำพูดแบบเดียวกับที่ใช้รับมือเฟ่ยฉางหลิว

ไป๋เหยาที่มาพร้อมกับเพลิงโทสะในทรวงนิ่งเงียบไป คิดๆ ไปก็พบว่าจริงดั่งว่า เรื่องที่สมควรตกลงกับวังสวรรค์หมื่นวิมานก็ตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลกับทางไห่หรูเยวี่ยเกินไปนัก

เช่นนี้แล้วยังจะไปขโมยผลตะวันชาดอีกทำไม นอกเสียจากสมองจะมีปัญหา

อีกอย่าง สิ่งที่อยู่ในการครอบครองของหอหิมะเหมันต์ไหนเลยจะขโมยมาได้ง่ายดายปานนั้น เห็นหอหิมะเหมันต์เป็นคนตายหรือไร?

ไป๋เหยาเอ่ยเบาๆ ว่า “หากหอหิมะเหมันต์ถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา เกรงว่าเรื่องนี้คงเป็นปัญหาพอสมควร”

หนิวโหย่วเต้าตอบอย่างเฉยเมยว่า “ท่านกังวลมากไปแล้ว การที่ข้าสามารถเข้านอกออกในวิมานอันงามวิจิตรของหอหิมะเหมันต์แห่งนั้นได้ย่อมต้องมีเหตุผลอยู่ แจ้งสำนักหยกสวรรค์ให้วางใจได้เลย”

ไป๋เหยาพลันมองไปที่อีกฝ่าย เรื่องราวบางอย่างเขาก็ได้ยินมาแล้วเช่นกัน ไม่รู้เลยว่าคนผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับหอหิมะเหมันต์อย่างไรกันแน่ แต่จะว่าไปแล้ว การที่ไม่มีเรื่องอะไรก็นับเป็นเรื่องดี

“ใช่แล้ว มีเรื่องหนึ่งที่อยากฝากผู้อาวุโสไป๋แจ้งต่อสำนักหยกสวรรค์ด้วย สุรานั่น สำนักหยกสวรรค์เอากำไรเยอะเกินไปแล้ว จะทำให้คนอิจฉาตาร้อนได้ พวกท่านได้กินเนื้อแล้วก็ต้องแบ่งน้ำแกงให้คนอื่นดื่มบ้าง กฎการจัดส่งเป็นไปตามเดิม แต่เรื่องราคาทางนี้ขอเพิ่มอีกเล็กน้อย เป็นสี่ร้อยเหรียญทองต่อหนึ่งไห”

หนิวโหย่วเต้าฉวยโอกาสที่ทางหอหิมะเหมันต์มีความเคลื่อนไหว เอ่ยปากเรียกราคาเพิ่ม

เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว! ไป๋เหยากล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่สนใจเรื่องนี้ เจ้าไปเจรจากับทางสำนักหยกสวรรค์เองเถอะ”

หนิวโหย่วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสไป๋ไม่จำเป็นต้องกังวล เพียงฝากให้ผู้อาวุโสไป๋ถ่ายทอดข้อความเท่านั้น หักค่าใช้จ่ายบางส่วนออกไป สำนักหยกสวรรค์จะได้กำไรอย่างน้อยห้าร้อยเหรียญทองต่อหนึ่งไห สุราหมื่นไห ก็เป็นเงินห้าล้านเหรียญทองต่อปี กำไรมากมายพอแล้ว! คนของที่นี่ตั้งแต่บนจรดล่างล้วนช่วยทำงานให้สำนักหยกสวรรค์ ถ้าอยากทำให้ทุกคนสบายใจ ก็ต้องให้ทุกคนกินอิ่มท้องด้วย สำนักหยกสวรรค์ไม่อาจยึดครองผลประโยชน์ทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียวได้ เป็นมนุษย์ไม่ควรโลภมากเกินไป หากสำนักหยกสวรรค์ไม่ตอบตกลง ข้าจะไปร่วมงานกันคนอื่นทันที!”

ไป๋เหยาจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะหันหลังทะยานจากไป

หนิวโหย่วเต้ายกมือไพล่หลังมองตามไป ทางหอหิมะเหมันต์มีความเคลื่อนไหวอึกทึกครึกโครมขนาดนั้น คนมากมายล้วนจับตามองมาทางนี้อยู่ หากผ่านด่านนี้ไปได้ หากหอหิมะเหมันต์ไม่มาวุ่นวายกับเขา เขาก็จะสามารถแอบอ้างเรื่องนี้ได้อีก ราชสำนักแคว้นเยี่ยนจะยิ่งไม่กล้าทำอะไรเขา สำนักหยกสวรรค์ก็ยิ่งจะไม่กล้าผลีผลามบุ่มบ่าม

“ข้าต้องการเวลา…” หนิวโหย่วเต้าพึมพำกับตัวเอง สายตาเหม่อมองออกไปไกล ในใจครุ่นคิดไปสารพัด

……

ณ จวนผู้ว่าการมณฑลจินโจว ภายในเรือนอันอบอุ่น ไห่หรูเยวี่ยและเซียวเทียนเจิ้นผู้เป็นบุตรชายกำลังกินข้าวกันอยู่

“กินเยอะๆ หน่อย” ไห่หรูเยวี่ยยังคงถือตะเกียบคีบอาหารให้บุตรชายเหมือนอย่างที่ผ่านมา มืออีกข้างถือผ้าขนหนูคอยซับเหงื่อที่ซึมออกมาตามผิวพรรณที่ขาวเนียนของตน

อากาศค่อยๆ ร้อนขึ้น แต่ทางนี้ยังคงจุดกระถางไฟอยู่ แล้วจะไม่ให้นางเหงื่อออกได้อย่างไร อาภรณ์โปร่งบางที่สวมอยู่ก็ชุ่มเหงื่อไปกว่าครึ่ง

เดิมทีก็ทรงเสน่ห์น่าเย้ายวนอยู่แล้ว ภาพนี้ยิ่งเย้ายวนใจขึ้นไปอีก

เซียวเทียนเจิ้นกัดคำเดียวก็ไม่กินต่อแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่อยากอาหาร สีหน้ายังคงซีดเซียวไร้สีเลือด

“ฤดูร้อนที่เจ้าชอบใกล้จะมาถึงแล้ว กินให้มากหน่อย บำรุงร่างกายให้ดี ถึงจะมีแรงออกไปเดินเล่นได้”

ขณะที่ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยตะล่อมอยู่ พลันมีเสียงดัง ‘ปึง’ แว่วมาจากทางประตู มีคนผลักเปิดประตูอย่างแรง สร้างความตกใจให้แก่สองแม่ลูก

สองแม่ลูกหันกลับไปมอง เห็นหลีอู๋ฮวาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตู สีหน้าอึมครึม ด้านหลังมีคนยืนขนาบซ้ายขวาสองคน ล้วนเป็นผู้อาวุโสของวังสวรรค์หมื่นวิมานเช่นกัน ต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน

ไห่หรูเยวี่ยผงะไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสอีกสองคนจะมาด้วย

“ผู้อาวุโสทั้งสองให้เกียรติมาเยือน ไม่ได้ออกไปต้อนรับ…” ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยไปได้ครึ่งเดียวก็สังเกตเห็นความผิดปกติ

พวกหลีอู๋ฮวาเดินเข้ามา แต่ละคนจ้องมองไปที่เซียวเทียนเจิ้น เดินเข้าไปหาเซียวเทียนเจิ้น

เหล่าสาวใช้ภายในห้องต่างไม่กล้าหายใจแรง

จูซุ่นพ่อบ้านประจำตระกูลเซียวยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าเป็นกังวล

เซียวเทียนเจิ้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ดวงตาฉายแววโกรธเกรี้ยว

ไห่หรูเยวี่ยยื่นมือไปดึงตัวบุตรชายมาหลบอยู่ด้านหลังตน หวาดหวั่นกระวนกระวาย แต่ฝืนยิ้มพลางเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสทั้งสามมีเรื่องใดหรือ?”

หลีอู๋ฮวากระชากตัวนางจนเซออกไปด้านข้าง จากนั้นยื่นมือไปจับข้อมือเซียวเทียนเจิ้น ส่งพลังเข้าไปตรวจสอบชีพจรเขา

เซียวเทียนจิ้นพยายามดิ้นรน แต่ดิ้นไม่หลุด สีหน้าท่าทางโกรธเคืองทว่าไม่กล้าเอ่ยวาจา

หลีอู๋ฮวาที่จับชีพจรเสร็จแล้วค่อยๆ คลายมือออก ปล่อยตัวเซียวเทียนเจิ้นไป ก่อนจะหันหลังกลับไป ส่ายหน้าให้ศิษย์พี่ทั้งสอง เอ่ยว่า “ไม่มีปัญหาอะไร! ข้าบอกแล้วว่าพวกเขาไม่มีความกล้าขนาดนั้น”

ผู้อาวุโสอีกสองคนก้าวเข้ามาพร้อมกัน คว้าข้อมือเซียวเทียนเจิ้นไปจับชีพจรกันคนละข้าง จากนั้นสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือเซียวเทียนเจิ้นเช่นกัน

จากนั้นทั้งสองหันไปหาไห่หรูเยวี่ย ประสานมือกล่าวกับนางด้วยรอยยิ้ม “ขอองค์หญิงใหญ่ทรงใจเย็นก่อน มีเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบก็พยักหน้าให้หลีอู๋ฮวาเล็กน้อย ก่อนจะจากไปพร้อมกัน

หัวใจไห่หรูเยวี่ยยังคงเต้นระรัว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว จึงโบกมือส่งสัญญาณให้จูซุ่น

จูซุ่นเข้ามาทันที จูงมือของเซียวเทียนเจิ้นแล้วพาเขาออกไป แล้วก็พาสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติออกไปพร้อมกันด้วย

เมื่อไม่มีคนนอกแล้ว ไห่หรูเยวี่ยถามด้วยความตกใจระคนสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”

หลีอู๋ฮวามองไปที่นาง “ด้านนอกมีข่าวลือ บอกว่าหนิวโหย่วเต้าขโมยผลตะวันชาดของหอหิมะเหมันต์มาแล้ว เจ้าคงไม่ได้แอบวางแผนทำอะไรเหลวไหลกับเขาใช่ไหม?”

ไห่หรูเยวี่ยตกใจ “จะเป็นไปได้อย่างไร ข่าวลือไหนเลยจะเชื่อถือได้?”

แม้ว่านางจะเคยวางแผนอย่างลับๆ กับหนิวโหย่วเต้าจริง แต่เรื่องเช่นนี้นางจะกล้ายอมรับได้อย่างไร ถึงตีให้ตายก็ไม่กล้ายอมรับ หิมะเหมันต์ไม่มีทางสนใจว่านางจะเป็นองค์หญิงใหญ่อันใดหรือไม่ แม้แต่จักรพรรดิแคว้นจ้าว อีกฝ่ายก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แล้วองค์หญิงใหญ่อย่างนางจะนับเป็นอันใดได้?

อีกทั้งในความเป็นจริงหนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้บอกเลยว่าจะไป ‘ขโมย’ ผลตะวันชาด

“ไม่ได้ทำก็ดีแล้ว ข้าเองก็เชื่อว่าเจ้าไม่บ้าบิ่นขนาดนั้น สิ่งสำคัญในตอนนี้คือเกิดเรื่องขึ้นกับทางหอหิมะเหมันต์จริงๆ มีอุกาบาตหล่นจากฟ้าพุ่งชนจุดที่ต้นตะวันชาดงอกออกมา ก่อให้เกิดหิมะถล่มครั้งใหญ่…” หลีอู๋ฮวาบอกเล่าสถานการณ์ออกมาอย่างละเอียด สุดท้ายเอ่ยเตือนกำชับว่า “ปัญหาคือ ทางมณฑลจินโจวก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่อุกกาบาตหล่นลงมาจากฟ้าเช่นกัน แล้วหนิวโหย่วเต้าคนนั้นก็ดันไปที่หอหิมะเหมันต์ในระหว่างที่เกิดเรื่องขึ้นทั้งสองที่ด้วย ล้วนแต่มีความเกี่ยวพันกับทั้งสองที่ อีกทั้งเจ้าก็ร่วมมือกับทางซางเฉาจงด้วยพอดี”

…………………………………………………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า