ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 244

ตอนที่ 244 หนานโจว เป่ยโจว

เขาใคร่ครวญเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งว่า “ดูเหมือนทุกแคว้นจะซื้อม้าจากแคว้นฉีกระมัง? แล้วพวกเขาซื้อไปได้อย่างไร?”

หลานรั่วถิงโบกมือเล็กน้อย เอ่ยว่า “เต้าเหยี่ย นั่นมันไม่เหมือนกัน ประการแรกคือแคว้นต่างๆ นั้นพอจะมีสถานที่สำหรับเลี้ยงม้าของตนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ประการที่สองคือแต่ละแคว้นต่างมีการคานอำนาจถ่วงดุลกันและกันอยู่ หากแคว้นฉีควบคุมม้าศึกทั้งหมดไว้ในมือตนแต่เพียงผู้เดียว เกรงว่าคงจะชักนำหายนะที่อาจทำให้แคว้นล่มสลายได้ ทุกแคว้นต้องร่วมมือกันปิดล้อมโจมตีแน่นอน ประกอบกับการค้าม้าศึกเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญที่สุดของแคว้นฉี และเป็นรากฐานสำคัญในการรักษาอำนาจของแคว้นฉี ดังนั้นในทุกๆ ปีแคว้นฉีจะทำการแบ่งขายม้าศึกให้แต่ละแคว้นตามจำนวนที่กำหนดเอาไว้ ส่วนใหญ่ก็เพียงพอที่จะทดแทนม้าศึกที่แก่ชราลงไปของแต่ละแคว้นได้ นอกจากนี้แคว้นฉียังมีการควบคุมดูแลที่เข้มงวด ส่วนม้าศึกที่แบ่งมาให้ทางแคว้นเยี่ยน ราชสำนักย่อมต้องจัดสรรให้คนของตน จะมามอบให้พวกเราได้อย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าร้อง “โอ้” คำหนึ่ง เข้าใจแนวคิดนี้แล้ว เขายังคิดอยู่เลยว่าพอจะมีวิธีกว้านซื้อมาจากแคว้นอื่นๆ หรือไม่ ตอนนี้ดูแล้ว กระทั่งคิดก็ไม่ต้องคิดเลย

เขาเงยหน้ามองดูแผนที่ที่แขวนอยู่ “ระยะนี้รอบข้างไม่มีเรื่องอันใดกระมัง?”

หลานรั่วถิงตอบว่า “ทางเราและทางมณฑลจินโจวช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รักษาสมดุลอันเปราะบางไว้ได้ ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอะไร เพียงแต่ความเร็วในการพัฒนาเมืองของทางฝั่งเราได้ทำให้พื้นที่รอบข้างเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าขอคำชี้แนะ “หมายความว่าอย่างไร?”

หลานรั่วถิงชี้แผนที่แล้วอธิบาย “สองจังหวัดดำเนินระเบียบปกครองใหม่ แม้จะพัฒนาไปเร็ว แต่คนที่มีปัญญาต่างมองออก สิ่งที่สองจังหวัดดึงดูดมาคือกำลังคนและกำลังทรัพย์ของพื้นที่รอบข้าง การดึงดูดกำลังคนและกำลังทรัพย์ของพื้นที่รอบข้างมาย่อมส่งผลกระทบต่อพื้นที่รอบข้าง ทางมณฑลจินโจวไม่พอใจพวกเราอย่างมาก เพื่อไม่ให้ความสมดุลของรูปการณ์ต้องถูกทำลาย ทางเราจึงเป็นฝ่ายสกัดกั้นการหลั่งไหลเข้ามาของทรัพยากรจากทางมณฑลจินโจว ถึงได้คลี่คลายความไม่พอใจของมณฑลจินโจวได้”

“ทางมณฑลจินโจวนั้นยังดีหน่อยย เนื่องจากพื้นที่สองจังหวัดนั้นตั้งอยู่ในเขตมณฑลหนานโจว ทรัพยากรที่ดึงดูดเข้ามาอย่างแท้จริงในตอนนี้ยังคงเป็นทรัพยากรของมณฑลหนานโจว ทำให้ในหลายๆ พื้นที่ของมณฑลหนานโจวถูกดึงทรัพยากรออกมาจนหมด จนโจวโส่วเสียนเริ่มวิตกกังวล แล้วทำให้ราชสำนักเกิดความหวาดระแวง เราได้รับข่าวมาจากทางเมืองหลวงว่าโจวโส่วเสียนได้รายงานทางราชสำนักไปแล้ว โดยเขาขอให้ทางราชสำนักช่วยสนับสนุนเรื่องการเงิน เตรียมที่จะเลียนแบบรูปแบบการปกครองของพวกเราเพื่อแข่งกับเรา”

หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้ว “หากเป็นเช่นที่กล่าวมา อย่างนั้นจะไม่เป็นปัญหาหรือ? สองจังหวัดไหนเลยจะสู้กับหนานโจวทั้งมณฑลได้”

“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่!” หลานรั่วถิงโบกมือพลางยิ้มออกมา “โจวโส่วเสียนเองก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน เขาแค่กำลังใช้เรื่องนี้มาปกป้องตัวเองเท่านั้น เพื่อจะได้มีคำอธิบายให้กับทางราชสำนักในอนาคตได้ อันที่จริงโจวโส่วเสียนเองก็ทราบแก่ใจดีว่ามณฑลหนานโจวไม่มีทางเลียนแบบพวกเราได้ ราชสำนักเองก็ไม่มีทางมอบงบประมาณให้เขา”

หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ “เพราะเหตุใด?”

“เหตุผลนั้นง่ายมาก หากราชสำนักจัดสรรงบประมาณลงมา สำนักบำเพ็ญเพียรที่อยู่เบื้องหลังมณฑลหนานโจวจะต้องสอดมือเข้ามายุ่งอย่างแน่นอน แล้วจะเหลือให้มณฑลหนานโจวได้ใช้จริงสักเท่าไร? อีกอย่างคือ หากมณฑลหนานโจวเลียนแบบวิธีการของพวกเรา มันก็จะเป็นการดึงดูดทรัพยากรมาจากมณฑลอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง แล้วมณฑลอื่นๆ จะยอมหรือ? เกรงว่าโจวโส่วเสียนคงถูกรุมด่าทอในท้องพระโรงจนทนไม่ไหว อีกอย่าง หากมณฑลอื่นๆ จะของบประมาณจากราชสำนักแบบนี้เช่นกัน แล้วราชสำนักจะลำเอียงให้มณฑลหนานโจว แต่ไม่ให้มณฑลอื่นได้หรือ? ทางราชสำนักมีเงื่อนไขข้อจำกัดภายในอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นราชสำนักไม่มีทางจัดสรรงบประมาณให้มณฑลหนานโจวได้”

“หากทางราชสำนักไม่จัดสรรงบประมาณให้ มณฑลหนานโจวก็ไม่มีทางดำเนินนโยบายลดภาษีเหมือนกับทางเราได้ อีกทั้งหากไม่มีภาษี สำนักบำเพ็ญเพียรที่อยู่เบื้องหลังก็จะขาดรายได้ สำนักเหล่านั้นไม่มีทางยอมตกลง โจวโส่วเสียนแบกรับแรงกดดันเช่นนั้นไม่ไหว หากยืนกรานจะทำล่ะก็ เกรงว่าแค่ไม่กี่วันโจวโส่วเสียนคงต้องลงจากตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลแล้ว เผลอๆ กระทั่งชีวิตก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้ด้วย”

“คิดจะเลียนแบบวิธีการของพวกเรา จำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างก่อน เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง เงื่อนไขแรกคือสภาพแวดล้อมโดยรวมต้องเอื้ออำนวย พวกเราปกครองสองจังหวัด มีมณฑลจินโจวแห่งแคว้นจ้าวคอยพึ่งพาอาศัยกัน ราชสำนักไม่กล้าบุ่มบ่ามแตะต้องพวกเราง่ายๆ เพราะหากแตะต้องก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นได้ พวกเราถึงได้มีช่องว่างให้พัฒนาได้ คนที่จะมีเงื่อนไขเช่นนี้ได้มีไม่มากนัก มณฑลเป่ยโจวที่เซ่าเติงอวิ๋นปกครองก็นับเป็นหนึ่งในนั้น มณฑลเป่ยโจวอาศัยประโยชน์จากสถานการณ์ของแคว้นหานและแคว้นเยี่ยน ปล่อยให้ทั้งสองแคว้นคานอำนาจและต้านรับกันไป ตัวเองที่อยู่กึ่งกลางถึงมีช่องให้ได้หายใจ”

“อันที่จริงรูปแบบการพัฒนาของมณฑลเป่ยโจวในเวลานี้ไม่ได้ต่างไปจากพวกเราเท่าไรนัก เซ่าเติงอวิ๋นคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เมื่อครั้งที่เขาติดตามอยู่ข้างกายหนิงอ๋องนั้นมองไม่ออกจริงๆ ว่าเขาจะมีฝีมือเช่นนี้”

พอเอ่ยถึงมณฑลเป่ยโจว หนิวโหย่วเต้าอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเขาเล็กน้อย ดูเหมือนทางนี้ก็ให้ความสนใจมณฑลเป่ยโจวเช่นกัน จึงลอบถอนใจเงียบๆ คนที่ไม่ธรรมดาใช่เซ่าเติงอวิ๋นเสียที่ไหนล่ะ หากแต่เป็นเซ่าผิงปอที่เป็นลูกชายของเซ่าเติงอวิ๋นคนนั้นต่างหาก!

ซางเฉาจงจ้องมองแผนที่ด้วยแววตาเจิดจ้าลุกโชน “แต่ก็ต้องมีความพอดีด้วยเช่นกัน เพราะถ้าเกิดเราข้ามเส้นจนราชสำนักไม่สามารถยอมรับได้ขึ้นมา เกรงว่าราชสำนักคงจะยอมเสียสละผลประโยชน์ให้แคว้นอื่นเข้าพัวพันแคว้นจ้าวเอาไว้ แล้วก็คงยกทัพบุกมาบดขยี้พวกเราหลังจากนั้นเป็นแน่ ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพ มีแต่ต้องแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ทำให้ราชสำนักยากจะยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการยกทัพมาได้ ราชสำนักถึงจะไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร ทหารม้ามีความสำคัญยิ่ง มิเช่นนั้นหากราชสำนักบุกโจมตี กองทัพสองขาวิ่งไม่ทันทัพม้าสี่ขา อีกฝ่ายบุกโจมตีเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทัพหนุนของพวกเรายังอยู่ระหว่างทาง เช่นนี้คงไม่มีทางสู้ได้”

หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้ว พูดวนไปวนมา ปัญหาก็วกกลับมาที่เรื่องม้าศึกอยู่ดี

ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสำนักหยกสวรรค์ถึงยอมออกเงินซื้อม้าศึก เหตุผลแรกคือมีเงินอยู่ในมือแล้ว เหตุผลที่สองคือสำนักหยกสวรรค์เองก็คงจะรับรู้ถึงภัยคุกคามที่มาจ่ออยู่ตรงหน้าได้เช่นกัน ตอนที่ทางนี้ให้สำนักหยกสวรรค์จัดซื้อม้าศึกย่อมต้องมีการพูดถึงปัญหานี้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ปัญหาที่มาจ่ออยู่ตรงหน้านี้ก็ทำให้หนิวโหย่วเต้ารับรู้ได้ถึงภัยคุกคามได้เช่นกัน หากซางเฉาจงพ่ายศึก เขาก็จะสูญเสียสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขาสามารถบำเพ็ญเพียรได้อย่างสงบสุขแห่งนี้ไป

หนิวโหย่วเต้าไม่อาจสงบใจบำเพ็ญเพียรต่อไปได้แล้ว เขากลับไปเงียบๆ พร้อมกับความคิดมากมายในหัว

……

มณฑลเป่ยโจว ณ จวนผู้ว่าการมณฑล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า