ตอนที่ 248 ต้องเชื่อมั่นในตัวเต้าเหยี่ย
ยังคงเลี่ยงไม่พ้นประเด็นนี้อยู่ดี จ้องจะเอาสาวใช้ทั้งสองของตนให้ได้ ลิ่งหูชิวยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวไปว่า “พวกนางมิใช่สาวใช้ธรรมดา สภาวะล้วนอยู่ในระดับโอสถทอง แล้วก็นับเป็นผู้คุ้มกันยามข้าออกท่องเที่ยว มิใช่สิ่งที่จะวัดค่าด้วยเงินทองได้”
“อย่างนี้นี่เอง” หนิวโหย่วเต้าทำสีหน้าแปลกใจและเสียดาย
ลิ่งหูชิวเอ่ยยิ้มๆ “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะผูกมิตรด้วยใจจริง น้องชายก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมแล้ว คงอยากให้ข้าเดินทางไปแคว้นฉีกับเจ้าเพื่อม้าศึกกระมัง!”
หนิวโหย่วเต้าผายมือเชิญ “เป็นข้าบุ่มบ่ามไป ท่านลิ่งหูดื่มชาเถิด”
ประเด็นร้อนที่คุยกันเมื่อครู่นี้ราวกับเป็นการคุยเรื่องไร้สาระอย่างไรอย่างนั้น บทจะผ่านไปก็ผ่านไปเสียดื้อๆ
ลิ่งหูชิวโบกมือเอ่ยว่า “เอาแต่เรียกท่านมันฟังดูเกรงใจเกินไป ข้าต้องการผูกมิตรด้วยใจจริง หากว่าไม่รังเกียจ ก็เรียกขานกันเป็นพี่น้องก็ได้”
หนิวโหย่วเต้าฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ เอ่ยอย่างมีไหวพริบ “หากท่านไม่รังเกียจ ข้าอยากจะสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับท่าน ได้หรือไม่?” สายตาเปี่ยมความคาดหวัง
“….” ลิ่งหูชิวตะลึงงัน
หงซิ่วและหงฝูมองหน้ากัน
เจ้าสำนักทั้งสามมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย พบว่า ‘เต้าเหยี่ย’ คนนี้เรื่องมากจริงๆ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็หาเรื่องออกมาเรื่องแล้วเรื่องเล่า
ลิ่งหูชิวยิ้มออกมา พยักหน้าเล็กน้อย “ได้!”
หนิวโหย่วเต้าหันไปเอ่ยกับเฮยหมู่ตานทันที “ตั้งโต๊ะบูชา!”
“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานออกไป
หลังจากนั้นไม่นานนัก ซางซูชิงที่เดินไปเดินมาอยู่บนหอสูงก็หยุดนิ่งพิงราวกั้น มองคนทั้งสองที่คุกเข่าคู่กันอยู่หน้าโต๊ะบูชาภายในสวนด้านล่าง สายตาวูบไหวไปมา
เฟ่ยฉางหลิว เจิ้งจิ่วเซียวและเซี่ยฮวาที่ยืนเป็นสักขีพยานอยู่ด้านข้างภายในสวนได้เห็นคนทั้งสองที่คุกเข่าคำนับเสร็จเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นมาจับมือถือแขนเรียกขานกันว่าพี่น้อง เรียกได้ว่าคล้ายกำลังรับชมละครอยู่ ลิ่งหูชิวเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นานเท่าไร คนสองคนที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันกลับสาบานเป็นพี่น้องกันในพริบตา ซ้ำยังมีท่าทางเหมือนเสียดายที่พบเจอกันช้าไปอย่างไรอย่างนั้น นี่มันเรื่องอะไรกัน
แต่จะว่าไปแล้ว ไม่ว่าทั้งสองจะกำลังเล่นละครกันอยู่หรือไม่ ทว่าในนามแล้ว เวลานี้ผู้บำเพ็ญเพียรเลื่องชื่อแห่งแคว้นจิ้นลิ่งหูชิวก็ได้สาบานเป็นพี่น้องกับหนิวโหย่วเต้าแล้ว!
“เฮยหมู่ตาน ไปบอกหยวนฟาง พี่ชายของข้ามาแล้ว ให้วัดหนานซานของเขาจัดเตรียมสุราอาหารอย่างดีที่สุดเอาไว้!” หนิวโหย่วเต้าที่กำลังพูดคุยกับลิ่งหูชิวอย่างสนิทสนมพลันหันกลับมาสั่งการ ท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก
“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานรับคำสั่งแล้วออกไป
จากนั้นหนิวโหย่วเต้านำทางลิ่งหูชิวเข้าไปเยี่ยมชมเรือนของตนด้วยตัวเอง พาเยี่ยมชมคฤหาสน์ทั้งหลัง อีกทั้งยังไปเดินเล่นรอบๆ เป็นเพื่อนด้วยตัวเอง
พวกเฟ่ยฉางหลิวทั้งสามยืนมองอยู่ตรงหน้าประตูคฤหาสน์ พลันได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามา ทั้งสามหันไปมอง เห็นเป็นซางซูชิง ต่างค้อมกายคำนับ “ท่านหญิง!”
ซางซูชิงคารวะตอบ จากนั้นก็เดินลงเขาไปพร้อมกับผู้ติดตาม
เซี่ยฮวาเอ่ยขึ้น “เกรงว่าคงกำลังจะไปที่จวนผู้ว่าการจังหวัดเพื่อแจ้งเรื่องร่วมสาบานต่อท่านอ๋องกระมัง”
เฟ่ยฉางหลิวและเจิ้งจิ่วเซียวพยักหน้า เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว เฟ่ยฉางหลิวทอดสายตามองเงาร่างของ ‘สองพี่น้อง’ ที่เดินเล่นอยู่ไกลๆ ถอนหายใจเบาๆ พลางเอ่ยว่า “ได้ยินว่าเดิมทีคนผู้นี้จะได้เป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ทว่าถูกรังเกียจว่าฐานะชาติกำเนิดต่ำต้อยเกินไป ถูกขับไล่ออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ หากให้เขาได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จริง ด้วยความสามารถของคนผู้นี้ เกรงว่าตอนนี้สถานการณ์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์คงต่างไปจากเดิม สำนักสวรรค์พิสุทธิ์สูญเสียบุคคลที่สามารถนำพาสำนักให้รุ่งเรืองได้ไปแล้วจริงๆ ข้ากล้าฟันธงเลย สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะต้องนึกเสียใจในไม่ช้าก็เร็ว!”
เดิมทีเซี่ยฮวาและเจิ้งจิ่วเซียวล้วนเป็นคนของทางตระกูลซ่ง แต่เดิมล้วนเป็นคนที่ต้องสังหารหนิวโหย่วเต้า ต่างทราบถึงสถานการณ์ของหนิวโหย่วเต้าตอนที่อยู่ในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ จึงย่อมต้องทราบเช่นกันว่าคำพูดของเฟ่ยฉางหลิวนั้นหมายหมายความว่าอย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า