ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 249

ตอนที่ 249 เจ้าเด็กสารเลวหนิวโหย่วเต้าคนนั้นสอดมือเข้ามาด้วยตัวเองแล้ว

ประโยคที่ว่าเข้ามาพัวพันอยู่ในความขัดแย้งแต่แรกแล้วทำให้ซางซูชิงเงียบลงไปเล็กน้อย

นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงประโยคที่หยวนกังกล่าวกับนางตอนอยู่ที่วัดหนานซาน ตัวของเต้าเหยี่ยมีความสำคัญกว่าสภาวะของเขา!

และความเป็นจริงมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พูดได้เต็มปากเลยว่าหนิวโหย่วเต้าคือผู้ที่ดึงพวกนางสองพี่น้องออกมาจากวิกฤติที่มองไม่เห็นหนทาง ให้ขึ้นมาสู่เส้นทางกว้างใหญ่ที่ทอดยาว และยามนี้ก็ยังเป็นเต้าเหยี่ยที่คานอำนาจสำนักหยกสวรรค์ไว้ ถึงทำให้พวกนางสองพี่น้องสามารถเสริมสร้างอิทธิพลและอำนาจให้แก่ตนเองได้อย่างเต็มที่

เป็นนางที่คิดหาทางรั้งตัวเต้าเหยี่ยไว้ แล้วก็กล่าวได้ว่าเป็นนางที่ดึงเต้าเหยี่ยเข้ามาพัวพันอยู่ในความขัดแย้งแต่แรก นี่ทำให้นางรู้สึกโทษตัวเองยิ่งนัก

อีกฝ่ายช่วยเหลือพวกนางสองพี่น้องมามากมายขนาดนี้แล้ว ยามนี้ยังต้องให้อีกฝ่ายไปเสี่ยงอันตรายเพื่อพวกนางต่ออีก ทำให้นางละอายใจเป็นอย่างยิ่ง

ทุกวันนางต้องไปหวีผมเกล้ามวยให้หนิวโหย่วเต้าเพื่ออันใดเล่า? มิใช่เพราะเรื่องความรู้สึกชายหญิงอันใดเลย หากแต่เป็นเพราะนางทราบว่าพวกนางสองพี่น้องติดหนี้บุญคุณอีกฝ่าย ไม่สามารถตอบแทนอันใดได้ จึงพยายามทำในสิ่งที่พอจะทำให้ได้

นางไม่เชื่อว่าเสด็จพี่และท่านอาจารย์หลานจะไม่ทราบเรื่องที่ตนไปหวีผมให้หนิวโหย่วเต้า แต่ทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง ส่วนเหตุผลที่พวกเขาไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็เพราะพวกเขาไม่มีอะไรที่จะตอบแทน จึงให้นางที่เป็นท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ไปทำงานรับใช้เช่นนั้นเพื่อลดทอนความไม่พอใจที่อาจจะเกิดขึ้นของเต้าเหยี่มิใช่หรือ?

ซางซูชิงส่ายหน้า “ให้เขาไปเสี่ยงอันตรายเพื่อพวกเราตลอด พวกเราไม่เคยมอบสิ่งใดให้เขาเลย กลับเป็นเขาที่มอบให้พวกเรา สิ่งที่เขาต้องการล้วนหามาได้ด้วยตัวเอง แล้วพวกเราจะให้อะไรเขาได้? มีสิทธิ์อะไรไปให้เขาเสี่ยงภัยเพื่อพวกเราอีก?”

วาจานี้ทำให้ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงเงียบงันไป

จากนั้นนางเอ่ยเสริมอีกประโยค “ข้าก็ทำได้เพียงไปทำงานรับใช้หวีผมให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น ต่อให้ยินดีทอดกายให้เขา เขาก็ไม่ต้องตาสตรีอัปลักษณ์อย่างข้า หากเขาต้องการสตรี ศิษย์หญิงในสามสำนักมีให้เขาเลือกได้ตามใจชอบ คนของสามสำนักย่อมไม่คัดค้าน กลับจะยินดีด้วยซ้ำ ดังนั้นระหว่างข้ากับเต้าเหยี่ยไม่มีทางที่จะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ได้ พวกท่านอย่าได้คิดมากกันไปเลย”

เพียงประโยคเดียวก็เปิดโปงความคิดเล็กๆ ที่บุรุษทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน ทำให้ทั้งสองค่อนข้างกระอักกระอ่วน

“ชิงเอ๋อร์ ข้าไม่มีความคิดอื่นใด…” ซางเฉาจงสีหน้ากระดากใจ กล่าวออกมาได้ครึ่งเดียวก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไรต่อไปดี

อันที่จริงเขาเองก็ยินดีที่จะได้เห็นน้องสาวตนได้ลงเอยกับหนิวโหย่วเต้า เพราะน้องสาวก็ถึงวัยที่ควรออกเรือนแล้ว จะให้น้องสาวแต่งกับชายที่เข้ามาเพราะต้องการอำนาจจากตระกูลซาง เขาเองก็ไม่อยากให้น้องสาวต้องได้รับความคับข้องใจ น้องสาวมีความคิดเป็นของตัวเอง ย่อมไม่มีทางยอมออกเรือนกับบุรุษประเภทนั้นเช่นกัน

แต่จะว่าไปแล้ว น้องสาวเป็นเช่นนี้ บุรุษที่ไม่มุ่งหมายในอำนาจของตระกูลซางคนใดจะยินดีแต่งด้วยเล่า? รูปโฉมเช่นนั้นคงทำให้อีกฝ่ายตกใจจนเผ่นหนีไปแล้ว

ส่วนหนิวโหย่วเต้าไม่ว่าจะว่ากันในแง่ไหน เขาล้วนรู้สึกว่าเหมาะสมกับน้องสาว ถ้าทั้งสองลงเอยกันได้ เช่นนั้นก็นับเป็นเรื่องดีอย่างมาก

ในใจเขาหวังว่าพอเวลาผ่านไปนานเข้า หนิวโหย่วเต้าจะมองเห็นความดีภายในตัวของน้องสาว หวังว่าทั้งสองจะบ่มเพาะความรู้สึกไปตามกาลเวลา ดังนั้นจึงทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง

ทว่าภายใต้คำอธิบายเช่นนี้ จะบอกว่าตนไม่มีความเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย ไม่มีความคิดที่จะอาศัยวิธีเกี่ยวดองกันเพื่อผูกมัดหนิวโหย่วเต้าเอาไว้เลยสักนิดได้หรือ?

อีกทั้งตนมีสิทธิ์อะไรไปคาดหวังให้คนที่มีความสามารถอย่างหนิวโหย่วเต้ามาแต่งกับสตรีอัปลักษณ์คนหนึ่ง? ลองถามตัวเขาดูเถิดว่าตอนแรกนั้นแต่งกับเฟิ่งรั่วหนานเพราะอะไร?

ดังนั้นเรื่องบางอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ละอายใจ แล้วก็อธิบายไม่ออกด้วยเช่นกัน

หลานรั่วถิงย่อมมีความคิดแบบนี้อยู่ด้วยเช่นกัน เขาเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าท่านหญิงจะรู้อยู่แต่แรกแล้ว แล้วก็ยิ่งคิดไม่ถึงด้วยว่าจะถูกท่านหญิงเปิดโปงออกมาต่อหน้า จึงกระอักกระอ่วนยิ่งนัก

สุดท้ายซางเฉาจงก็ปรับเปลี่ยนคำพูด เอ่ยไปว่า “ชิงเอ๋อร์ อย่างนั้นเจ้าย้ายกลับมาดีหรือไม่”

ซางซูชิงถอนใจเบาๆ “ข้าบริสุทธิ์ใจ ไม่กลัวว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร อยู่ทางนั้นก็จะได้ช่วยติดต่อส่งข่าวให้ทางนี้ได้สะดวก แล้วก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่เสด็จพี่มอบให้แก่เขาด้วย ไยต้องทำอะไรวุ่นวายให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าท่าทีของพวกเราสองพี่น้องเปลี่ยนไปด้วย?”

ซางเฉาจงก้มหน้าเงียบงัน

หลานรั่วถิงลูบจมูกเล็กน้อย เปลี่ยนประเด็นสนทนาไปเสีย “ท่านหญิง ระยะนี้พระชายาเอาแต่ถามถึงพระองค์ พระองค์ไปเยี่ยมพระชายาสักหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ทางพระชายาก็มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่เข้ากับนางได้”

เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องอยู่กับความเป็นจริง ในอดีตเฟิ่งรั่วหนานเอาแต่ใจ ไล่ให้ซางเฉาจงไสหัวไปอยู่เสมอ หรือไม่ก็ลงไม้ลงมือกับซางเฉาจงจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียว ไม่ยอมร่วมห้องกับซางเฉาจงอะไรทำนองนั้น ซางเฉาจงต้องคอยอดทน ตอนนี้เฟิ่งรั่วหนานทำตัวเจ้าอารมณ์ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ซางเฉาจงไม่กริ่งเกรงตระกูลเฟิ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องคอยกังวลเรื่องท่าทีของเฟิ่งรั่วหนานอีก

ยามนี้กลับกลายเป็นตระกูลเฟิ่งที่ต้องคอยกังวลเรื่องท่าทีของซางเฉาจง ซางเฉาจงต้องการให้ตระกูลเฟิ่งกดดันให้บุตรสาวยอมเชื่อฟัง จนปัญญาที่เฟิ่งรั่วหนานหัวแข็ง ไม่ยอมโอนอ่อน

ซางซูชิงทราบดีว่าในเรือนของพี่ชายมีสาวงามมานอนเป็นเพื่อนร่วมเตียงอีกคนหนึ่งแล้ว กำลังคิดจะสั่งสอนพี่สะใภ้อยู่!

เรื่องบางอย่างนางเองก็ไม่อาจทำอะไรได้ นางเองก็ทราบเช่นกัน หากไม่เป็นเพราะเผิงโย่วไจ้ผู้เป็นเจ้าสำนักหยกสวรรค์แล้วล่ะก็ พี่สะใภ้เจ้าอารมณ์คนนั้นคงถูกเสด็จพี่เขียนหนังสือหย่าให้ไปนานแล้ว

พี่สะใภ้ไม่ยอมโอนอ่อน ตาอย่างเผิงโย่วไจ้เองก็ช่วยแก้ต่างอะไรให้ไม่ได้ หลานสาวของตนทำแบบนั้น ไม่ว่าจะไปอยู่กับผู้ชายคนไหนก็ล้วนไม่ได้อาจแก้ต่างได้ทั้งสิ้น ลงไม้ลงมือกับผู้ชายของตนจนใบหน้าฟกช้ำ ซ้ำยังดื้อรั้นไม่ยอมนอนร่วมห้อง แล้วจะทำอย่างไรได้? ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ สำนักหยกสวรรค์เองก็ไม่ยอมให้พี่สะใภ้ลงไม้ลงมือกับเสด็จพี่แล้ว ท่านพี่ที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพจำเป็นต้องมีความน่าเคารพยำเกรงยามที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชา หากว่าทุบตีจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นมา จนทำให้เสียงานใหญ่ของสำนักหยกสวรรค์ เกรงว่าเผิงโย่วไจ้คงไม่สามารถให้คำอธิบายต่อภายในสำนักหยกสวรรค์ได้

ตอนที่เผิงโย่วไจ้มายังจังหวัดชิงซานก็เคยว่ากล่าวพี่สะใภ้ไปแล้ว แต่พี่สะใภ้ก็ไม่ฟัง ทุกครอบครัวต่างมีปัญหาของตัวเอง ต่อให้เผิงโย่วไจ้มีพลังสูงส่งแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า?

ตอนนี้สองจังหวัดจำเป็นต้องมีเสด็จพี่ ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ของสำนักหยกสวรรค์แล้ว เรื่องบางเรื่องเผิงโย่วไจ้จึงจำต้องทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งเหมือนกัน

นางเองก็ทราบดีว่าเผิงโย่วไจ้ลอบให้คนมาถ่ายทอดวาจาต่อเสด็จพี่ บอกว่าเจ้าจะชุบเลี้ยงสาวงามสักสองสามคนเพื่อหาความสำราญบ้างก็ได้ แต่อย่าได้ยกย่องจริงจัง ทายาทสืบสกุลรุ่นต่อไปของตระกูลซางต้องถือกำเนิดจากเฟิ่งรั่วหนาน นี่คือขีดจำกัดที่เผิงโย่วไจ้สามารถยอมรับได้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า