ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 250

ตอนที่ 250 กลัวผมจะเป็นตัวถ่วงคุณใช่ไหม?

หลังจากก้มหน้าอ่านเนื้อความจดหมายในมือ เฉินถิงซิ่วพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต้าจะสาบานเป็นพี่น้องกับลิ่งหูชิว!

เขาเงยหน้ามองเจ้าสำนัก พอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสีหน้าของเจ้าสำนักถึงดูแปลกไป

เพราะเรื่องม้าศึก ก่อนที่สำนักหยกสวรรค์จะลงมือก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จัดการได้ยาก ด้วยเหตุนี้ศิษย์ที่ทางนี้ส่งไปยังแคว้นฉีจึงล้วนเป็นศิษย์ชั้นยอดที่ผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ผลคือบ้างก็ทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นั่น บ้างก็กระเสือกกระสนกลับมา

สมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์อาจจะมีความอาวุโส มีประสบการณ์และสภาวะสูงกว่าศิษย์ชั้นยอดเหล่านั้น ทว่าไม่ได้แปลว่าความสามารถในการจัดการเรื่องราวจะเยี่ยมยอดไปกว่าศิษย์ชั้นยอดเหล่านั้น ปัญหาบางอย่างในแคว้นฉี อาศัยเพียงพลังการต่อสู้ของสำนักหยกสวรรค์นั้นไม่สามารถจัดการแก้ไขได้ ศิษย์ชั้นยอดเหล่านั้นไร้กำลังจะจัดการเรื่องราวได้ ต่อให้เป็นสมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์ก็ไม่แน่ว่าจะจัดการได้ สมาชิกระดับสูงที่ทางสำนักส่งไปภายหลังก็ล้มเหลวเช่นกัน นี่ยิ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดในจุดนี้

แต่สุดท้ายไม่ว่ายังไงก็ต้องคิดหาทางแก้ไขปัญหาอยู่ดี ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสถานกาณณ์อันซับซ้อน การจะส่งผู้ใดไปจัดการจึงกลายเป็นปัญหาขึ้นมา ต่อมาเจ้าสำนักชี้ให้เห็นจุดหนึ่ง บอกว่าในสำนักยังขาดศิษย์ที่มีความสามารถแบบหนิวโหย่วเต้า แนะนำทุกคนว่าหลังจากนี้เวลาที่รับศิษย์เข้ามา ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติในด้านนี้ให้มากหน่อย!

ทุกคนเข้าใจความหมายของท่านเจ้าสำนัก หลังจากสังเกตดูเรื่องบางอย่างมาแล้ว หนิวโหย่วเต้านั้นมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ที่ซับซ้อนจริงๆ เจ้าสำนักอยากให้หนิวโหย่วเต้าไปลองจัดการเรื่องม้าศึกดู ทว่าหนิวโหย่วเต้ามิใช่ศิษย์ของสำนักหยกสวรรค์ หากให้หนิวโหย่วเต้าไป ภาพลักษณ์ของสำนักหยกสวรรค์คงจะดูไม่ค่อยดีเท่าไร จะให้สำนักหยกสวรรค์ยอมรับว่าตนไร้ความสามารถหรือ?

ไม่สามารถเอ่ยปากออกไปเช่นนี้ได้ ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้บ้าง

เมื่อมีการหารือกัน ความคิดเห็นต่างๆ จึงถูกแสดงออกมา

มีคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่คิดว่าหนิวโหย่วเต้ามีความสามารถอย่างที่ว่ามา เหตุผลคือหากเขามีความสามารถจริงๆ เหตุใดถึงถูกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ขับไล่ออกจากสำนักเยี่ยงสุนัขจรจัดได้?

ความเห็นนี้เอนเอียงไปทางเหยียดหยามดูหมิ่น!

มีคนเสนอความเห็นว่า หรือจะรับหนิวโหย่วเต้าเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักหยกสวรรค์ จากนั้นก็ให้หนิวโหย่วเต้าไปทำงาน เพียงเท่านี้ก็นับว่าถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว

ความเห็นนี้เอนเอียงไปทางข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน!

และในช่วงเวลาที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี้เอง หนิวโหย่วเต้าก็ได้ผิดสัญญา เรียกร้องให้ทางนี้แบ่งกำไรจากสุราให้ทั้งสามสำนักด้วย ทางนี้ทราบดีว่าตอนนี้หนิวโหย่วเต้าและสามสำนักลงเรือลำเดียวกันแล้ว ด้วยเหตุนี้หลังจากหารือกันแล้ว จึงตกลงกันว่าจะฉวยโอกาสนี้ผลักภาระออกไป แต่ใครจะไปรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะยังคงเก็บตัวบำเพ็ญเพียรต่อไป ไม่คิดจะโผล่หน้าออกมาเลย

จนกระทั่งตอนนี้ เมื่อได้อ่านจดหมายลับ ทำให้ทราบว่าในที่สุดหนิวโหย่วเต้าก็รอไม่ได้แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าลิ่งหูชิวจะเป็นฝ่ายมาหาหนิวโหย่วเต้าด้วยตัวเอง อีกทั้งหนิวโหย่วเต้ายังสาบานเป็นพี่น้องกับลิ่งหูชิวด้วย

ตอนแรกเจ้าสำนักเคยไปขอความช่วยเหลือจากลิ่งหูชิวแล้ว ทว่าลิ่งหูชิวปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม ไม่ให้ความช่วยเหลือ หากครานี้หนิวโหย่วเต้าจัดการลิ่งหูชิวได้ สุดท้ายลิ่งหูชิวยอมยื่นมือช่วยเหลือ แล้วแบบนั้นจะให้เจ้าสำนักรู้สึกอย่างไรเล่า?

เฉินถิงซิ่วยื่นจดหมายส่งให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ผลัดกันอ่าน หลังจากอ่านจบ เหล่าผู้อาวุโสพากันนิ่งเงียบไปทีละคนๆ

…..

หลังพักค้างคืนอยู่ในจังหวัดชิงซานหนึ่งวันกว่า ในที่สุดหนิวโหย่วเต้าก็เอ่ยเรื่องม้าศึกขึ้นมาอีกครั้ง

สองพี่น้องพูดคุยกันเป็นอย่างดี ลิ่งหูชิวตอบตกลงอย่างง่ายดาย แล้วก็นัดหมายวันเวลาออกเดินทาง

หงซิ่วและหงฝูมองไปทางลิ่งหูชิวที่ตอบตกลงอย่างง่ายดายบนโต๊ะสุราเล็กน้อย จากนั้นแอบสบตากัน

เรื่องบางอย่างทั้งสองรู้แก่ใจดี เนื่องเพราะเห็นแก่หน้าลิ่งหูชิวจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป หากเรื่องร่วมสาบานไม่ได้เป็นเพราะตงกัวเฮ่าหรานไปเสียทั้งหมด เช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นเพราะคำพูดที่หนิวโหย่วเต้าบอกพวกนางทั้งสองว่า ‘อยากได้มาครอบครองจริงๆ’ ความหมายที่แฝงอยู่ในวาจาคือถ้าไม่ให้ก็จะฉีกหน้าแตกหักกันไปเลย สำหรับคนที่กล้าสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนแล้ว คำพูดนี้นับว่ามีความเป็นไปได้อยู่

เพียงแต่ท่าทีของหนิวโหย่วเต้าไม่ได้แข็งกร้าวเช่นนั้น มอบทางลงให้แก่นายท่าน รีบเปลี่ยนเรื่องไปที่การสาบานเป็นพี่น้องทันที ด้วยเหตุนี้นายท่านถึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย

เพียงแต่ทั้งสองก็เชื่อว่าสำหรับนายท่านที่คบหาสหายไปทั่วแล้ว ขอเพียงคนที่นายท่านคบหาด้วยเอ่ยเรื่องร่วมสาบานออกมา นายท่านก็คงไม่ปฏิเสธทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดเอ่ยเช่นนี้ แต่เต้าเหยี่ยคนนี้กลับใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งไปพร้อมกัน ดูแล้วน่าจะเป็นการบีบให้นายท่านต้องฝืนยอมรับไว้

จากนั้นมองไปทางเต้าเหยี่ยที่ใบหน้ายิ้มแย้มดูคล้ายไร้พิษภัย พยายามเรียกขานว่า ‘พี่ลิ่งหู’ อยู่ไม่ขาดปาก

ภาพเหตุการณ์ยามที่เจรจาต่อรองกันยังคงปรากฏชัดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน

เพิ่งจะคุยกันได้ไม่กี่ประโยค คนผู้นี้ก็เอ่ยออกมาแล้วว่าต้องการม้าศึก นายท่านแสดงความลำบากใจ ผลคือคนผู้นี้ก็ยังตอบรับไปตามสถานการณ์ แค่ไม่กี่ร้อยตัวก็ได้ ทำให้นายท่านจำเป็นต้องตอบรับ ผู้ใดจะทราบว่าพอนายท่านตอบตกลงแล้ว คนผู้นี้กลับวกไปที่เรื่องเพิ่มจำนวนม้าอีก พอเพิ่มจำนวนม้าไม่ได้ก็วกออกประเด็นทันที ไม่คุยต่อแล้ว หากแต่พุ่งเป้ามาที่พวกนางทั้งสองโดยตรง เมื่อไม่ให้ก็ยังเพิ่มราคาเพื่อจะเอาตัวพวกนางให้ได้ แอบใช้ ‘มีด’ มาจ่อเอาไว้ที่เอวเพื่อข่มขู่ แต่ก็ไม่ทำให้เจ้าลำบากใจเช่นกัน หลังจากทำให้เจ้ารู้แจ้งแก่ใจแล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที กระโดดมาที่การร่วมสาบานเลย

ตอนนี้จัดการเรื่องร่วมสาบานได้แล้ว รับรองด้วยสุราอาหารแล้ว ระหว่างพี่น้องพูดคุยกันด้วยดี ประเด็นกลับมาอยู่ที่เรื่องม้าศึกอีกครั้ง วนอ้อมไปมาก็กลับมาที่เดิม ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมาย!

ทั้งสองต่างรู้สึกสงสัย หากว่าเรื่องร่วมสาบานไม่สามารถตกลงกันได้ เต้าเหยี่ยผู้นี้ยังจะเอาเรื่องอะไรออกมาเป็นข้ออ้างต่อหรือไม่

…..

ณ ทะเลสาบที่อยู่ในช่องเขาแห่งหนึ่ง ที่นี่นับเป็นเขตหวงห้าม เป็นเขตหวงห้ามของหยวนกัง ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนบุกรุกเข้ามา

หนิวโหย่วเต้าย่อมถือเป็นข้อยกเว้น เขาค่อยๆ เดินขึ้นไปบนเนินเขา ก้มลงมองดูภาพช่องเขาจากมุมสูง เห็นบนผิวทะเลสาบมีระลอกคลื่นเปล่งประกายระยิบระยับ หากสังเกตดูดีๆ จะพบว่าบนผิวน้ำมีของจำพวกฟางแห้งลอยอยู่ หากมองลงไปจากมุมสูง จะเห็นว่าใต้น้ำมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังแหวกว่ายอยู่รางๆ

ยามที่เข้าใกล้ริมฝั่ง ร่างของแต่ละคนจะผุดขึ้นมาจากน้ำอย่างเงียบเชียบ ค่อยๆ แตะชายฝั่ง

ทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากพุ่มหญ้า การต่อสู้จับกุมอันดุเดือดเปิดฉากขึ้น

ที่อยู่ในน้ำก็ยื้อยุด ที่อยู่บนฝั่งก็ต่อยตี การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายมีคนล้มลงไปแล้วคลานลุกขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านมาปีกว่าแล้ว เมื่อได้รับอาหารบำรุงอย่างเพียงพอ ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือว่าร่างกาย ล้วนเจริญวัยเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แล้ว

หนิวโหย่วเต้าหันหลังกลับไปมองเล็กน้อย เห็นหยวนกังค่อยๆ เดินขึ้นมาจากด้านล่างเนินเขา หนิวโหย่วเต้าหันกลับไปชมฉากต่อสู้ริมทะเลสาบต่อ

หยวนกังมายืนอยู่ข้างๆ เขา เอ่ยถาม “จะไปแคว้นฉีเหรอครับ?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “พรุ่งนี้”

หยวนกังพยักหน้า “ผมจะไปเตรียมตัวหน่อย” หันหลังเตรียมเดินไป

หนิวโหย่วเต้าร้องบอก “นายไม่ต้องไป”

หยวนกังหันกลับมา มองเขาด้วยแววตาลุกวาว ต้องการคำอธิบาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า