ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 251

ตอนที่ 251 ฉลาดไปมักตายเร็ว

เฟ่ยฉางหลิว เจิ้งจิ่วเซียวและเซี่ยฮวาต่างรออยู่ที่นี่เช่นกัน

เมื่อทั้งสองฝ่ายพบหน้า หนิวโหย่วเต้าก็เอ่ยถามว่า “เตรียมพร้อมหมดแล้วกระมัง?”

เฟ่ยฉางหลิวชี้คนสิบห้าคนที่คอยอยู่ “แต่ละสำนักต่างส่งผู้อาวุโสหนึ่งคนมาเป็นผู้นำกลุ่ม ล้วนเป็นยอดฝีมือของทั้งสามสำนัก คนที่อยู่ทางแคว้นฉีก็จะให้ความร่วมมือกับเจ้าด้วย”

หนิวโหย่วเต้าเอียงคอส่งสัญญาณเล็กน้อย กงซุนปู้พยักหน้ารับ ทิ้งศิษย์สองคนไว้ให้หนิวโหย่วเต้า ส่วนตนพาอีกสามคนที่เหลือเข้าไปหายอดฝีมือสิบห้าคนจากสามสำนัก ประสานมือเอ่ยว่า “ทุกท่าน โปรดมากับข้าก่อนเถอะ!”

ยอดฝีมือสิบห้าคนนั้นงุนงง มองไปทางหนิวโหย่วเต้า จากนั้นก็มองไปทางเฟ่ยฉางหลิว คล้ายจะตั้งคำถามอยู่

เฟ่ยฉางหลิวช่วยถามแทนพวกเขา “พวกเขารับผิดชอบคุ้มกันเจ้า ไม่ให้ตามไปกับเจ้าหรือ?”

“ไม่ต้องตามข้ามา” หนิวโหย่วเต้าตอบ จากนั้นหันหลังมองไปที่คนกลุ่มนั้น “พวกเจ้าไปกับเขาเถอะ เขาจะบอกพวกเจ้าเองว่าต้องทำอะไรบ้าง”

คนทั้งกลุ่มไม่ทราบว่าเขากำลังจะทำอะไร ทำตัวลับๆ ล่อๆ แล้วก็ไม่ให้คำอธิบาย สุดท้ายทั้งกลุ่มก็ตามกงซุนปู้จากไป ไม่ได้ใช้ทางหลัก หากแต่เดินหายไปในส่วนลึกของป่า

หลังจากพูดคุยกับพวกเฟ่ยฉางหลิวเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายบอกลากัน ต่างฝ่ายต่างบอกให้รักษาตัว หนิวโหย่วเต้าก็เดินทางออกไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังปากทางของหุบเขา

ลิ่งหูชิว หงซิ่วและหงฝูต่างรออยู่ที่นี่แล้ว เฮยหมู่ตานกับต้วนหู่ก็รออยู่ที่นี่เช่นกัน ครั้งนี้สองคนนี้ติดตามเดินทางไปด้วย ส่วนอู๋ซานเหลี่ยงและเหลยจงคังอยู่เฝ้าที่นี่

ยามที่ทั้งกลุ่มขึ้นหลังม้า ลิ่งหูชิวมองซ้ายมองขวาเล็กน้อย ถามยิ้มๆ ว่า “น้องหนิวไม่พาผู้ติดตามไปให้มากหน่อยหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีศัตรูไม่น้อยเลยนะ”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ กล่าวไปว่า “ไม่จำเป็น ทางแคว้นฉีมีคนของสี่สำนักรออยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือมีพี่ลิ่งหูอยู่ ผู้ใดจะกล้าแตะต้องข้าเล่า? หากมีปัญหาข้าก็แค่ประกาศชื่อของพี่ลิ่งหูออกไป!”

คนผู้นี้คงไม่เที่ยวประกาศไปทั่วว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับตนกระมัง? ความคิดแล่นเข้ามาในสมองของลิ่งหูชิว มุมปากกระตุกเล็กน้อย ยิ้มแห้งๆ ไม่ตอบรับ แล้วก็ไม่ปฏิเสธ

ซางซูชิงที่ยืนอยู่บนเนินเขาเฝ้ามองคณะเดินทางควบม้าจากไป จนกระทั่งคนจากไปหมดแล้ว นางก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น เงียบงันอยู่เป็นเวลานาน แสงตะวันยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ปานที่อยู่บนใบหน้าทำให้คนเกิดความเข้าใจผิด ดูเหมือนตาข้างหนึ่งใหญ่ ข้างหนึ่งเล็ก

ทั้งคณะควบม้าออกจากหุบเขา หลังจากเข้าสู่ทางหลวงแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็ชี้ไปทางตัวเมือง นำทุกคนมุ่งหน้าไป

ลิ่งหูชิวตะโกนถามด้วยความแปลกใจ “น้องหนิว เจ้ามีธุระต้องเข้าเมืองหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พี่ลิ่งหูมาทั้งที ยังไม่ได้ไปเที่ยวชมตัวเมืองจังหวัดชิงซานให้ทั่วเลย เดี๋ยวข้าจะพาพี่ลิ่งหูไปเที่ยวเล่นสักหน่อย”

ลิ่งหูชิวเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ก่อนที่จะมานี่ข้าเคยไปมาแล้ว เมืองนี้ผู้คนพลุกพล่านยิ่งนัก ไม่เหมาะสำหรับเที่ยวเล่น เร่งเดินทางกันเถอะ”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ต้องซื้อของที่ใช้ระหว่างทางหน่อย”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ม้าหลายตัวจึงควบเข้าไปในเมือง ตระเวนไปทั่วเมือง เฮยหมู่ตานซื้อหาข้าวของบางอย่างมาเล็กน้อย จากนั้นทั้งคณะถึงได้ออกจากตัวเมืองอีกครั้ง ควบม้าจากไป

ระหว่างทาง ลิ่งหูชิวมองหนิวโหย่วเต้าอยู่เป็นระยะ มักจะรู้สึกว่าที่เมื่อครู่หนิวโหย่วเต้าเข้าไปในเมืองไม่คล้ายว่าจะไปซื้อของเลย

เขาสังเกตดูข้าวของที่เฮยหมู่ตานซื้อมา ระหว่างทางมีจุดพักม้าอยู่ ของพวกนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อไปด้วยเลย อีกทั้งหนิวโหย่วเต้าก็มีลูกน้องอยู่ไม่น้อย สั่งให้ลูกน้องเตรียมการล่วงหน้าเสียก็สิ้นเรื่อง จำเป็นต้องรอออกมาแล้วค่อยไปซื้อเอาเองด้วยหรือ?

อีกอย่างซื้อของเพียงแค่นี้กลับตระเวนไปรอบเมือง เขารู้สึกหนิวโหย่วเต้าคล้ายจงใจตระเวนไปทั่วเมือง แต่ก็มองไม่ออกว่าหนิวโหย่วเต้ามีแผนการอะไร

……

ณ มณฑลเป่ยโจว จวนท่องคลื่น เซ่าผิงปอได้รับแจ้งจึงเร่งมา มาส่งซูจ้าวโดยเฉพาะ

เมื่อพบหน้าซูจ้าวในเรือน เซ่าผิงปอถามทันที “มีเรื่องหรือ? ไม่ง่ายเลยกว่าท่านจะได้กลับมาสักครั้ง หากไม่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดก็อยู่พักสักสองสามวันสิ”

ซูจ้าวถอนใจ “ไม่มีเรื่องแล้วอย่างไร? เจ้ายุ่งกับงานราชการทั้งวัน ต่อให้ข้าอยู่ เจ้าก็ไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนข้าอยู่ดี”

เซ่าผิงปอแสดงสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย คว้ามือนาง ยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ปลีกตัวมาไม่ได้เลยจริงๆ เอาไว้ต่อไป…”

ซูจ้าวยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากเขาไว้ ห้ามไม่ให้เขาพูดอีก “อย่าเอ่ยสัญญากับข้าอีกเลย เจ้าบอกตัวเองเถอะ เจ้าพูดแบบเดิมมากี่ครั้งแล้ว แต่เคยทำได้สักครั้งหรือไม่? หลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้าเคยมาอยู่เป็นเพื่อนข้าได้สักวันหรือ? กระทั่งตอนที่ถูกขังอยู่ในคุก เจ้าก็ยังยุ่งอยู่กับงานราชการไม่ว่างเว้น”

เซ่าผิงปอถอนหายใจ “ให้เวลาข้าอีกสองสามปี!”

ซูจ้าวลูบหน้าตน “รออีกสองสามปีเกรงว่าข้าคงเป็นป้าหนังเหี่ยวแล้ว เจ้ายังจะชอบอีกหรือ?”

“พี่จ้าว…”

ซูจ้าวปิดปากเขาไว้อีกครั้ง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ล้อเล่นน่ะ ข้ามีธุระจริงๆ เป็นธุระของเจ้าด้วย ข้าต้องรีบไปจัดการ”

ดวงตาเซ่าผิงปอเปล่งประกาย “ม้าศึกหรือ?”

ซูจ้าวส่ายหน้า “มีรายงานจากสายลับที่แฝงอยู่ในจังหวัดชิงซาน หนิวโหย่วเต้า หลังจากหดหัวอยู่ในหุบเขามานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ออกจากหุบเขาแล้ว ดูจากทิศทางแล้วเหมือนกำลังจะออกจากจังหวัดชิงซาน ครั้งนี้ข้าจะไปกำจัดก้างขวางคอให้เจ้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า