ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 257

สรุปบท ตอนที่ 257 มังกรเจียวคำรณจันทร์: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 257 มังกรเจียวคำรณจันทร์ – ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet

บท ตอนที่ 257 มังกรเจียวคำรณจันทร์ ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 257 มังกรเจียวคำรณจันทร์

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “เต้าเหยี่ย มีลิ่งหูชิวอยู่ สำนักเขามหายานอาจจะไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายจริงๆ ก็ได้เจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยทั้งที่หันหลังอยู่ “ต่อให้ลิ่งหูชิวไม่อยู่ สำนักเขามหายานก็ไม่มีทางมาวุ่นวายกับข้า ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องระหว่างข้ากับหวงเลี่ยที่หอหิมะเหมันต์ก่อนหน้านี้ แต่สำนักเขามหายานเองก็ไม่มีทางมาหมกมุ่นยึดติดอยู่กับความแค้นส่วนตัวของเซ่าผิงปอแน่ ต่อให้เปลี่ยนเป็นสำนักหยกสวรรค์ สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่มีทางมายุ่งกับความแค้นส่วนตัวของท่านอ๋องเช่นกัน สำนักเหล่านี้ หากไม่กระทบถึงผลประโยชน์ของพวกเขาจริงๆ พวกเขาไม่มีทางไปหาเรื่องวุ่นวายส่งเดช ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นอย่างที่เจ้าว่ามา มีลิ่งหูชิวอยู่ สำนักเขามหายานต้องไว้หน้าเขาบ้างไม่มากก็น้อย”

เฮยหมู่ตานผงะไปอีกครั้ง คิดมาตลอดว่าเต้าเหยี่ยวางแผนเพื่อจัดการสำนักเขามหายาน คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่เพื่อจัดการกับสำนักเขามหายาน จึงอดถามไม่ได้ว่า “เช่นนั้นแขกที่เต้าเหยี่ยรออยู่คือผู้ใดหรือเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ก็อย่างที่บอกไป ข้ากังวลว่ากลุ่มอิทธิพลลึกลับนั้นจะยื่นมือมาช่วยเหลือเขา กระทั่งสำนักเขามหายานก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่าม ความเป็นไปได้ที่เซ่าผิงปอจะเรียกใช้กลุ่มอิทธิพลเล็กกลุ่มอื่นจึงยิ่งต่ำเข้าไปอีก เพราะว่าโอกาสที่จะทำสำเร็จมีไม่สูง อีกทั้งเคยถูกข้าเล่นงานมาแล้ว เขาไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจง่ายๆ แน่”

“ดังนั้น ขอเพียงมีแขกมา มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นกลุ่มอิทธิพลลึกลับนั่น หากว่ากลุ่มอิทธิพลลึกลับนั่นช่วยเหลือเขาในเรื่องแบบนี้จริงๆ เรื่องม้าศึกก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย กลุ่มอิทธิพลลึกลับนั่นน่าจะมีส่วนร่วมเช่นกัน…ไม่สิ ไม่ใช่แค่น่าจะ แต่ใช่แน่นอน! เรื่องม้าศึกสำคัญต่อเซ่าผิงปอเป็นอย่างยิ่ง ราคาที่ต้องจ่ายหากทำล้มเหลวมีสูงมาก!”

พูดๆ อยู่ก็แค่นหัวเราะหึหึออกมา “หากไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่อยู่ฝั่งเซ่าผิงปอเหล่านั้นเป็นใคร ศัตรูอยู่ในที่ลับ ข้าอยู่ในที่แจ้ง แบบนั้นข้าจะเสียเปรียบอย่างมาก! ห่านผ่านทางย่อมส่งเสียง คนย่างผ่านย่อมทิ้งรอย หากว่าอีกฝ่ายไม่เคลื่อนไหว กระทั่งศัตรูเป็นใครเราก็คงจะไม่รู้ และข้าก็จะไร้ช่องให้ลงมือ แต่ขอเพียงอีกฝ่ายมีความเคลื่อนไหว เช่นนั้นก็จะต้องหลงเหลือร่องรอยเอาไว้อย่างแน่นอน ข้าก็อยากเห็นนักว่าแท้ที่จริงแล้วกลุ่มอิทธิพลลึกลับนั่นเป็นใครกันแน่!”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “เส้นสายของลิ่งหูชิวอาจจะทำให้อีกฝ่ายหวั่นเกรงจริงๆ ก็ได้เจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าทั้งๆ ที่หันหลังอยู่ “ลิ่งหูชิวน่าจะไม่ถึงขั้นที่ทำให้กลุ่มอิทธิพลลึกลับนั้นกริ่งเกรงได้!”

เฮยหมู่ตานแปลกใจ “รู้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าเงียบงันไม่ตอบ ในใจเขาทราบดี เส้นสายของลิ่งหูชิวไม่ได้ถึงขั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง บางทีอาจจะมีอิทธิพลต่อสำนักนิกายอย่างสำนักเขามหายานแบบนั้น แต่สำหรับกลุ่มอิทธิพลที่ใช้งานสัตว์ปีกพาหนะถึงสามตัวได้ ที่บอกว่ามีตำแหน่งในหอเลือนสลัวก็คงไม่เกินจริง อีกฝ่ายไม่แน่ว่าจะเห็นนายหน้าอย่างลิ่งหูชิวอยู่ในสายตาเลย เรื่องที่จะเกรงกลัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เมื่อเห็นเขาไม่เล่าถึงเหตุผล แต่ในฐานะคนที่คอยชมอยู่ด้านข้างแล้ว เฮยหมู่ตานจึงมีหน้าที่เสนอความเห็นให้พิจารณา กล่าวเตือนไปว่า “เต้าเหยี่ย ท่านอย่าลืมนะเจ้าคะ ท่านเองก็ทราบว่าม้าศึกสำคัญกับเซ่าผิงปอเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ม้าศึกต่างหากถึงจะเป็นเรื่องเร่งด่วน บางทีสมาธิความสนใจของเซ่าผิงปออาจจะไปอยู่ที่ม้าศึกหมดแล้ว ตอนนี้เลยไม่มีสมาธิมาจัดการท่าน”

หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เขาต้องอยากกำจัดข้าแน่นอน ข้าเก็บตัวไม่เผยตัวมาปีกว่า เขาไม่สบโอกาสลงมือเลย ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะออกมาสักครั้ง หากกลับไปเก็บตัวอีก เขาคิดจะลงมืออีกก็เกรงว่าไม่รู้ต้องรอไปจนถึงเดือนไหนปีใด เขาจะทนอยู่เฉยได้หรือ?”

“ข้าสามารถจับตามองทางมณฑลเป่ยโจวได้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่จับตามองจังหวัดชิงซาน ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะไม่วางสายลับไว้ในจังหวัดชิงซานเลย ข้าจงใจไปตระเวนภายในเมืองแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่ข้าออกมาจากหุบเขา”

“เหตุผลที่ข้าไม่รีบร้อนเดินทาง เหตุผลที่ข้ากำลังรอแขก ก็เพราะข้าอยากรู้ว่ากลุ่มอิทธิพลลึกลับนั้นเป็นผู้ใดกันแน่ หากไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย เดิมทีเรื่องที่พวกเราจะไปจัดการในแคว้นฉีมันก็อาจจะยากลำบากอย่างมากอยู่แล้ว แล้วถ้าเกิดยังมีกลุ่มอิทธิพลลึกลับที่พร้อมจะลงมือกับเจ้าได้ตลอดเวลาเช่นนี้ เรื่องราวมันจะยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่…”

สุดท้ายก็ถอนใจออกมา

เฮยหมู่ตานสัมผัสได้ถึงความกังวลที่อยู่ภายใต้ความสงบเยือกเย็นของเขา พอได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ นางก็พอจะเข้าใจถึงความพยายามในการวางแผนเพื่อออกมาจากหุบเขาของเขาเล็กน้อยแล้ว แล้วก็ทราบแล้วว่าที่เต้าเหยี่ยออกจากหุบเขามาจัดการเรื่องม้าศึกนั้นทั้งลำบากและอันตรายกว่าทางสำนักหยกสวรรค์มากนัก ในใจอดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมาเช่นกัน

“เก็บกวาดซะ” หนิวโหย่วเต้ายื่นจดหมายที่ถือไว้ด้านหลังให้นาง พลางชี้ไปยังแผนที่

เฮยหมู่ทำลายจดหมายลับทิ้งทันที เครื่องหมายตามเส้นทางน้ำบนแผนที่ก็ถูกลบจนเกลี้ยง

“อู้ว…อู้ว…อู้ว…”

ในเวลานี้เอง มีเสียงร้องสามครั้งดังสะท้อนไปมาจากด้านนอก เสียงไม่นับว่าดังมากนัก แต่กลับทรงพลังทะลุทะลวง ราวกับต้องการให้ทะลุไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

ทั้งสองสบตากันเล็กน้อย พุ่งไปที่ริมหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

แสงจันทร์ที่ดูคล้ายสายน้ำอาบไล้ลงบนหอไร้ขอบเขต แล้วก็ทำให้ทะเลสาบเปล่งประกายระยิบระยับ เมื่อมองไปตามทิศทางที่เสียงแว่วมา เห็นเสาสามต้นลอยพ้นผิวขึ้นมารางๆ สองต้นใหญ่หนึ่งต้นเล็ก ผิวน้ำไหวกระเพื่อมเป็นระลอก

ขนาดร่างกายของเสาต้นใหญ่ทั้งสองต้นใหญ่พอๆ กับต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่มานาน ส่วนขนาดของเสาต้นเล็กเทียบกันแล้วเล็กกว่าเกินครึ่ง

เห็นได้ชัดเจนว่ามีเกล็ดปกคลุมร่างกาย ภายใต้การหักเหของแสงจันทร์ ดูคล้ายกับมีรัศมีเลือนสลัวปกคลุมเอาไว้อยู่

การขยับตัวเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่ามันกำลังเชิดหน้ากู่ร้องต่อจันทราอยู่ มังกรเจียวคำรณจันทร์!

จนใจที่พวกมันอยู่ใจกลางทะเลสาบ ห่างออกไปค่อนข้างไกล ซ้ำยังเป็นตอนกลางคืน ประกอบกับมีการรบกวนจากแสงจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน

หนิวโหย่วเต้าโบกมือคราหนึ่ง คิดจะใช้พลังปราณชี้นำผีเสื้อจันทราให้บินเข้าไปส่องสว่าง เพื่อจะได้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น

ผู้ใดจะคาดว่ามีคนที่อดใจรอไม่ไหว บนสะพานหินที่พาดยาวแห่งหนึ่ง มีคนชี้นำผีเสื้อจันทราให้บินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าในขณะที่ผีเสื้อจันทรากำลังจะเข้าใกล้ พลันเกิดเสียงซ่าดังสนั่น หางขนาดใหญ่หางหนึ่งตวัดขึ้นมาจากในน้ำ ถึงแม้หางจะใหญ่ แต่กลับว่องไวเป็นอย่างยิ่ง เพียงพริบตาก็ฟาดผีเสื้อจันทราจนหายไปแล้ว

“ฮ่าๆ…” มีเสียงหัวเราะที่สะกดไว้ไม่อยู่แว่วมาจากด้านนอกทันที

หนิวโหย่วเต้าผงะไป จำเป็นต้องหยุดผีเสื้อจันทราของตนไว้

“อู้ว…อู้ว…อู้ว…”

มีเสียงมังกรกู่ร้องสามเสียงแว่วมาจากผิวทะเลสาบอีกครั้ง ต่อเนื่องและยาวนาน ดึงดูดสายตาของเหล่าผู้คน

ภายใต้สายตาของทุกคนที่มองดูอยู่ ศีรษะของมังกรเจียวทั้งสามตัวค่อยๆ จมลงไปใต้ผิวน้ำ สุดท้ายก็หายลับไปจากผิวน้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับ

ลิ่งหูชิวที่ยืนมองอยู่ริมหน้าต่างเช่นกันหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา ตอนที่เงยหน้ามองจันทราบนท้องฟ้ายามราตรี กลับมีเสียงเคาะประตูแว่วมาจากด้านนอกดัง ‘ก๊อกๆ’

หงซิ่วไปเปิดประตู ด้านนอกมีชายร่างท้วมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เอ่ยถามว่า “ท่านลิ่งหูอยู่หรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าสนใจขึ้นมาทันที “พาข้าไปทำความรู้จักสักหน่อยได้หรือไม่?”

ลิ่งหูชิวโบกมือ ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ด้วยเบื้องหลังของอีกฝ่าย ข้าไม่สะดวกจะพาคนไปด้วย ที่มาเพราะอยากถามเจ้าว่า เจ้าไม่มีธุระอะไรต้องออกไปข้างนอกใช่หรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้างุนงงไปเล็กน้อย “ข้าจะมีธุระอะไรได้ เวลานี้แล้ว ย่อมต้องพักผ่อนเข้านอน จะออกไปทำไมเล่า? หากอยากเดินเที่ยวก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยว่ากัน”

ลิ่งหูชิวพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ได้ยินว่าเจ้ามีศัตรูไม่น้อย ด้วยสภาวะของพวกเจ้าสามคนทำให้ข้านึกเป็นห่วงจริงๆ ตอนที่ข้าไม่อยู่กับพวกเจ้า พยายามอย่าออกไปเพ่นพ่านจะดีกว่า”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ พลางกล่าวว่า “ทำให้พี่ลิ่งหูต้องเป็นห่วงเสียแล้ว พี่ลิ่งหูวางใจเถอะ ข้าไม่ออกไปเพ่นพ่านที่ไหนแน่นอน พี่ลิ่งหูไปพบสหายอย่างสบายใจได้เลย”

“ดี!” ลิ่งหูชิวพยักหน้า ขอพียงอีกฝ่ายอยู่ในโรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องใดขึ้น เขาเองก็นับว่าออกไปอย่างหายห่วงได้

ภายในหอที่มืดสลัวไร้ซึ่งแสงสว่างที่อยู่ใกล้ๆ โรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์แห่งหนึ่ง ชายร่างผอมสูงคนหนึ่งยืนยกมือไพล่หลังอยู่ตรงหน้าต่าง สายตาจ้องมองทางเข้าออกของโรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์โดยไม่ละสายตา

มีเสียงเปิดประตูแว่วจากด้านหลัง ชายร่างท้วมเดินเข้ามา เป็นหลี่เจินที่ไปพบลิ่งหูชิวเมื่อครู่นี้ เขาเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายชายผอมสูงแล้วกระซิบบอก “เขาตกลงแล้วขอรับ”

ชายผอมสูงถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เขามีปฏิกิริยาอย่างไร ไม่นึกสงสัยกระมัง?

หลี่เจินตอบว่า “ดูปกติ น่าจะไม่สงสัยอะไรขอรับ อยู่ภายในพื้นที่ของหอไร้ขอบเขต ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ไปพบเถ้าแก่ร้านสำนักเลิศเมฆาจะมีเรื่องอันใดได้เล่า? ไม่มีเหตุผลที่ต้องนึกสงสัยเลยขอรับ!”

ชายผอมสูงถามอีกครั้ง “ตอนที่เจ้าบอกเขา เขาไม่ได้อยู่กับเป้าหมายใช่หรือไม่?”

“ไม่อยู่ขอรับ! ข้าเข้าห้องไปในห้อง ไม่เห็นเป้าหมายอยู่ในนั้น” หลี่เจินตอบ จู่ๆ ก็ลดเสียงต่ำลง “ออกมาแล้ว”

ชายผอมสูงตวัดสายตามอง จ้องมองไปยังลิ่งหูชิว หงซิ่วและหงฝูที่เดินออกมาจากโรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์ จากนั้นโบกมือให้สัญญาณเล็กน้อย

หลี่เจินหยิบเอากล่องโลหะขนาดเล็กที่ห้อยอยู่ตรงเอวเสมือนพู่หยกขึ้นมาเปิดออก เรียกผีเสื้อจันทราที่พักผ่อนอยู่ด้านในออกมา

ผีเสื้อจันทราโบยบิน ภายในห้องที่ดำมืดพลันมีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา

ทั้งสองเดินหลบออกมาจากริมหน้าต่าง

รออยู่ครู่หนึ่ง แสงสว่างภายในห้องหายไปอีกครั้ง หน้าต่างอีกบานหนึ่งถูกเปิดออกไป ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นตรงริมหน้าต่างที่อยู่อีกด้านหนึ่ง มองตามพวกลิ่งหูชิวที่จากไป

…………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า