ตอนที่ 256 ล้วนเพ่งเล็ง
หนิวโหย่วเต้าจ้องมองแผนที่บนโต๊ะแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “นอกจากม้าศึกแล้วข้าก็คิดไม่ออกว่าจะมีสิ่งใดที่ควรค่าพอให้เขาเสี่ยงอันตรายไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ในแคว้นหาน”
เฮยหมู่ตานถาม “จากแคว้นฉีหรือเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าว “เมื่อสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต้องเผชิญก็ย่อมไม่ต่างกันมากนัก ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีทางเลือกอันใดมากนัก ม้าศึกในสองจังหวัดของท่านอ๋องก็ยังต้องการจากทางแคว้นฉีเลย มณฑลเป่ยโจวมีพื้นที่ใหญ่โตขนาดนั้น หากต้องการม้าศึกก็ไม่มีตัวเลือกอื่นใดแล้ว”
“เส้นทางนี้แทบจะตัดผ่านทั่วทั้งแคว้นหานแล้ว มณฑลเป่ยโจวใจกล้าจริงๆ!” เฮยหมู่ตานจ้องมองแผนที่พลางร้องจุ๊ๆ ออกมา
“หากไม่ใจกล้าจะสามารถฮุบกลืนมณฑลเป่ยโจวได้หรือ?” นิ้วของหนิวโหย่วเต้าเคาะลงในตำแหน่งมณฑลเป่ยโจว เอ่ยยิ้มๆ “นี่คือคนที่กล้าต่อกรกับแคว้นหานและแคว้นเยี่ยน สำหรับเขาแล้ว การหยิบยืมเส้นทางน้ำของแคว้นหานมาใช้ไม่นับเป็นอันใดได้เลย เส้นทางน้ำสายนี้ก็ใช่ว่าจะซื้อความสะดวกได้ในระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งไม่กล้าให้แคว้นหานรับรู้ มีแต่จะต้องแอบจัดการอย่างเงียบๆ คาดว่าคงลงแรงไปกับเส้นทางน้ำสายนี้ไว้นานแล้ว พูดอีกอย่างก็คืออีกฝ่ายวางแผนไว้นานแล้ว ไม่เคยกลัวแคว้นหานมาตั้งแต่แรกแล้ว ข้ามหน้าข้ามตาแคว้นหานประหนึ่งว่าแคว้นหานไร้ซึ่งผู้คนอย่างไรอย่างนั้น!”
เฮยหมู่ตานเงยหน้าถาม “เช่นนี้แล้ว แสดงว่าสำนักเขามหายานมีความมั่นใจว่าจะนำเข้าม้าศึกจากแคว้นฉีได้หรือเจ้าคะ?”
“เกรงว่าจะไม่ได้มีแค่สำนักเขามหายานน่ะสิ เบื้องหลังเขาอาจจะมีกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่กว่าและลึกลับกว่าอยู่…” หนิวโหย่วเต้าหรี่ตาลงพลางเอ่ยกับตัวเอง
ที่เขาวิเคราะห์มาเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลอยู่ ตอนเกิดเรื่องลู่เซิ่งจง เฉินกุยซั่วรีบส่งข้อความมาอย่างเร่งด่วน ภายหลังพอสบโอกาสว่างถึงได้รายงานกลับมาอย่างละเอียดอีกครั้ง
เฉินกุยซั่วแจ้งมาอย่างชัดเจนว่าเห็นคนลึกลับกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายเซ่าผิงปอ ลู่เซิ่งจงไม่ได้พลาดท่าติดกับง่ายๆ แต่เป็นเพราะคนลึกลับกลุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้น ถึงทำให้ลู่เซิ่งจงถูกจับกุมอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ลำพังสัตว์ปีกพาหนะสามตัวก็ทำให้หนิวโหย่วเต้าแอบรู้สึกตกใจแล้ว
ราคาของสัตว์ปีกพาหนะนั้นไม่ใช่ถูกๆ เลย หนึ่งตัวอย่างต่ำๆ ก็ต้องเป็นสิบล้านเหรียญทอง สำนักเขามหายานซื้อของสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ไม่ไหว
กลุ่มอิทธิพลที่สามารถใช้สัตว์ปีกพาหนะได้ นอกจากราชวงศ์แคว้นต่างๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็มีเพียงกลุ่มอิทธิพลในโลกบำเพ็ญเพียรที่มีตำแหน่งและมีคุณสมบัติออกความเห็นใน ‘หอเลือนสลัว’ เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ได้มีสัตว์ปีกพาหนะแค่ตัวเดียว หากแต่โผล่มาทีเดียวถึงสามตัว!
หลังจากเรื่องในครั้งนั้น เขาก็ตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าเบื้องหลังเซ่าผิงปอคนนั้นยังมีกลุ่มอิทธิพลที่ลึกลับเกินหยั่งได้แอบซ่อนตัวอยู่
เฮยหมู่ตานแปลกใจ “เต้าเหยี่ย ท่านจะบอกว่าเบื้องหลังเซ่าผิงปอยังมีกลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่กว่าสำนักเขามหายานอยู่อีกหรือเจ้าคะ? ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเปล่าเจ้าคะ หากเป็นอย่างที่ว่าจริง เหตุใดถึงไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไรในเป่ยโจวเลย ไหนเลยจะปล่อยให้สำนักเขามหายานครอบครองผลประโยชน์บนมณฑลเป่ยโจวเพียงลำพังได้? หากเบื้องหลังเซ่าผิงปอมีกลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นอยู่จริงๆ เต้าเหยี่ยเป็นศัตรูกับเขา กลุ่มอิทธิพลนั้นไหนเลยจะนิ่งดูดายได้?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเบาๆ “ดังนั้นข้าถึงได้บอกไงว่ากลุ่มอิทธิพลนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก คล้ายจะไม่กล้าเผยตัวออกมา เอาเป็นว่ากลุ่มอิทธิพลนี้มีตัวตนอยู่อย่างแน่นอน แต่ข้อมูลที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ยังน้อยเกินไป เพียงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอิทธิพลนี้กับเซ่าผิงปออออกจะแปลกๆ ก็เหมือนอย่างที่เจ้าว่ามา ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร”
เรื่องการมีอยู่ของกลุ่มอิทธิพลลึกลับนี้ เฮยหมู่ตานไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไร อดไม่ได้ที่จะมองดูจดหมายในมือเขาเล็กน้อย ไม่รู้ข่าวที่ว่านั้นจะมาจากคนเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังจดหมายลับฉบับนี้หรือเปล่า
นางรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจัดวางสายลับที่อันตรายเช่นนี่ไปอยู่ข้างกายเซ่าผิงปอตั้งแต่เมื่อไร สายลับคนนี้เรียกว่าแทรกซึมอยู่ในจุดสำคัญของเซ่าผิงปอก็ว่าได้
เหตุผลที่กล่าวเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เซ่าผิงปอจะต้องเก็บเรื่องลักลอบใช้เส้นทางน้ำในแคว้นหานไว้เป็นความลับสุดยอดอย่างแน่นอน หากมิใช่คนที่เซ่าผิงปอไว้วางใจล่ะก็ เขาก็ไม่มีทางส่งไปตรวจสอบเส้นทางน้ำสายนี้ได้ การที่สายลับผู้นั้นสามารถเข้าใกล้กลุ่มอิทธิพลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเซ่าผิงปอได้ก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลดี
แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้ จู่ๆ เฮยหมู่ตานพลันรู้สึกยินดีขึ้นมา เต้าเหยี่ยเห็นนางเป็นคนกันเองแล้วจริงๆ มิเช่นนั้นไม่มีทางปล่อยให้ตนได้ทราบถึงการมีอยู่ของสายลับที่ลึกลับคนนี้แน่นอน
พริบตานั้นเอง เฮยหมู่ตานพลันอารมณ์ดีขึ้นมา!
หนิวโหย่วเต้ากล่าวต่อว่า “คนอย่างเซ่าผิงปอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าได้เจอหน้าพูดคุยกับเขา ข้าก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนเช่นไร ต้องมิใช่คนธรรมดาแน่นอน ไม่ว่ากลุ่มอิทธิพลนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ลึกลับแค่ไหน เซ่าผิงปอก็ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายบงการตามใจชอบแน่นอน ช้าเร็วทั้งสองฝ่ายจะต้องปะทะกันแน่!”
จู่ๆ เฮยหมู่ตานพลันหลุดขำดัง ‘พรืด’ ออกมา
หนิวโหย่วเต้างุนงง อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยไปว่า “ดูเหมือนเจ้าจะอารมณ์ดีเชียวนะ”
เฮยหมู่ตานยักคิ้วหลิ่วตาให้เขา “ข้าดีใจต่างหากล่ะเจ้าค่ะ สายลับที่อยู่ข้างกายเซ่าผิงปอเป็นใครหรือเจ้าคะ? ท่านวางใจได้ ถึงตีให้ตายข้าก็ไม่พูดออกไปแน่นอน!”
ในที่สุดหนิวโหย่วเต้าก็เข้าใจแล้วว่านางดีใจอะไร เขาเปลี่ยนประเด็นไปว่า “แค่นี้ก็ทำให้เจ้าหัวเราะได้แล้วหรือ?”
เฮยหมู่ตานมองหยามคราหนึ่ง เวลาที่ไม่มีคนนอกอยู่ สตรีนางนี้จะเหิมเกริมกับหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นหยอกล้อสองแง่สองง่าม นี่ก็คือข้อได้เปรียบของสตรี หากมีบุรุษมาหยักคิ้วหลิ่วตาเช่นนี้ใส่หนิวโหย่วเต้า เกรงว่าคงถูกตีตายไปแล้ว
เมื่อเห็นเขาไม่พูด เฮยหมู่ตานก็ไม่จี้ถามอีก ทราบว่าเรื่องบางอย่างเปิดเผยไม่ได้ นางถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ข้าเพียงแค่รู้สึกทอดถอนใจเจ้าค่ะ ท่านกับเซ่าผิงปอเป็นศัตรูกันมิใช่หรือ แต่เมื่อครู่พอได้ยินท่านกล่าวมาเช่นนี้ ข้ากลับเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมา”
นางคือคนที่เคยมีส่วนร่วมในการเผยแพร่เพลงกล่อมเด็กเพลงนั้น ทราบถึงปมบาดหมางระหว่างหนิวโหย่วเต้าและเซ่าผิงปอ ส่วนเรื่องหอหิมะเหมันต์ไม่ขอเอ่ยถึงแล้ว นางรู้ดีว่าทั้งสองเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน
หนิวโหย่วเต้าสงสัย “รู้สึกอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า