ตอนที่ 267 พี่จ้าวประมาทนัก
ทั้งสองก็ทราบแต่แรกแล้วว่าอาจจะมีอันตราย แต่ก็ไม่คิดว่าจะอันตรายขนาดนี้ อีกฝ่ายยังไปไม่ถึงแคว้นฉีก็ถูกยอดฝีมือตามล่าแล้ว!
ภายในใจของทั้งสองรู้สึกผิดหรือไม่ไม่รู้ ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้ของหนิวโหย่วเต้าจะสำเร็จหรือไม่ จิตใจพวกเขาก็เต็มไปด้วยความมืดมนอันหนักอึ้งแล้ว
เฟ่ยฉางหลิวอธิบายว่า “ท่านหญิง ทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่หนิวโหย่วเต้าวางเอาไว้ ศิษย์ของสามสำนักได้แต่ต้องทำตามแผนของเขา ถึงศิษย์ของสามสำนักอยากจะเข้าขัดขวางก็ไม่มีโอกาสเลย ต่อมาเขากับจั๋วเชามุดลงไปต่อสู้กันใต้ดินอีก ต่อให้ศิษย์ของสามสำนักอยากจะเป็นกำลังเสริมให้ความช่วยเหลือเขาก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีทักษะดำดินเหมือนอย่างพวกเขาสองคน กระทั่งทั้งสองดำดินขึ้นมาอีกครั้ง ศิษย์ของสามสำนักจึงลงมือทันที ศิษย์ระดับโอสถทองสองคนต้องตายไปเพราะเหตุนี้ จะบอกว่าปล่อยปละละเลยได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ท่านหญิงพ่ะย่ะค่ะ!” หลานรั่วถิงเอ่ยเรียกสติคำหนึ่ง ขัดไม่ให้ซางซูชิงพูดต่อ เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว และผ่านพ้นไปแล้ว มัวพูดถึงเรื่องนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ มาตำหนิสามสำนักเช่นนี้ก็ไม่เหมาะ เพื่อจัดหาม้าศึกให้ทางนี้ ดูเหมือนว่าสามสำนักก็ประสบความสูญเสียในแคว้นฉีไปไม่น้อยเช่นกัน
ไป๋เหยาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าสำนักเฟ่ย ท่านบอกว่าหนิวโหย่วเต้ากับจั๋วเชาต่างมีทักษะดำดินอย่างนั้นหรือ?”
เฟ่ยฉางหลิวเงียบไปเล็กน้อย พยักหน้านิดๆ “หนิวโหย่วเต้าดำดินลงไปก่อน จั๋วเชาไล่ตามไปสังหาร…”
….
พระอาทิตย์แผดแสงร้อนระอุ แม่น้ำแห้งขอด กลุ่มคนที่ดูราวกับมดงานกำลังทำงานยุ่งง่วนอยู่ในช่องว่างระหว่างภูเขาสองลูก บ้างก็ขุด บ้างก็ยก
คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บนคันดินกั้นน้ำ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสองคนกางแผนที่อธิบายภูมิประเทศอยู่ต่อหน้าเซ่าผิงปอ
ชายคนหนึ่งแบกดินโคลนหาบหนึ่งเดินไปตามฝั่งอย่างเชื่องช้า จู่ๆ เท้าพลันลื่นไถล ล้มหกคะเมนลงบนริมฝั่งที่ลาดเอียง เพื่อนร่วมงานวางหาบลงแล้วเข้าไปช่วยเหลือทันที
เสียงเอะอะวุ่นวายนี้ดึงดูดความสนใจของเซ่าผิงปอที่จ้องมองแผนที่อยู่ให้เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็แหงนหน้ามองร่มที่กางกั้นแดดอยู่เหนือศีรษะ เขาหันกลับไปทันที พลันสะบัดมือออกไป ปัดร่มกันแดดที่เจ้าหน้าที่คนนั้นถือไว้ร่วงลงพื้น เอ่ยอย่างเย็นชา “ชาวบ้านตากแดดทำงานหนัก เจ้ายังมาเสแสร้งวางท่ากางร่มอยู่อีก คิดอะไรอยู่ จะให้ชาวบ้านมองข้าอย่างไร?”
เจ้าหน้าที่ที่กางร่มให้คนนั้นตกใจ ทิ้งตัวคุกเข่าลงไปกับพื้น โขกศีรษะอย่างต่อเนื่องพลางเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ เป็นข้าน้อยเลอะเลือนไป เป็นข้าน้อยเลอะเลือนไปขอรับ!”
เซ่าผิงปอหันไปมองลูกหาบที่พยายามลุกขึ้นมาคนนั้นอีกครั้ง ถามอย่างเย็นชา “เหตุใดเขาถึงสะดุดล้ม?”
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านข้างตอบอย่างระมัดระวัง “น่าจะเป็นเพราะอายุมากแล้ว เดินเหินไม่คล่องแคล่วขอรับ!”
เซ่าผิงปอจ้องมองเขาด้วยสายตาเยียบเย็น “แน่ใจหรือว่าไม่ได้เป็นเพราะมีคนยักยอกเสบียง ทำให้คนงานกินไม่อิ่มท้อง หิวโหยจนมือเท้าอ่อนแรง?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบอธิบายทันที “ไม่มีเรื่องนี้แน่นอนขอรับ ด้วยคำสั่งอันเข้มงวดของคุณชายใหญ่ ต่อให้ข้าน้อยมีความกล้ากว่านี้สักหมื่นเท่าก็ไม่กล้าละเลยการตรวจสอบขอรับ!”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ข้ายังคงยืนยันคำเดิม คนอยู่ดินแดนยัง คนพังก็รักษาดินแดนไว้ไม่ได้ บุคลากรเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของมณฑลเป่ยโจวเรา! ความเหนื่อยยากของทุกคนข้าเองก็ทราบดี แต่คนงานเหล่านี้ต้องใช้เรี่ยวแรงเพื่อทำงานทั้งสิ้น หากกินไม่อิ่มท้องแล้วจะทำงานได้อย่างไร? ข้าไม่ได้เรียกร้องให้พวกเจ้าทำอาหารให้พวกเขากินทุกมื้อ แต่หนึ่งวันมีสามมื้อ หนึ่งถึงสองมื้อเป็นบรรทัดฐานขั้นต่ำสุด หากมีผู้ใดสมคบคิดกับคหบดียักยอกเสบียงอาหารไป หากมีคนหิวตายขึ้นมา คลองผันน้ำสายนี้จะเป็นหลุมฝังศพของพวกเขาทั้งครอบครัว! ข้ายังคงยืนยันคำเดิม หากพบเห็นใครทุจริต ข้าจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด”!
“ขอรับๆๆ!” เจ้าหน้าที่คนนั้นยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผาก “คุณชายใหญ่โปรดวางใจ ทุกอย่างล้วนจัดการตามที่คุณชายใหญ่สั่งการขอรับ”
เซ่าผิงปอชี้ไปยังช่องว่างระหว่างภูเขาสองลูกที่ถูกขุดอยู่ เอ่ยว่า “ก่อนฤดูฝนจะมาเยือน คลองผันน้ำแห่งนี้จะต้องขุดลอกให้เปิดใช้งานได้ มิเช่นนั้นหากน้ำหลากมาตามลำคลองก็จะไม่สามารถทำงานได้ ช่วงเวลาทำงานจะล่าช้าออกไปอีกหนึ่งปี ระบบชลประทานของที่ราบหลังภูเขาล้วนขึ้นอยู่กับที่นี่ ซึ่งมันจะกระทบถึงพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ของเมืองที่เป็นผลผลิตของทั้งปี จะส่งผลกระทบต่อปากท้องของผู้คนมากมาย และส่งผลกระทบต่อการสร้างตัวตั้งรกรากของคนจำนวนมาก ภาระที่เจ้ารับผิดชอบใหญ่หลวงนัก!”
เจ้าหน้าที่คนนั้นกล่าวว่า “คุณชายใหญ่โปรดวางใจ ข้าน้อยจะต้องขุดลอกให้สำเร็จก่อนฤดูฝนมาเยือนแน่ขอรับ!”
เซ่าผิงปอปรายตามองอย่างเย็นชา “พูดจาน่าฟังไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะทำได้?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นกัดฟันเอ่ยว่า “เรียกระดมแรงงานจากกลุ่มผู้ลี้ภัยอีกครั้ง เพิ่มคนเข้าไปเร่งทำงานขอรับ!”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เพิ่มคนเข้าไปแล้ว เจ้าจะรับประกันเรื่องปากท้องคนงานอย่างไร?”
เจ้าหน้าที่ตอบว่า “เมื่อสร้างคลองผันน้ำเสร็จแล้ว น้ำไหลผ่านที่นาของใคร คนนั้นย่อมเป็นคนออกเงินและส่งมอบเสบียง ข้าน้อยจะไปเจรจากับคหบดีเหล่านั้นขอรับ”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “พูดจามีเหตุผล! เพียงแต่ข้ามีข้อเรียกร้องสองข้อ ข้อแรกคือคนงานที่มาทำงานต้องไม่อดตาย ข้อที่สองคือเจ้าห้ามทำตัวหยาบคายไร้เหตุผลกับคหบดีเหล่านั้น ต้องพูดจาด้วยเหตุผล ใช้เหตุผลชี้แจงให้ชัดเจน หากว่าทำให้คนตกใจหนีไป หากสร้างผลกระทบในทางเลวร้ายจนทำให้คณบดีรายอื่นๆ หลบหนีไปด้วย และกระทบต่องานใหญ่ของข้า ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!”
เจ้าหน้าที่โอดครวญอยู่ในใจ ทว่ายังคกัดฟันตอบไปว่า “ข้าน้อยจดจำไว้แล้วขอรับ!”
“รายงานความคืบหน้าของโครงการทุกสามวัน ข้าจะรอฟังข่าวจากเจ้าอยู่ที่มณฑลเป่ยโจว”
“ขอรับ!”
เซ่าผิงปอกวาดตามองเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้ เอ่ยเนิบๆ ว่า “ทุกท่านทำงานเพื่อประชาชนในมณฑลเป่ยโจวอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่อาจเอาเปรียบทุกท่านได้” เขาหันไปเอ่ยกับแม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านข้าง “แม่ทัพสวี เรียกรวมตัวสมาชิกในครอบครัวของเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ในท้องถิ่น จัดส่งไปอยู่ที่จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจวพร้อมกัน ข้าจะช่วยดูแลครอบครัวพวกเขา ให้พวกเขาได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสบายใจ”
แม่ทัพสวีประสานมือรับคำสั่ง “ขอรับ”
เซ่าผิงปอเอ่ยกับเหล่าเจ้าหน้าที่อีกครั้ง “ก่อนที่ฤดูฝนจะมาเยือน ทุกท่านต้องทุ่มเทกายใจขุดลอกคลองผันน้ำสายนี้ให้เสร็จ ข้าจะรอฟังข่าวดีจากทุกท่านอยู่ที่มณฑลเป่ยโจว เมื่อได้รับข่าวดี ข้าจะส่งตัวครอบครัวของทุกท่านกลับมา มาแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยตัวเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า