ตอนที่ 292 หนี้บุตรีบิดาชดใช้
ครองคู่กันมานานหลายปี ฮองเฮารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงลองเอ่ยถาม “ชิงชิงก่อเรื่องอีกแล้วหรือเพคะ?”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว” เฮ่าอวิ๋นถูกล่าวพลางลุกขึ้นเดินจากไป จะหาตัวเผยเหนียงจื่อพบเมื่อไรก็ยังไม่รู้ เขาไม่มีทางนั่งรอนางมาหาที่นี่อยู่แล้ว
บังเอิญว่าพวกเฮ่าชิงชิงก็เดินทางกลับมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันพอดี แม้ว่าเฮ่าชิงชิงที่ได้ออกจากวังจะไม่อยากกลับมาเร็วขนาดนี้ก็ตาม
เผยเหนียงจื่อที่ยังอยู่นอกวังได้พบกับคนที่องค์ฮ่องเต้ส่งออกมาตามตัวนางพอดี จึงล่วงหน้ากลับเข้าวังมาก่อนเฮ่าชิงชิง
ยามที่เข้าพบเฮ่าอวิ๋นถู เฮ่าอวิ๋นถูกำลังนั่งจัดการงานราชการอยู่ในตำหนัก
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท!” เผยเหนียงจื่อที่เดินเข้ามายืนอยู่ด้านล่างประสานมือคารวะ
เฮ่าอวิ๋นถูวางเอกสารในมือลง เงยหน้ามอง เอ่ยถาม “ชิงชิงออกไปดูเรื่องครื้นเครงอีกแล้วหรือ?”
เผยเหนียงจื่อตอบอย่างนอบน้อมยำเกรง “ใช่เพคะ”
เฮ่าอวิ๋นถูถามต่อ “สาวน้อยคนนั้นไม่รู้จักโตสักที แล้วผลการต่อสู้ที่ลานน้ำตกเหินหาวเป็นอย่างไร?”
เผยเหนียงจื่อรายงานผล “เสวียนจื่อชุนผู้ท้าสู้ถูกหนิวโหย่วเต้าส่งคนกลุ่มหนึ่งไปสังหารเพคะ…” นางบอกเล่าเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ รวมถึงเรื่องที่เฮ่าชิงชิงไปพบหนิวโหย่วเต้าในตอนหลังด้วย
เฮ่าอวิ๋นถูยิ้มออกมา คล้ายจะนึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่มิใช่สนใจว่าหนิวโหย่วเต้าสังหารคนเช่นไร หากแต่สนใจเรื่องอื่น “ชิงชิงไปเล่นกับฮูเหยียนเวยอย่างนั้นหรือ?”
เผยเหนียงจื่อทราบดีว่าเขาสนใจอะไร คำพูดบางอย่างไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือไม่ ในฐานะสตรีนางเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับฮูเหยียนเวยสักเท่าไร แต่คำพูดบางอย่างก็ไม่ใช่ถ้อยคำที่นางสมควรพูด จึงเอ่ยวาจาที่แฝงคำเตือนไว้ “ฮูเหยียนเวยชอบไปเที่ยวสถานเริงรมย์ องค์หญิงรังเกียจเรื่องนี้ยิ่งนัก พบหน้าฮูเหยียนเวยก็ไม่พูดดีด้วยเลยเพคะ”
เฮ่าอวิ๋นถูเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “เขาเป็นบุรุษ พอจะเข้าใจได้ ตอนนี้ฮูเหยียนเวยก็ไม่มีภาระใดให้จัดการ ยังอยู่ในวัยหนุ่ม จึงทำตัวเสเพลไปบ้าง เอาไว้มีครอบครัวมีงานทำ เข้าใจว่าภาระหน้าที่คืออะไร เดี๋ยวเขาก็สำรวมขึ้นเองนั่นแหละ ทางครอบครัวเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาลอยชายแบบนี้ไปได้ตลอดหรอก ซานเหนียง เจ้าเป็นคนสนิทข้างกายชิงชิง หลักเหตุผลบางอย่างต้องอธิบายกับชิงชิงให้มากหน่อย เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?”
“เพคะ!” เผยเหนียงจื่อตอบรับ นางไม่มีทางไปอธิบายหลักเหตุผลที่กระทั่งตัวนางก็ไม่เห็นด้วยเหล่านั้นกับเฮ่าชิงชิง แค่ทำงานตามหน้าที่ของนางก็พอ
เฮ่าอวิ๋นถูจ้องมองเผยเหนียงจื่อด้วยแววตาที่ค่อนข้างลุ่มลึก ย้อนกลับไปคุยประเด็นก่อนหน้านี้ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามีผู้บำเพ็ญเพียรมากมายมารอชมการต่อสู้ที่ลานน้ำตกเหินหาวหรือ มากแค่ไหน?”
เผยเหนียงจื่อใคร่ครวญดูเล็กน้อย “ทูลฝ่าบาท ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด แต่อย่างน้อยๆ ก็มีผู้มารอชมหลายพันคนเพคะ”
“หลายพันคน…” เฮ่าอวิ๋นถูพึมพำ ถามต่อว่า “ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรหรือ?”
เผยเหนียงจื่อตอบกลับ “น่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดเพคะ คนธรรมดายากจะขึ้นไปบนนั้นได้เพคะ”
เฮ่าอวิ๋นถูเงียบไป ระหว่างที่เงียบอยู่ก็โบกมือเล็กน้อย
เผยเหนียงจื่อค้อมกายคำนับ เดินถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นหันหลังเดินจากไป
ภายในตำหนักเงียบลง เฮ่าอวิ๋นถูค่อยๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เอ่ยเนิบๆ “ปู้สวิน เจ้าคิดว่าหนี้ที่สาวน้อยชิงชิงติดไว้สมควรใช้คืนหรือไม่?”
ทางด้านหนึ่งในตำหนัก ขันทีชราผมขาวหงอกที่มีรูปร่างอวบท้วมนิดๆ ก้าวเข้ามา เป็นปู้สวินที่องค์ฮ่องเต้เอ่ยเรียก เขากล่าวด้วยใบหน้าแย้มยิ้มว่า “เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นเท่านั้น อย่าทรงจริงจังเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยว่า “วันนี้สาวน้อยชิงชิงคนนั้นไปรับปากอีกฝ่ายอีกว่าจะมอบม้าศึกให้แสนตัว”
ปู้สวินหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “องค์หญิงทรงไร้เดียงสา ไม่เข้าใจเรื่องทางโลก เรื่องม้าศึกแสนตัวยิ่งไม่ควรถือเป็นจริงเป็นจังพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่าอวิ๋นถูหันไปมองเขา “มีผู้บำเพ็ญเพียรหลายพันคนไปชมการต่อสู้ที่ลานน้ำตกเหินหาว เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
รับใช้ข้างกายมานานหลายปี อาจไม่ถึงขั้นสื่อใจกันได้ ก็แต่คุ้นเคยกับความคิดของอีกฝ่ายดี ปู้สวินคล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว ตอบกลับว่า “นี่เป็นแค่จำนวนที่ลานน้ำตกเหินหาว ผู้บำเพ็ญเพียรในเมืองหลวงที่ไม่ได้อยู่ในลานน้ำตกเหินหาวไม่ทราบว่ามีอีกมากน้อยเท่าไรพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยว่า “นั่นสิ! นี่เป็นเพียงจำนวนที่ไปยังลานน้ำตกเหินหาวเท่านั้น ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีอีกมากน้อยเท่าไร ผู้บำเพ็ญเพียรมากมายขนาดนี้มารวมตัวอยู่ในเมืองหลวงเพื่อการใดเล่า?”
ปู้สวินตอบกลับ “น่าจะเป็นคนที่กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ส่งมาจัดซื้อม้าศึกพ่ะย่ะค่ะ”
“มีผู้บำเพ็ญเพียรมารวมตัวกันมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า? แค่เรื่องครื้นเครงไร้แก่นสารเรื่องหนึ่งก็มีผู้บำเพ็ญเพียรมามุงดูหลายพันคนแล้ว หากว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แบบนั้นมิแย่หรอกหรือ? เข้ามาประลองต่อสู้กันในบ้านของข้า! คนที่มีความคิดไม่ซื่อมากมายเช่นนี้ตระเวนไปทั่วบ้านเมืองของข้า หากเกิดเหตุอะไรขึ้น หากมีคนรวมตัวสร้างปัญหาขึ้น เกรงว่าองครักษ์ในวังของข้าก็คงต้านไว้ไม่อยู่ สมควรต้องจัดการกันหน่อยแล้ว”
เฮ่าอวิ๋นถูพูดพลางลุกขึ้นยืน เดินอ้อมโต๊ะยาวออกมา ก้าวออกจากประตู ไปยืนอยู่ใต้ชายคาหน้าประตูตำหนัก
ปู้สวินเยื้องย่างตามมา คอยสังเกตสีหน้าวาจาอยู่ด้านข้าง
เฮ่าอวิ๋นถูทอดมองออกไปเบื้องหน้า ดวงตาฉายแววลุ่มลึก กล่าวเนิบๆ ว่า “องค์หญิงผู้สูงส่งแห่งแคว้นฉีไหนเลยจะตระบัดสัตย์ได้! หนี้ที่ธิดารักของข้าติดค้างไว้ ข้าจะช่วยใช้คืนให้นางเอง สิ่งที่ธิดาข้ารับปากไว้ ข้าจะช่วยจัดการแทนนางเอง ผู้ใดใช้ให้ข้าเป็นบิดาของนางกันเล่า…”
……..
ณ เรือนใหญ่เงียบสงัด แสงโคมส่องสลัว ผีเสื้อจันทราบินร่อนใต้แสงจันทร์ หนิวโหย่วเต้ากำลังเงยหน้าชมจันทร์อยู่ในสถานที่งดงามราวกับภาพวาดแห่งนี้
เฮยหมู่ตานเดินเข้ามาถือเอกสารหลายแผ่นไว้ในมือ “เต้าเหยี่ย นี่คือข้อมูลของตระกูลที่ท่านจะไปเยี่ยมเยือนวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า