ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 294

ตอนที่ 294 คนที่ร้ายกาจที่แท้จริง

เทียบกันแล้ว ตัวเขาลิ่งหูชิวเป็นเพียงผู้ชมคนหนึ่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาย่อมเอ่ยได้อย่างไร้แรงกดดัน

แต่สำหรับตัวหนิวโหย่วเต้า หากจะไม่ให้เขาคิดมากคงเป็นไปได้ยาก ทว่าเขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าตนมีคุณสมบัติใดที่ควรค่าพอให้องค์ฮ่องเต้แคว้นฉีลงมือจัดการด้วยตัวเองเช่นนี้ หากว่าเป็นแคว้นเยี่ยนที่เล่นงานเขา เขายังพอเข้าใจได้ แต่ตนน่าจะไม่มีความแค้นใดกับแคว้นฉีหรือเปล่า

คืนนี้เขาถูกลิขิตให้ต้องนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน

……

“องค์หญิง พระองค์จะไปไหนเพคะ?”

ตะวันลอยสูง เฮ่าชิงชิงกระโดดโลดเต้นออกมาจากในเรือน ผมเปียทั่วศีรษะส่ายไหว ยามที่กำลังจะออกประตูลานเรือนไป กลับถูกเผยเหนียงจื่อออกมาขวางไว้

เฮ่าชิงชิงเชิดหน้า เอ่ยว่า “ไปหาเสด็จแม่”

เผยเหนียงจื่อเอ่ยเสียงเรียบ “ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง นับตั้งแต่นี้ไป หากไม่มีพระบัญชาจากฝ่าบาท ห้ามองค์หญิงออกจากเรือนนี้เพคะ”

เฮ่าชิงชิงเบิกตากว้าง “กักบริเวณข้าหรือ? ข้าทำอะไรผิด? ข้าจะไปหาเสด็จแม่ก็ไม่ได้หรือ?”

เผยเหนียงจื่อส่ายหน้า “ไม่ได้เพคะ!”

เฮ่าชิงชิงร้องอุทาน “เพราะอะไร?”

เผยเหนียงจื่อส่ายหน้า “หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ นี่คือบัญชาของฝ่าบาท”

เฮ่าชิงชิงเอ่ยด้วยความโกรธ “ข้าไม่เชื่อ ข้าจะไปคุยกับเสด็จพ่อให้รู้เรื่อง” นางต้องการจะฝ่าออกไป

เผยเหนียงจื่อดึงแขนนางไว้ เอ่ยว่า “ฝ่าบาทรับสั่งว่าหากองค์หญิงกล้าขัดขืน ให้จับมัดได้!”

“….” เฮ่าชิงชิงพูดไม่ออก

หลังจากเกลี้ยกล่อมให้นางกลับเข้าไปได้แล้ว เผยเหนียงจื่อก็สั่งให้ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงนางหนึ่งคอยเฝ้าเฮ่าชิงชิงไว้อย่าให้คลาดสายตา สรุปคือไม่ให้เฮ่าชิงชิงออกไปได้

เมื่อออกมาจากเรือน ก็พบกับไฉเฟย

พอไฉเฟยเห็นนางก็เอ่ยถาม “ศิษย์พี่ ได้ยินข่าวหรือยัง? เกรงว่าหนิวโหย่วเต้าจะเจอปัญหาแล้ว”

“เฮ้อ!” เผยเหนียงจื่อถอนหายใจเบาๆ “ฝ่าบาทยังคงไม่เห็นหนิวโหย่วเต้าคนนี้อยู่ในสายตาอยู่ดี หนิวโหย่วเต้าเพียงบังเอิญมาชนตออย่างฝ่าบาทเข้าเท่านั้น”

ไฉเฟยตอบอืมแล้วเอ่ยว่า “ทรงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยจริงๆ และอาจจะไม่สนใจความเป็นความตายของเขาด้วย”

เผยเหนียงจื่อช้อนตามอง “เจ้ามีความเห็นเช่นไร?”

ไฉเฟยผายมือออก “ข้าจะมีความเห็นอะไรได้ พวกเรามีความเห็นแล้วมีประโยชน์หรือ? ฝ่าบาทลงมือเช่นนี้แล้ว ผู้ใดจะเปลี่ยนแปลงได้เล่า? นอกจากฝ่าบาทจะมีรับสั่งลงมาเอง ดาบของฝ่าบาทถูกเงื้อขึ้นแล้ว ฉากนองเลือดถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้เลยว่าจะมีคนตายมากน้อยเท่าไร!”

เผยเหนียงจื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “บางครั้งสภาวะของผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเราก็ไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ ฝ่าบาทต่างหากถึงจะเป็นคนที่ร้ายกาจที่แท้จริง!”

…..

ณ จวนเสนาบดีปฏิคม จั่วเต๋อซ่งกลับมาจากเข้าเฝ้าช่วงเช้า เฉียนโยวที่เดินกลับไปกลับมารออยู่หน้าประตูเข้ามาต้อนรับ เข้าไปด้านในพร้อมกัน ระหว่างที่เดินอยู่ข้างกายเขาก็รายงานข่าวไปด้วย

ภายในลานเรือน จั่วเต๋อซ่งชะงักเท้า เอ่ยถามว่า “เรื่องเกิดขึ้นเมื่อไร?”

เฉียนโยวกล่าวว่า “เพิ่งมีข่าวแพร่ออกมาช่วงเช้าวันนี้ขอรับ ใต้เท้า ท่านคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ขอรับ?”

จั่วเต๋อซ่งถามกลับ “เจ้าคิดว่าในเมืองหลวงแห่งนี้ ผู้ใดจะกล้ากุข่าวใส่ความฝ่าบาทเล่า?”

เฉียนโยวพยักหน้ารับเงียบๆ “ก็ถูกขอรับ ใต้เท้ากล่าวมีเหตุผล ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง”

จั่วเต๋อซ่งมองไปทางวังหลวง “ให้ศิษย์ร่วมสำนักของเจ้าอยู่นิ่งๆ ไว้หน่อยแล้วกัน ระยะนี้พยายามอย่าเข้าไปข้องแวะกับเรื่องใด ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยแล้ว ฝ่าบาทมีเจตนาจะสังหารคน!”

เฉียนโยวกล่าวว่า “ใต้เท้าตักเตือนถูกต้องแล้ว เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะกลายเป็นเป้าในการลงดาบลงฝ่าบาท”

จั่วเต๋อซ่งหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “ไม่แน่จริงย่อมไม่กล้าแผลงฤทธิ์ในต่างแดน อยากเห็นนักว่าเขาจะแผลงฤทธิ์อย่างไรต่อ…”

ณ จวนแม่ทัพใหญ่ฮูเหยียน ฮูเหยียนเวยเดินอาดๆ มุ่งไปทางประตูใหญ่

เงาร่างของฉาหู่ก้าวออกมาจากศาลาด้านข้าง ฮูเหยียนเวยเห็นก็ประสานมือคำนับ “อรุณสวัสดิ์ท่านอาหู่”

“อรุณสวัสดิ์หรือ? ท่านลองดูสิว่านี่มันยามใดแล้ว” ฉาหู่พยักเพยิดหน้าให้มองตะวันที่ลอยสูงโด่งอยู่บนฟ้า

ฮูเหยียนเวยหัวเราะแหะๆ เอ่ยไปว่า “นี่ไม่ใช่เพราะข้าบาดเจ็บอยู่หรอกหรือ” ว่าพลางชี้บั้นท้ายตน

ฉาหู่สอบถาม “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

ฮูเหยียนเวยตบอกกล่าวว่า “ถึงแม้จะมิใช่กระดูกเหล็กเอ็นทองแดง แต่อย่างน้อยก็เป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เดินไหวแล้ว”

ฉาหู่ถาม “ไอ๊หยา แล้ววันนั้นผู้ใดกันที่เจ็บจนร้องไห้หาท่านพ่อท่านแม่ น้ำมูกน้ำตาไหลย้อย?”

“อะแฮ่มๆ!” ฮูเหยียนเวยกระแอมสองครา มองไปรอบอย่างค่อนข้างกระอักกระอ่วน กระซิบว่า “ท่านอาหู่ ท่านเห็นคนจะตายแต่ไม่ยอมช่วยก็ว่าไปอย่าง ไยต้องเอ่ยเสียดสีด้วยเล่า”

ฉาหู่กล่าวว่า “ขอรับ ไม่เสียดสีแล้ว ท่านจะไปไหนหรือ?”

ฮูเหยียนเวยพลันหัวเราะแหะๆ ขึ้นมาอีกครั้ง “เพิ่งรู้จักสหายคนหนึ่ง รับปากไว้แล้วว่าจะพาเขาไปเที่ยวเรือนเมฆาขาว ท่านอาหู่ แม่นางในเรือนเมฆาขาวไม่เลวจริงๆ นะ ท่านอยากจะเปิดหูเปิดตาด้วยกันหรือไม่? ข้าเลี้ยงเอง!”

ฉาหู่เอ่ยยิ้มๆ “ดูเหมือนกิจการร้านเต้าหู้จะทำกำไรได้จริงๆ ถึงขนาดคิดจะเลี้ยงข้าแล้ว”

ฮูเหยียนเวยหัวเราะแหะๆ กล่าวว่า “ถึงลืมผู้ใดไปก็ไม่มีทางลืมท่านแน่ ขอเพียงต่อไปท่านอาหู่ช่วยพูดถึงข้าในแง่ดีกับทางท่านพ่อให้มากหน่อย วันหน้ามีเรื่องดีย่อมนึกถึงท่านแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า