ตอน ตอนที่ 296 ฮ่องเต้องค์นี้ร้ายจริงๆ จาก ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 296 ฮ่องเต้องค์นี้ร้ายจริงๆ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 296 ฮ่องเต้องค์นี้ร้ายจริงๆ
เฟิงเอินไท่เอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “ใบอนุญาตนี้ข้ารับไว้โดยพลการได้ ทว่าไม่อาจส่งมอบให้ผู้อื่นโดยพลการได้!”
หนิวโหย่วเต้าแปลกใจแล้ว “เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะคืนให้ข้ามิใช่หรือ?”
เฟิงเอินไท่เอ่ยอย่างใจฝ่อ “ให้เจ้าก็คือให้เจ้า จะเหมือนให้คนอื่นได้อย่างไร?”
บัดซบ! หนิวโหย่วเต้าเข้าใจความหมายของตาเฒ่าคนนี้แล้ว นี่เท่ากับคิดจะผลักภาระมาให้เขา หากว่าเขามอบใบอนุญาตให้คนอื่นไป ทางสำนักหยกสวรรค์จะต้องมาเจรจาเรื่องปันส่วนกำไรจากการขายสุรากับเขาใหม่อย่างแน่นอน ส่วนเฟิงเอินไท่ก็สามารถทำเหมือนเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้นได้ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มหยันกล่าวไปว่า “เหล่าเฟิง ท่านช่างแผนเอาไว้ดีจริงๆ ท่านทำแบบนี้เท่ากับกำลังทำร้ายข้านะ!”
เฟิงเอินไท่ยิ้มเฝื่อนเอ่ยไปว่า “ไม่ใช่ว่าจะทำร้ายเจ้า แต่มูลค่าของใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัวนี้ถึงข้าไม่พูดเจ้าก็คงรู้ดี หากมอบให้คนอื่นไปเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าไปชี้แจงกับทางสำนักอย่างไร? ข้าเข้าใจความคิดของน้องหนิว ทว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ข้าตัดสินใจเองไม่ได้จริงๆ ต้องรอการตัดสินใจจากทางสำนัก”
“ท่านล้อข้าเล่นอยู่กระมัง?” หนิวโหย่วเต้าชี้นิ้วออกไปทางด้านนอก “ปีกทองส่งสาร ไปกลับหนึ่งรอบใช้เวลาสองถึงสามวัน คนที่จ้องตาเป็นมันอยู่ด้านนอกนั่นจะยอมรอท่านนานขนาดนั้นหรือ? ท่านเชื่อหรือไม่ว่าอีกสักพักคงมีคนมาหาถึงหน้าประตู บีบคั้นให้ท่านมอบคำตอบแล้ว!”
เฟิงเอินไท่ถอนใจพลางเอ่ยว่า “น้องหนิว ข้าถึงได้หวังว่าเจ้าจะยอมรับหน้าเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งเปิดเผยถึงสัญญาระหว่างพวกเรา รอจนกว่าสารจากทางสำนักจะมาถึง แล้วค่อยตัดสินใจกันอีกที”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะเฮอะๆ “เหล่าเฟิง ท่านยังมียางอายอยู่หรือไม่? เมื่อคืนเป็นผู้ใดกันที่ยืนกรานจะให้ข้ารับไว้ อ่อ ผลประโยชน์ตกที่ท่าน แต่ปัญหากลับตกที่ข้า ท่านว่ามันสมเหตุสมผลหรือ?”
เฟิงเอินไท่กล่าวว่า “ข้าก็กำลังหารือกับเจ้าอยู่มิใช่หรือ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ยังต้องหารืออีกหรือ? ไม่จำเป็นต้องหารือแล้ว ข้าไม่ตกลงเด็ดขาด!”
เฟิงเอินไท่ขอร้องอ้อนวอน แต่ก็รู้ดีว่าตนทำตัวไร้เหตุผล เขาเอ่ยเสียงอ่อยๆ ว่า “ต้องให้เท่าไร?”
หนิวโหย่วเต้าถาม “ให้เท่าไรอะไร?”
เฟิงเอินไท่กล่าวว่า “ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกสิบฉบับ เจ้าคิดว่าควรให้คนอื่นเท่าไรแล้วเก็บไว้เองเท่าไรถึงจะเหมาะสม?”
หนิวโหย่วเต้าประหลาดใจ “ท่านยังคิดจะเก็บไว้อีกหรือ? ถูกหมายหัวแล้ว ถึงเก็บไว้ฉบับเดียวก็เดือดร้อนได้เช่นกัน ให้ไปทั้งหมดนั่นแหละ!”
เฟิงเอินไท่ตกตะลึง “ให้ทั้งหมด? ไม่เก็บไว้เลยอย่างนั้นหรือ? จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าพอจะเข้าใจเจตนาขององค์ฮ่องเต้แล้ว แค่มองจากท่าทีของเฟิงเอินไท่ก็เข้าใจแล้ว ขนาดตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วยังไม่ยอมปล่อยวางอีก คนอื่นจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว ล้วนละโมบจนพบหายนะ ตกหลุมพรางเข้าแล้ว
แต่จะว่าไปแล้ว ตัวเขาก็ละโมบเหมือนกันมิใช่หรือ มิเช่นนั้นคงปฏิเสธอย่างเด็ดขาดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สรุปคือในเรื่องนี้ ผู้ใดละโมบผู้นั้นประสบเคราะห์
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว คาดว่าใครๆ ก็คงมองออกกันหมดแล้วว่าใบอนุญาตส่งออกม้าศึกแสนตัวนี้คือเหยื่อล่อ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนต้องการงับเหยื่ออยู่ ขอเพียงพวกเขาออกไปจากที่นี่ คนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นไม่มีทางปล่อยให้พวกเขานำใบอนุญาตเหล่านี้จากไปได้อย่างราบรื่นแน่
“ได้ ท่านอยากทำเช่นไรก็ทำไป เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า” หนิวโหย่วเต้าสะบัดแขนเสื้อเตรียมเดินหนี
“น้องหนิว!” เฟิงเอินไท่คว้าแขนเขาไว้ทันที
หนิวโหย่วเต้าหันขวับกลับไป เอ่ยว่า “ท่านคิดจะทำอะไร คิดจะสังหารข้าปิดปากหรือคิดจะแย่งหนังสือสัญญากลับไปเล่า? ข้าขอบอกท่านไว้เลยนะ ถ้าท่านลงมือ พวกท่านไม่แน่ว่าจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ ยังมีอีก ท่านอย่าได้ลืมว่าที่นี่คือเมืองหลวงแคว้นฉี ทันทีที่เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้น พวกท่านก็อย่าหวังจะได้อยู่ดีเช่นกัน”
ในเวลานี้เอง ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “เหล่าเฟิง ข้าขอเตือนท่านว่าอย่าทำอะไรวุ่นวายจะดีที่สุด เขาคือน้องชายร่วมสาบานของข้านะ!”
“ลงเรือลำเดียวกันไปแล้ว ข้าจะสังหารเขาปิดปากไปไยเล่า?” เฟิงเอินไท่ปฏิเสธในเรื่องนี้อย่างหนักแน่น เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “น้องหนิว เจ้าลองคิดดูดีๆ นะ นี่หาใช่เพียงเรื่องของสำนักหยกสวรรค์เราไม่ หากสำนักหยกสวรรค์พังทลาย ยงผิงจวิ้นอ๋องจะรอดตัวไปได้อย่างไร? ทางฝั่งสำนักเซียนสถิตทั้งสามรับมือไม่ไหวแน่ พอถึงเวลานั้นเจ้าจะทำอย่างไร? หรืออย่างน้อยที่สุด หากน้องหนิวไม่ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับสำนักหยกสวรรค์เรา แล้วภายหน้าสำนักหยกสวรรค์เราจะร่วมงานกับน้องหนิวต่อได้อย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าสะบัดเขาออก นึกอยากสบถด่าขึ้นมา เหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงไม่บอกความจริงกับสามสำนัก เหตุใดถึงวิ่งมาเกลี้ยกล่อมทางนี้น่ะหรือ ก็เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า หากสำนักหยกสวรรค์ล่มสลาย ซางเฉาจงก็จบเห่เช่นกัน ตัวเขาก็อย่าหวังจะได้อยู่ดีเลย
ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้น เขาก็รู้ว่าตนติดร่างแหไปด้วยแล้ว เวลานี้ลงเรือลำเดียวกับสำนักหยกสวรรค์แล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขายังคงยิ้มหยันพลางเอ่ยว่า “เหล่าเฟิง นี่ท่านกำลังขู่ข้าอยู่หรือ?”
เฟิงเอินไท่รีบโบกมือกล่าวไปว่า “หาได้มีเจตนาเช่นนั้นไม่ เพียงพูดไปตามความจริงเท่านั้น น้องหนิวเป็นคนฉลาด ข้าจึงอยากหารือกับน้องหนิวจริงๆ”
หนิวโหย่วเต้าถาม “ข้าให้ท่านเอาใบอนุญาตนั่นไปให้คนอื่น แต่ท่านก็ไม่ยอม ยังจะมีอะไรให้หารือกันอีก?
เฟิงเอินไท่พลันลดเสียงลง กระซิบว่า “เจ้าว่าเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าออกหน้ารับไปก่อน เดี๋ยวทางข้าจะแอบขุดอุโมงค์ใต้ดิน จากนั้นพวกเราค่อยแอบหนีไปจากที่นี่อย่างเงียบๆ”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หนีไม่รอดหรอก เกรงว่าพวกเรายังไม่ทันหนีออกไปจากแคว้นฉี ก็คงจะมีคนไปกดดันทางสำนักหยกสวรรค์ของท่านแล้ว”
เฟิงเอินไท่เอ่ยว่า “ข้าถึงได้อยากให้เจ้าช่วยถ่วงเวลาไว้ก่อนอย่างไรล่ะ รอจนสำนักหยกสวรรค์จัดแจงเส้นทางขนส่งม้าศึกเรียบร้อยแล้ว รอให้ม้าศึกพ้นจากเขตแคว้นฉีไปแล้ว ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกสิบแผ่นนั้นใช้ไปเรียบร้อยแล้ว ผู้ใดยังจะไปดักสกัดม้าศึกที่แคว้นจ้าวได้อีกล่ะ คนอื่นๆ ก็ทำได้เพียงยอมรามือไปเท่านั้น”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “วิธีนี้ไม่เลว เช่นนั้นพวกเรามาสลับหน้าที่กัน สำนักหยกสวรรค์ของพวกท่านรับหน้าไป เดี๋ยวข้าจะจัดแจงเปิดเส้นทางขนส่งม้าศึกเอง ดีหรือไม่?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเยาะหยัน “เหล่าเฟิง ตอนนี้เป็นใครที่ไม่ไว้ใจใครกันแน่?”
ถึงแม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่หนิวโหย่วเต้าก็ยังเขียนหนังสือรับมอบให้ เรื่องบางเรื่องจะอาศัยเพียงความเชื่อใจไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นถึงเพียงนั้น
สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ยื่นหมู่ยื่นแมว แลกใบอนุญาตกับหนังสือรับมอบ
เฟิงเอินไท่มองดูพวกหนิวโหย่วเต้าเดินจากไป จากนั้นมองหนังสือรับมอบในมือด้วยสีหน้าอยากร้องไห้ทว่าไร้น้ำตา วุ่นวายอยู่นานสองนาน หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว สุดท้ายเหลือเพียงสิ่งนี้อยู่ในมือ
เมื่อกลับมาถึงเรือนของหนิวโหย่วเต้า ลิ่งหูชิวเอ่ยถาม “น้องหนิว ต่อให้ขายใบอนุญาตพวกนี้ทิ้งไป ทุกคนก็จะรู้ว่าเจ้าได้เงินก้อนใหญ่มา เกรงว่าคงนำเงินนี้จากไปไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครอยากได้ ข้าขอแนะนำว่าให้ยกให้คนอื่นไปเลยจะดีกว่า!”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “รอดูว่าทางสำนักหยกสวรรค์จะตัดสินใจอย่างไรก่อนแล้วกัน หากว่าสำนักหยกสวรรค์จะเอาเงินก้อนนี้ให้ได้ หากรักเงินมากกว่าชีวิต อย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องของพวกเขา ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”
ลิ่งหูชิวเอ่ยว่า “สิ่งนี้นับเป็นเผือกร้อนลวกมืออย่างแท้จริง ต่อให้จะมอบให้คนอื่น ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีคนกล้ารับเอาไว้ ว่ากันตามตรง คงไม่มีใครกล้าซื้ออย่างเปิดเผยเช่นกัน ทุกคนต่างรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่ครอบครองสิ่งนี้อย่างเปิดเผย ก็ล้วนต้องเผชิญปัญหาทั้งสิ้น ใบอนุญาตนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องถูกคนฆ่าฟันแก่งแย่งกันอย่างลับๆ!”
หนิวโหย่วเต้าถาม “หากจัดประมูลขายเล่า? ขายกันอย่างเปิดเผย ให้ผู้ที่สนใจทำการซื้อกันอย่างลับๆ หลังจากนั้นให้ผู้ซื้อมารับของอย่างลับๆ แล้วจากไปอย่างเงียบๆ ”
ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “จากไปอย่างเงียบๆ หรือ? เฮ่าอวิ๋นถูแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการให้เกิดฉากนองเลือดขึ้น เจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยให้เรื่องราวผ่านพ้นไปอย่างเงียบๆ หรือ? ที่นี่คืออาณาเขตของเขา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่ซื้อใบอนุญาตไป เจ้าคิดว่าจะรอดพ้นสายตาเขาไปได้หรือ? เขาไม่มีทางนั่งมองเฉยๆ หากแต่จะต้องลอบสุมเพลิงปลุกปั่นแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ประมูลไปได้ออกมา!”
“น้องหนิว ข้าขอเตือนเจ้าไว้สักประโยค ขอเพียงกลายเป็นตัวหมากของเฮ่าอวิ๋นถูแล้ว เจ้าก็ทำได้เพียงต้องเดินไปตามแผนที่เฮ่าอวิ๋นถูวางไว้เท่านั้น ทำตามที่เขาต้องการ ทำให้เขาพึงพอใจ เจ้าถึงจะมีชีวิตรอด หากไม่เดินไปตามแผนการของเขา ทำให้เขาต้องเสื่อมเกียรติเสียหน้า เจ้าก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากแคว้นฉีได้เลย! ดังนั้นข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าแข็งข้อกับเขาจะดีที่สุด เจ้ายังไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น!”
วาจานี้กล่าวเตือนได้ถูกจังหวะ หนิวโหย่วเต้ามีสีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมา เข้าใจถึงความร้ายแรงของปัญหาในอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แค่ถูกผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นคอยจ้องตาเป็นมันเท่านั้น แต่ยังมีสายตาจากในวังคู่นั้นที่คอยจับตามองอยู่เช่นกัน แล้วเฟิงเอินไท่ยังคิดจะขุดอุโมงค์หนีไปพร้อมกับใบอนุญาตเนี่ยนะ ช่างน่าขันสิ้นดี!
“ฮ่องเต้องค์นี้ร้ายจริงๆ!” หนิวโหย่วเต้าอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ทั้งสองพูดคุยกันต่อไปอีกสักพัก กระทั่งลิ่งหูชิวจากไปแล้ว เฮยหมู่ตานถึงเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ย พวกเรายังต้องไปคารวะผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นหรือไม่เจ้าคะ?”
“ยังจะไปคารวะอันใดอีก เฮ่าอวิ๋นถูลงมือเช่นนี้แล้ว ต่อให้ไปเยือนถึงบ้าน ก็ไม่มีคนบ้าที่ไหนยอมพบข้าหรอก” หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าพลางถอนหายใจ จากนั้นหันไปเอ่ยว่า “ส่งคนออกไปดูลาดเลาหน่อย ดูว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง”
“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานตอบรับ หันหลังออกไปจัดการ…
…………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า