ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 300

ตอนที่ 300 เป็นฟืนเป็นไฟ

เหตุผลก็เพราะหนิวโหย่วเต้าเจ้าเล่ห์ มีความเป็นไปได้สูงที่เฟิงเอินไท่ที่จะตกหลุมพรางของหนิวโหย่วเต้าเข้าแล้ว

ถึงแม้เฟิงเอินไท่จะมีความผิดอย่างไร แต่สาเหตุของเรื่องก็มาจากหนิวโหย่วเต้า สำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางช่วยหนิวโหย่วเต้าตามล้างตามเช็ดปัญหา

หลังจากมอบใบอนุญาตให้หนิวโหย่วเต้าไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าจะเก็บไว้เองก็ดี จะให้คนอื่นไปก็ช่าง หรือจะเอาออกไปขายก็ได้ แล้วแต่หนิวโหย่วเต้าจะจัดการเอาเอง สรุปคือจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับทางสำนักหยกสวรรค์อีก

หากหนิวโหย่วเต้าไม่ยอมตกลง ทำให้สำนักหยกสวรรค์ตกที่นั่งลำบาก ตัวเขาหนิวโหย่วเต้าก็อย่าหมายจะได้อยู่ดี สำนักหยกสวรรค์คงไม่สนใจแล้วว่าจะสูญเสียประโยชน์จากการค้าสุราหรือไม่ พวกเขาจะส่งคนไปที่จังหวัดชิงซาน จัดการสามสำนัก รวมถึงกองกำลังทั้งหมดของหนิวโหย่วเต้าไปพร้อมกัน

แต่แน่นอน สำนักหยกสวรรค์เองก็ไม่ใช่คนที่กลืนน้ำลายตัวเอง แต่ประเด็นสำคัญคือต้องไม่เกิดอันตรายใดๆ ขึ้นกับทางสำนักหยกสวรรค์ ขอเพียงหนิวโหย่วเต้าตอบตกลง เรื่องที่เฟิงเอินไท่รับปากไว้ ยอมตกลงจะปันส่วนกำไรค้าสุราให้สามสำนัก สำนักหยกสวรรค์ก็จะทำตามที่รับปากไว้ เผิงโย่วไจ้ใช้ตำแหน่งเจ้าสำนักหยกสวรรค์เป็นประกันว่าจะไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด!

เนื้อความส่วนสุดท้ายในจดหมายแจ้งต่อเฟิงเอินไท่ว่าให้นำจดหมายฉบับนี้ไปให้หนิวโหย่วเต้าอ่าน!

เนื้อความในจดหมายฉบับนี้ แม้แต่ลิ่งหูชิวอ่านแล้วก็ยังปวดหัวขึ้นมาเช่นกัน

แต่สีหน้าของนิวโหย่วเต้ากลับสงบลง ยื่นจดหมายคืนให้อีกฝ่าย

เฟิงเอินไท่รับจดหมายไปแล้วยื่นให้ศิษย์ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าด้วยรอยยิ้ม “น้องหนิว อ่านกระจ่างหมดแล้วกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้าตอบเสียงเรียบเฉย “พี่เฟิง ลืมบอกท่านไป ข้ามาจากบ้านนอก อันที่จริงรู้ตัวหนังสือไม่มาก ข้าอ่านไม่ออกจนคร้านจะอ่านแล้ว ไอ๊หยา วันนี้อากาศดีทีเดียวเลย” เขายกสองมือไพล่หลัง ทำท่าจะเดินออกไป

“แค่กๆ!” ลิ่งหูชิวยกกำมือป้องปากไอแห้งๆ กลั้นหัวเราะอย่างยากลำบาก

“…..” เฟิงเอินไท่ตะลึงงัน ไม่รู้หนังสืออย่างนั้นหรือ? นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกัน? จึงรีบรั้งตัวเขาไว้ ดึงจดหมายกลับมาจากมือของศิษย์คนนั้น ยัดใส่มือหนิวโหย่วเต้า “น้องหนิว เจ้าอ่านอีกที”

“อ่านเอิ่นอะไรกัน ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก พวกท่านค่อยๆ อ่านเอาเองแล้วกัน” หนิวโหย่วเต้าปฏิเสธที่จะรับไว้

“ไม่ได้!” เฟิงเอินไท่ดึงเขาไว้ไม่ยอมปล่อย “ถ้าเจ้าอ่านไม่ออก อย่างนั้นข้าอ่านให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าหันขวับมา กระชากจดหมายไป ชี้หน้าด่าเฟิงเอินไท่ “คนแซ่เฟิง เรื่องราวเป็นอย่างไรตัวท่านรู้ดีกว่าผู้ใด บอกว่าข้าเจ้าเล่ห์คืออะไร? บอกว่าท่านตกหลุมพรางข้าคืออะไร? ท่านอธิบายมาตามตรงดีกว่า เพื่อจะผลักภาระให้พ้นตัวแล้ว ท่านไปรายงานตลบตะแลงต่อเบื้องบนอย่างไรกันแน่!”

“สามหาว!” ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่อยู่ด้านข้างทนไม่ไหว รีบก้าวเข้ามา ขวางหน้าหนิวโหย่วเต้าที่ไร้มารยาทต่ออาจารย์ลุงของตน

“คิดจะสู้อย่างนั้นหรือ? เฮอะๆ! ข้ารออยู่พอดี เช่นนั้นก็มาทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่าเดิมกันเถอะ!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน จากนั้นตวาดขึ้นมา “ใครอยู่ข้างนอกบ้าง!”

พรึ่บพรั่บ! ผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านนอกในทันใด ภายในห้องดูเบียดเสียดยัดเยียดขึ้นมาทันที

“เจ้านับเป็นตัวอันใด? มีสิทธิ์เสนอหน้าตั้งแต่เมื่อไร?” หนิวโหย่วเต้าชี้หน้ากวักมือเรียกศิษย์สำนักหยกสวรรค์คนนั้น “เข้ามาสิ แสดงฝีมือให้ข้าดูหน่อย เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าต่อให้ข้าสังหารเจ้าไป เจ้าก็จะตายอย่างเสียเปล่า รับรองเลยว่าเผิงโย่วไจ้จะไม่ว่าอะไรเลยสักคำ!”

ศิษย์คนนั้นอับอายจนพาลโกรธขึ้นมา มือกุมไปบนด้ามกระบี่

“ถอยไป ไสหัวไปซะ ไม่ใช่กงการใดของเจ้า มาเสนอหน้าวุ่นวายอะไร” เฟิงเอินไท่ลากศิษย์คนนั้นออกไป โบกมือส่งสัญญาณให้คนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ถอยออกไปด้วย

เฮยหมู่ตานพยักหน้าให้เล็กน้อย ศิษย์สามสำนักจึงพากันหลบฉากออกไปอีกครั้ง

ศิษย์สำนักหยกสวรรค์คนนั้นจึงต้องจากไปด้วยความอับอาย

ทว่าหนิวโหย่วเต้ากลับเอ่ยรั้ง “อย่าเพิ่งไป ข้ากำลังไม่พอใจสำนักหยกสวรรค์ของพวกเจ้าอยู่พอดี เหตุใดเผิงโย่วไจ้ถึงรับสวะกลุ่มหนึ่งเข้าสำนักกันนะ?”

ศิษย์คนนั้นหันกลับมามองทันที ทว่าเฟิงเอินไท่กลับโบกมือใส่ สื่อว่าให้เขารีบออกไป จากนั้นก็หันมายิ้มแล้วกล่าวกับหนิวโหย่วเต้าว่า “น้องหนิว เหตุใดเจ้าต้องถือสาหาความเขาด้วยเล่า? นี่เจ้าจงใจหาเรื่องอยู่กระมัง!”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะเฮอะๆ เอ่ยไปว่า “ก็ข้าจงใจหาเรื่อง ข้าไม่พอใจสำนักหยกสวรรค์ ด่าทอสำนักหยกสวรรค์สักหน่อยจะเป็นอะไรไป หรือท่านไม่พอใจ?”

“เปล่าๆ ไม่ได้ไม่พอใจอะไร น้องหนิวใจเย็นๆ ก่อนเถอะ” เฟิงเอินไท่ตบหลังมือเขาเบาๆ เพื่อปลอบให้สงบ “เรื่องงานสำคัญกว่า รีบจัดการเรื่องงานก่อนเถอะ!”

หนิวโหย่วเต้าถาม “หากเร่งด่วนไยท่านไม่รีบไปจัดการเล่า?”

เฟิงเอินไท่กล่าวว่า “จะแสร้งทำเป็นไม่รู้หนังสือไปไย เนื้อหาในจดหมายเจ้าก็อ่านไปหมดแล้ว ทางสำนักมีคำสั่งมาว่ายกเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ ข้าไม่กล้าขัดขืน!”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ให้ข้าจัดการ? เช่นนั้นท่านพูดมาสิว่าข้าควรจัดการอย่างไร?”

เฟิงเอินไท่กระแอมคราหนึ่ง “ในจดหมายก็เขียนไว้ชัดเจนแล้วมิใช่หรือ เจ้าจะเก็บเอาไว้ก็ดี ยกให้คนอื่นไปก็ช่างหรือจะเอาไปขายก็ได้” ยามที่เอ่ยวาจานี้ออกไป กระทั่งตัวเขาก็ยังรู้สึกละอายใจเช่นกัน

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “โอ้! ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ เช่นนั้นให้ท่านจัดการหรือข้าจัดการมันต่างกันตรงไหนเล่า? พี่เฟิง นี่ท่านต้องไร้ความสามารถแค่ไหนกัน ถึงได้ทำให้สำนักหยกสวรรค์ไม่ไว้วางใจท่านขนาดนี้ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ไม่กล้าให้ท่านเข้ามาจัดการ! สำนักหยกสวรรค์ส่งท่านมาทำไมล่ะเนี่ย?”

เฟิงเอินไท่ก็ใจกว้างโอนอ่อนเช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ทนรับความอดสูได้ดี ทอดถอนใจอยู่ตรงนั้น “น้องหนิว ข้ายอมรับว่าจัดการได้ไม่ดีเท่าเจ้า ดังนั้นเจ้ารีบไปจัดการเสียเถอะ! อย่ายืดเยื้อต่อไปเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า