ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 301

ตอนที่ 301 สามพี่น้องร่วมสาบาน

เขาหมายถึงบนภูเขารอบเมืองหลวงแห่งนี้

แคว้นฉีเป็นแคว้นที่อยู่ในเขตทุ่งหญ้า เทือกเขาสูงใหญ่ที่อยู่ในละแวกรอบเมืองหลวงพบเห็นได้ค่อนข้างน้อย บนภูเขาที่ล้อมรอบเมืองหลวงไว้เหมือนแอ่งกระทะมีสำนักรวมตัวกันอยู่สามสำนัก แบ่งออกเป็น สำนักมหาบรรพต สำนักศาสตราลึกล้ำ และสำนักเพลิงนภา ทั้งสามสำนักต่างครอบครองชัยภูมิอันเลิศล้ำในแต่ละด้านไว้ ร่วมกันพิทักษ์ดูแลเมืองหลวง ทั้งยังเป็นสามสำนักที่ทรงอิทธิพลที่สุดในบรรดาสำนักบำเพ็ญเพียรแห่งแคว้นฉีด้วย ล้วนติดลำดับสำนักใหญ่ในใต้หล้าทั้งสิ้น มีตำแหน่งอยู่ในหอเลือนสลัวเช่นกัน

ฝ่าซือที่คอยดูแลพิทักษ์ภายในวังหลวงก็มาจากสามสำนักนี้ พวกเผยเหนียงจื่อเองก็เป็นศิษย์ของสำนักมหาบรรพต

ลิ่งหูชิวกล่าวพลางใช้ความคิด “คนของสามสำนักข้าพอจะรู้จักอยู่บ้าง เจ้าคิดจะทำอะไร?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “สถานการณ์ในตอนนี้ พี่ลิ่งหูเองก็ทราบดี ก็เหมือนอย่างที่ข้ากล่าวกับเฟิงเอินไท่ไปก่อนหน้านี้ ของที่มีอยู่สลัดทิ้งได้ยาก ในแคว้นนี้ผู้ที่กล้ารับสิ่งนี้ไว้ก็มีเพียงสามสำนักนั้นเท่านั้น”

ลิ่งหูชิวถาม “เจ้าคิดจะมอบให้สามสำนักนั้นอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หากขายสิ่งนี้ออกไปจะได้เงินไม่น้อยเลย หากยกให้พวกเขาไปเปล่าๆ พวกเขาคงจะไม่รังเกียจที่จะรับไว้กระมัง?”

ลิ่งหูชิวถอนใจเอ่ยว่า “เกรงว่าจะไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ ด้วยอิทธิพลที่สามสำนักนั้นมีต่อแคว้นฉี หากอยากได้ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกสักหน่อย เอ่ยเพียงประโยคเดียวก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาจากเจ้าเลย ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ไม่ลองดูแล้วรู้จะได้อย่างไร หากว่าพวกเขาไม่ต้องการจริงๆ ก็ขอความร่วมมือจากพวกเขาสักเล็กน้อย จัดประมูลขายใบอนุญาตพวกนี้ออกไป รายได้จากการประมูลข้าไม่เอาเลยสักแดง ยกให้พวกเขาไปทั้งหมด!”

ลิ่งหูชิวมีสีหน้าลำบากใจ

“ขอพี่ลิ่งหูได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วย!” หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นประสานมือค้อมคำนับ

ลิ่งหูชิวรีบยื่นมือมาประคองไว้ ยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยอย่างกล้ำกลืนฝืนใจ “เอาล่ะ ข้าจะช่วยติดต่อให้สักรอบ บอกได้เพียงว่าจะลองพยายามอย่างสุดความสามารถเท่านั้น”

“ขอบคุณพี่ลิ่งหู”

“จะให้ลงมือเมื่อไร?”

“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”

“เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”

“มีคนจับตามองที่นี่มากเกินไป ตอนนี้ข้ายังไม่สะดวกจะเผยตัวในที่สาธารณะ หากจัดการเรื่องนี้ไม่สำเร็จ แล้วคนที่รู้จักข้ามีมากเกินไปล่ะก็ ความหวังสุดท้ายในการเอาตัวรอดก็จะยิ่งริบหรี่ ข้าต้องเหลือทางรอดไว้ให้ตัวเองสักหน่อย เดี๋ยวข้าให้ต้วนหู่ไปกับท่านดีหรือไม่?”

“ตกลง!” ลิ่งหูชิวพยักหน้ารับ จากนั้นก็ยิ้มเจื่อน “ออกไปครานี้ เกรงว่าคงต้องถูกคนดักสกัดค้นตัวเป็นแน่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องถูกดักค้นตัวสักกี่ครั้ง”

หนิวโหย่วเต้าประสานมือกล่าวขออภัย “ทำให้พี่ลิ่งหูลำบากเสียแล้ว”

“เออใช่ แล้วจะทำอย่างไรกับเหล่าเฟิงที่เพิ่งถูกข้ากล่อมออกไปก่อนหน้านี้?” ลิ่งหูชิวชี้ออกไปด้านนอก

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ข้าย่อมไม่มีทางทำให้พี่ลิ่งหูต้องลำบากใจ หมู่ตาน ให้เขาเข้ามาเถอะ”

“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานรับคำสั่งแล้วเดินออกไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็พาเฟิงเอินไท่เข้ามา

เฟิงเอินไท่มองไปทางลิ่งหูชิว ไม่ได้รับสัญญาณใดๆ จึงเดินเข้าไปหาหนิวโหย่วเต้าอีกครั้งด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ถามอย่างระมัดระวังว่า “น้องหนิว อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

หนิวโหย่วเต้าปรายตามองอย่างเย็นชา “เห็นแก่หน้าพี่ชายร่วมสาบานของข้า ข้าจะยอมแบกรับเรื่องนี้ ยอมรับความเสี่ยงต่อชีวิตนี้ของข้าไว้!”

เฟิงเอินไท่ปรีดาอย่างยิ่ง ประสานมือกล่าวขอบคุณลิ่งหูชิว จากนั้นหันกลับมาเอ่ยปลอบใจหนิวโหย่วเต้า “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ด้วยความสามารถของน้องหนิวแล้ว ต้องกลับร้ายกลายเป็นดีได้แน่!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องไร้ประโยชน์พวกนั้นอีก เป็นท่านที่สร้างปัญหาขึ้น ข้ายอมรับแบกรับเรื่องนี้ก็เท่ากับยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อท่าน จะเป็นหรือตายข้าล้วนแต่ยอมรับแล้ว แต่ท่านก็ต้องมีคำอธิบายให้ข้าบ้างหรือเปล่า?”

คำอธิบายหรือ? เฟิงเอินไท่ถามด้วยความฉงน “น้องหนิวต้องการคำอธิบายเช่นไร?”

นิ้วมือของหนิวโหย่วเต้าเคาะลงไปบนโต๊ะ “ข้ายอมแบกรับภาระแล้ว พวกท่านคงจะไม่ซ้ำเติมเพิ่มปัญหาให้ข้าอีกกระมัง?”

เฟิงเอินไท่เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องแบบนี้ยังจะมาซ้ำเติมเพิ่มปัญหาให้เจ้าได้อย่างไร!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “สำนักหยกสวรรค์ของพวกท่านเป็นอย่างไร ครั้งนี้ข้านับว่าได้รู้ซึ้งแล้ว ต่อให้ไม่ซ้ำเติมเพิ่มปัญหา แต่ผู้ใดจะกล้ารับประกันว่าพวกท่านจะไม่เป็นพวกรื้อสะพานหลังข้ามน้ำสำเร็จ?”

เฟิงเอินไท่ผายมือออก “ปัญหาผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไหนเลยจะมีเรื่องรื้อสะพานหลังข้ามแม่น้ำได้?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเตือน “ท่านน่าจะทราบดีว่าเหตุใดสามสำนักถึงมาเสี่ยงอันตรายที่นี่ ท่านน่าจะทราบดีว่าพวกเขามาเสี่ยงภัยเพื่อสิ่งใด สัญญาที่ท่านลงนามกับข้าไว้ก่อนหน้านี้ สำนักหยกสวรรค์นึกจะกลับคำก็กลับคำ ซ้ำยังเอาเรื่องความปลอดภัยของพวกเขาสามสำนักมาข่มขู่ด้วย แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจบเรื่องแล้วพวกท่านจะรักษาคำพูด?”

วาจานี้ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา สำนักหยกสวรรค์สามารถตัดสินใจได้ง่ายๆ แต่ตัวต้นเรื่องที่เป็นฝ่ายขอฉีกสัญญาอย่างเฟิงเอินไท่กลับถูกต่อว่าจนกระอักกระอ่วนยิ่งนัก เขาฝืนยิ้มพลางเอ่ยไปว่า “ช่วยไม่ได้จริงๆ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ท่านเจ้าสำนักเองก็รับประกันแล้ว ย่อมไม่ผิดคำพูดอีกแน่นอน”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ขนาดมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรยังกลับคำได้ แล้วท่านคิดว่าข้ายังจะกล้าเชื่อคำพูดปากเปล่าอย่างนั้นหรือ?”

เฟิงเอินไท่ถอนหายใจดังเฮ้อ “น้องหนิว จะอ้อมค้อมไปไย? เจ้าคิดจะเอาอย่างไรก็ว่ามาเถอะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องรู้เอาไว้ ข้าไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงจุดยืนของทางสำนักได้หรอกนะ”

หนิวโหย่วเต้าจ้องมองเขา ค่อยๆ เอ่ยว่า “หากว่าท่านไม่รังเกียจ พวกเรามาสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่ดีหรือไม่”

“…..” เฟิงเอินไท่มึนงง หลงนึกว่าตนฟังผิดไป จึงเอ่ยถามว่า “น้องหนิว เจ้าว่าอะไรนะ?”

ลิ่งหูชิวก็ตะลึงไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า