ตอนที่ 309 ต้องแพ้เท่านั้น ชนะไม่ได้
“น้องหนิว…” ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่แทบจะเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ต่างคิดจะห้ามปราม
หนิวโหย่วเต้ายกมือปรามพวกเขาทันที “ก็แค่ประลองกันเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นจะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านคุนว่าใช่หรือไม่?”
คุนหลินซู่ยิ้มเล็กน้อย ค่อยๆ ก้าวลงบันไดไป ชี้ไปที่ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ “หากไม่อยากประลอง จงหลบทางเสีย!”
สีหน้าของเฟิงเอินไท่ดูแย่ขึ้นมา นึกเสียใจว่าไม่ควรโผล่หน้าออกมาในเวลานี้เลย เขารู้แก่ใจดี หากเกิดอะไรขึ้นกับคุนหลินซู่ หากทำให้สำนักเพลิงนภาเสียหน้า สำนักเพลิงนภาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องชวนขบขันเช่นนี้ดำเนินอยู่ต่อไป พวกเขาต้องหาทางยุติเรื่องชวนขบขันนี้ลงโดยเร็วแน่ ไหนเลยจะยอมปล่อยหนิวโหย่วเต้าให้รอดไปได้เล่า?
ในฐานะที่เป็นคนที่มีสำนักเหมือนกัน หัวอกเดียวกัน เขาจึงพอจะเข้าใจหลักเหตุผลบางอย่างดี!
เขาอดไม่ได้ที่มองไปทางลิ่งหูชิวที่อยู่ด้านข้าง หากไม่ใช่เพราะเห็นคนผู้นี้อยู่ด้วย เขาคงไม่มีทางเผยตัวออกมา เพราะเขาเองก็ไม่เชื่อเช่นกันว่าที่ลิ่งหูชิวมาเป็นเพื่อนหนิวโหย่วเต้าเพราะคำนึงถึงไมตรีระหว่างพี่น้อง อีกฝ่ายน่าจะเป็นเพราะคิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นถึงได้มาด้วย!
สีหน้าของลิ่งหูชิวเองก็ดูไม่ดีเช่นกัน ถูกต้อง ที่เขามาด้วยเพราะคิดว่าไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ มิเช่นนั้นคงตัดสินใจหลีกลี้หนีห่างแล้ว ผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่รู้เช่นกันว่าคุนหลินซู่ไปกินอะไรผิดสำแดงมากันแน่!
ในเมื่อคุนหลินซู่กล้าท้าประลอง ทั้งสองคนคิดว่าเขาจะต้องมีความมั่นใจเต็มที่แน่ คิดว่ามีโอกาสสูงมากที่หนิวโหย่วเต้าจะพ่ายแพ้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าสังหารจั๋วเชาได้อย่างไรกันแน่ เรื่องนี้ทำให้ทั้งสองคนไม่มีความมั่นใจอย่างยิ่ง เมื่อครู่หนิวโหย่วเต้าตั้งใจวางตัวต่ำต้อยนั้นเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าเจ้านี่คิดอะไรอยู่กันแน่ ยามที่ยังเป็นศิษย์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ก็กล้าลงมือสังหารหลานชายของซ่งจิ่วหมิง ต่อมาก็สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนอีก หากเจ้านี่อาละวาดขึ้นมา มันก็ยากจะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ก่อเรื่องโง่ๆ อันใดขึ้น
หากเกิดเรื่องขึ้นกับคุนหลินซู่ ทุกคนเห็นกับตาแล้วว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับหนิวโหย่วเต้า มันก็ยากจะรับประกันได้ว่าสำนักเพลิงนภาจะไม่พาลมาถึงพวกเขาด้วย
เมื่อถูกคุนหลินซู่สั่งให้หลีกทาง ขณะที่ลิ่งหูชิวเดินผ่านหนิวโหย่วเต้า เขาก็ได้เอ่ยกระซิบอย่างรวดเร็วประโยคหนึ่ง “ต้องแพ้เท่านั้น ชนะไม่ได้!”
“น้องหนิว ต้องแพ้เท่านั้น ห้ามเอาชนะ!” เฟิงเอินไท่ก็เอ่ยกำชับเช่นเดียวกัน
ทั้งสองกำชับตักเตือน แต่หนิวโหย่วเต้ากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ไม่ทราบเช่นกันว่าฟังคำพูดของพวกเขาทั้งสองเข้าหูบ้างหรือไม่
ทั้งสองถอยห่างออกไป กลุ่มคนที่มุงล้อมอยู่ริมผาก็ถอยออกไปเช่นกัน หลีกทางเปิดเป็นพื้นที่ว่างให้ เมื่อเรื่องราวไม่ได้เกี่ยวข้องมาถึงตน ทุกคนล้วนอยากชมเรื่องครื้นเครงทั้งสิ้น
บนท้องฟ้าในยามนี้มีเมฆครึ้มลอยเข้ามาบดบังแสงตะวัน ทำให้บริเวณนี้มืดสลัวลงไปไม่น้อย คล้ายจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง
คุนหลินซู่เดินมาหยุดตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า เอ่ยถามว่า “เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “ท่านคุณอยากประลองอย่างไร?”
คุนหลินซู่ตอบว่า “สู้มือเปล่า!”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย มองเขาหัวจรดเท้า “ท่านคุณไม่ใช้อาวุธหรือ?”
คุนหลินซู่กล่าวว่า “ศิษย์สำนักเพลิงนภาไม่เคยใช้อาวุธใดๆ ตัวคนก็คืออาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว!”
หนิวโหย่วเต้ายื่นมือไปที่เอว ปลดกระบี่พกออก สะบัดมือโยนออกไปด้านข้าง ลิ่งหูชิวที่อยู่ด้านข้างยื่นมือออกมารับไว้
หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ถอยออกไป เว้นระยะห่างกับคุนหลินซู่เล็กน้อย เผื่อตัวเองเกิดอารมณ์ชั่ววูบอะไรขึ้นมาจะได้หยุดยั้งไว้ทัน
ทั้งสองสบตาเผชิญหน้ากัน
สีหน้าท่าทีของคุนหลินซู่ค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นมา ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ายอมรับคำท้า เขาก็ไม่กล้าดูแคลนแล้วเช่นกัน
การที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์หัวกะทิในบรรดาศิษย์รุ่นนี้ของสำนักเพลิงนภาได้ เขาย่อมต้องมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น มาตรว่าเขาจะหยิ่งผยองดูแคลนอีกฝ่ายอย่างไร ทว่าเขาไม่เคยประมาทคู่ต่อสู้คนไหนเลย เขาจะต่อสู้อย่างมีสมาธิจดจ่อเต็มที่อยู่เสมอ!
“กล้าข่มเหงคนอื่นเช่นนี้ ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าท่านมีฝีมือแค่ไหนกัน!” หนิวโหย่วเต้าพลันตวาดขึ้นมา ร่างกายขยับเคลื่อนไหวในทันใด ชิงลงมือก่อน ซัดหมัดพุ่งเข้าโจมตีคุนหลินซู่
คุนหลินซู่พลันซัดฝ่ามือออกไปต้านรับ
หมัดและฝ่ามือปะทะกัน เกิดเสียงดังสนั่น บนร่างหนิวโหย่วเต้ามีลมรุนแรงกระโชกขึ้นมา ร่างเขาลอยละลิ่วออกไปดุจว่าวสายป่านขาด
คนที่มุงดูอยู่รอบข้างต่างตกใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าพลังฝ่ามือของคุนหลินซู่จะทรงพลังถึงเพียงนี้ แค่ฝ่ามือเดียวก็ซัดหนิวโหย่วเต้ากระเด็นออกไปได้ง่ายๆ แล้ว ลำพังเพียงลมที่กระโชกออกมาจากร่างหนิวโหย่วเต้าก็ทำให้รู้แล้วว่าฝ่ามือนี้ร้ายกาจเพียงใด!
ทุกคนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพลังของทั้งสองคนจะห่างชั้นกันถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าคุนหลินซู่ถึงได้ท้าประลองด้วยความมั่นใจเช่นนี้ สำนักเพลิงนภาช่างร้ายกาจสมคำร่ำลือโดยแท้!
พวกฉินยงที่ชมการต่อสู้อยู่ในศาลาต่างตกตะลึงกันพอสมควร พลังของคุนหลินซู่เหมือนจะเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
กระทั่งหั่วเฟิ่งหวงก็ตะลึงไปเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่จะซุกซ่อนพลังแกร่งกล้าเช่นนี้ไว้โดยที่ตนไม่ทราบเรื่องเลย!
หนิวโหย่วเต้าหล่นกระแทกพื้นดังตึง กระอักโลหิตออกมาดัง ‘พรูด’ มือข้างหนึ่งยันพื้น มืออีกข้างกุมหน้าอกไว้
ทุกคนมองหน้ากันเหลอหลา เพียงกระบวนท่าเดียวหนิวโหย่วเต้าก็พ่ายแพ้หมดท่าแล้ว ดูเหมือนเรื่องที่ว่าเขาสังหารจั๋วเชาได้จะมีเงื่อนงำอยู่จริงๆ
“น้องหนิว น้องสาม!” ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ปรี่เข้ามาทันที ประคองแขนซ้ายขวาของหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ พยุงเขาขึ้นมา สอบถามด้วยความห่วงใยว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
ภายนอกดูห่วงใย แต่ภายในใจทั้งสองกลับโล่งอกกันทั้งคู่ แพ้ก็ดี แพ้ก็ดีแล้ว!
‘พรวด!’ หนิวโหย่วเต้าพ่นโลหิตออกมาอีกคำ หอบหายใจถี่กระชั้น เอ่ยกับคุนหลินซู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ท่านคุณฝีมือเลิศล้ำ แซ่หนิวไม่อาจเทียบได้ ขอยอมรับความพ่ายแพ้จากใจ ขอท่านคุณเมตตา ไว้ชีวิตข้าด้วย!”
คุนหลิงซู่ที่ยังยกมือค้างไว้ตกอยู่ในอาการตกตะลึง พอได้ยินวาจานี้ก็ได้สติกลับมา กัดฟันกรอด ในดวงตามีเพลิงโทสะพวยพุ่งออกมา!
ยามที่ปะทะเข้ากับหมัดเมื่อครู่นี้ เขาเลือกที่จะเข้าปะทะตรงๆ เพราะอยากหยั่งเชิงว่าฝีมือของหนิวโหย่วเต้าแข็งแกร่งแค่ไหน ทว่าทันทีที่ประมือกัน เขาก็แทบจะสะดุ้งโหยงเช่นกัน พบว่าพอฝ่ามือตนปะทะเข้ากับอีกฝ่าย ก็คล้ายกับว่าฟาดฝ่ามือใส่ปุยนุ่นอย่างไรอย่างนั้น พลังฝ่ามือของตนที่กระทบเข้ากับร่างหนิวโหย่วเต้าเสมือนโคลนที่ละลายหายไปในทะเล!
ยามนั้นความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเขา พบยอดฝีมือเข้าแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า