ตอนที 312 ครั้งนี้ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว
ลิ่งหูชิวถาม “ท่านไม่รู้หรือว่าสิ่งที่ทำการประมูลในครั้งนี้มันเป็นเผือกร้อนลวกมือ?”
เฟิงเอินไท่ตอบว่า “ผู้ใดจะไม่รู้เล่า? แต่รู้แล้วอย่างไร? คนที่มาจัดการเรื่องม้าศึกทางแคว้นฉี ต่อให้ไม่ร่วมงานประมูลครานี้ มันจะมีสักกี่คนที่สามารถจัดการเรื่องม้าศึกได้อย่างราบรื่น? ใครบ้างที่ไม่เสี่ยงอันตราย? มีสักกี่คนที่ไม่เจอการต่อสู้ฆ่าฟัน? เมื่อมีโอกาสมันก็ต้องลองดูหรือเปล่า มิเช่นนั้นจะมีคนมาประมูลกันมากมายปานนี้ได้อย่างไร ข้าว่าพวกเจ้าสองคนคงรู้เรื่องงานประมูลแต่แรกแล้วกระมัง เหตุใดถึงไม่บอกข้าก่อน?”
ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ที่ไม่บอกท่านก็เพราะหวังดีต่อท่าน ไม่อยากดึงท่านเข้ามาข้องเกี่ยว เลี่ยงไม่ให้ท่านต้องลำบากใจ ใช่แล้ว…” เขามองซ้ายมองขวา “เหตุใดถึงไม่เห็นคนอื่นๆ เลย สำนักหยกสวรรค์ส่งท่านมาเข้าร่วมงานประมูลคนเดียวหรือ?”
เฟิงเอินไท่ตอบว่า “คนอื่นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”
ลิ่งหูชิงถามต่อ “กลับไปแล้ว? ทิ้งให้ท่านอยู่จัดการเรื่องม้าศึกทางนี้คนเดียวหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง?”
เฟิงเอินไท่เอ่ยว่า “ข้าหมายถึงพวกเขานำของที่ประมูลได้จากไปแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะตามไปสมทบกับพวกเขา หวังว่าครั้งนี้จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น!”
“ของที่ประมูลได้?” สีหน้าลิ่งหูชิวและหนิวโหย่วเต้าพลันแปรเปลี่ยนมหันต์ ทั้งสองหยุดนิ่งบนผิวน้ำ เบิกตามองเฟิงเอินไท่ที่ทะยานต่อไปด้านหน้า
เฟิงเอินไท่ที่อยู่ด้านหน้าร่อนเหยียบผิวน้ำแล้วหันกลับมามอง จากนั้นบินกลับมา เอ่ยถามว่า “มีอะไรหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามเสียงขรึม “ท่านประมูลใบอนุญาตพวกนั้นไปหรือ?”
เฟิงเอินไท่กลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ เอ่ยตอบว่า “ใบอนุญาตชุดแรกเป็นพวกเราที่ประมูลไป จะว่าไปก็ต้องขอบใจน้องสามที่บังคับขายให้พวกเราในราคาหมื่นเหรียญทอง เรียกได้ว่าประหยัดเงินได้มากโข ไม่ต่างจากยกให้เปล่าๆ เลย หลังจากนี้ก็ควรมานั่งคิดกันแล้วว่าจะหลบเลี่ยงปัญหากันอย่างไร เจ้าวางใจเถอะ หากขนส่งม้ากลับไปได้อย่างราบรื่น เจ้าจะมีความดีความชอบในส่วนนี้ด้วย ข้าจะช่วยพูดให้เจ้าแน่”
ลิ่งหูชิวและหนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออก มองเขาด้วยความตกตะลึง ท่าทางของทั้งสองเหมือนอยากจะทุบตีเขาใจแทบขาด
เฟิงเอินไท่ถามด้วยความสงสัย “เหตุใดพวกเจ้าถึงมองข้าเช่นนี้?”
หนิวโหย่วเต้ากัดฟันถาม “ท่านประมูลใบอนุญาตชุดแรกไปหรือ?”
เฟิงเอินไท่ยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะประมูลชุดแรกเลยจริงๆ ผู้ใดจะทราบเล่าว่าเจ้าจะจัดการรวดเร็วขนาดนั้น ทันทีที่คนของพวกเรายกมือขึ้น เจ้าก็บังคับขายให้พวกเราเสียแล้ว ตอนแรกข้ายังสงสัยอยู่หน่อยว่าเจ้ารู้ว่าเป็นพวกเดียวกันเลยตั้งใจขายให้ แต่ตอนนี้เห็นทีจะมิได้เป็นเช่นนั้น”
ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “นี่เหล่าเฟิง ท่านรู้ว่าสิ่งนี้มีปัญหายุ่งยาก แต่ก็ยังกล้าประมูลไปอีกหรือ?”
เฟิงเอินไท่ตอบว่า “ก็ข้าไม่เห็นมีผู้ใดยกมือตอนที่น้องสามให้เสนอราคาประมูล…ข้ารู้ดีว่าน้องสามต้องการอาศัยการประมูลครั้งนี้เพื่อเอาตัวรอด ไหนเลยจะนิ่งดูดายได้ ย่อมต้องช่วยเขาทำให้การประมูลมันคึกคักขึ้นมา ปัญหามันย่อมต้องมีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ข้าก็เตรียมการไว้พร้อมเช่นกัน ข้าทำการตรวจสอบเส้นทางใต้น้ำมาก่อนล่วงหน้าแล้ว มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดดักซุ่มอยู่ใต้น้ำ พื้นที่ของทะเลสาบส่องนภาแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล ผู้ใดจะทราบเล่าว่าพวกเรามาจากฝั่งไหน ขอเพียงไม่ถูกคนจับตามอง เราก็ยังมีโอกาสหนีรอดออกไปได้ หากไม่มีความมั่นใจอยู่บ้าง ข้าไหนเลยจะกล้ามาร่วมการประมูลง่ายๆ”
หนิวโหย่วเต้าเงยหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจออกมา “ภัยจากคนนอกป้องกันง่าย ภัยจากคนในป้องกันยาก ข้ายอมใจท่านแล้วจริงๆ!”
ลิ่งหูชิวก็ยกมือตบหน้าผากตัวเองดังแปะ! “จบเห่แล้ว เหล่าเฟิง ข้าว่าครั้งนี้ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว”
เฟิงเอินไท่ถามด้วยความสับสนไม่เข้าใจ “ท่าทางเช่นนี้ของพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ลิ่งหูชิวลดมือลงจากหน้าผาก เคาะหลังมือถี่ๆ เอ่ยไปว่า “พี่ใหญ่หนอพี่ใหญ่ ข้าล่ะยอมใจท่านจริงๆ เลย สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ส่งท่านมาจัดการเรื่องม้าศึก ท่านทำเช่นนี้ไม่กลัวว่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์จะต้องตายกันหมดหรือ! ทหารโง่ตายลำพัง นายพลโง่หายนะทั้งกองทัพ คำกล่าวนี้ข้าเพิ่งจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็วันนี้เอง นี่พี่ใหญ่ ท่านเองก็รู้ว่าใบอนุญาตนั่นมีปัญหา แต่ยังกล้าไปแตะต้องมันอีก น้องสามช่วยขจัดภัยนี้แทนท่านแล้ว แต่ท่านดันไปชักภัยกลับมาใส่ตัวอีก ท่านทำแบบนี้อยากให้พวกเราโมโหตายกระมัง! ”
หนิวโหย่วเต้าก้มหน้าถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “พี่รอง ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้ข้านึกอยากจะจับเขาแขวนคอตายให้รู้แล้วรู้รอด หรือไม่ก็แทงเขาสักหมื่นทีก็ได้ ข้ายังไม่อยากตาย มิเช่นนั้นข้าคงไม่ไปต่อสู้กับคุนหลินซู่เช่นนั้นหรอก ท่านเอามีดมาให้ข้ายืมหน่อย”
ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ข้าไม่มีมีด แต่กระบี่ในมือเจ้าก็ใช้ได้เช่นกัน เจ้าวางใจได้ ข้ารับรองว่าจะไม่ขวางเจ้าแน่ เอาเลย!”
พอเห็นว่าหนิวโหย่วเต้ามีท่าทางเหมือนอยากจะชักกระบี่ออกมาสังหารตนใจแทบขาดแล้วจริงๆ เฟิงเอินไท่ก็รีบเหินละลิ่วออกไป เว้นระยะไว้พอควร เอ่ยขึ้นว่า “ข้าว่าพวกเจ้าสองคนอธิบายมาให้ข้าเข้าใจชัดเจนจะดีกว่า!”
“ไอ๊หยา!” ลิ่งหูชิวยกสองมือปิดหน้าพลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกพวกนั้นนั้นมีปัญหาอย่างไรเล่า!”
เฟิงเอินไท่ฉงน “เป็นของปลอมหรือ?”
ลิ่งหูชิวแทบจะร้องไห้แล้ว เขาเงยหน้าขึ้น เอ่ยอย่างยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ มิใช่ของปลอม แต่มีการทำลูกไม้บางย่างกับใบอนุญาตเอาไว้ ขอเพียงพกใบอนุญาตเหล่านั้นติดตัว ท่านหนีไปไหนก็ไม่มีประโยชน์ จะมีคนมากมายไปตามสังหารท่าน แล้วท่านดูสิว่าท่านกำลังก่อเรื่องใดขึ้น! ”
เฟิงเอินไท่ตะลึงงัน จากนั้นก็แสดงท่าทางโมโหโกรธเกรี้ยวออกมา ชี้หน้าทั้งสองพลางเอ่ยตะคอกว่า “พวกเจ้าบอกข้ามาตามตรงซะ พวกเจ้ารู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม เหตุใดถึงปิดบังข้า?”
ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ปิดบังอันใดเล่า ก็เปิดทางให้ท่านหนีรอดไปอย่างราบรื่นแล้ว พวกเรามาเสี่ยงอันตรายที่นี่แทน ท่านยังมีหน้ามาโวยวายอีกหรือ?”
“ไม่ได้การแล้ว!” เฟิงเอินไท่มีสีหน้าร้อนรนกระวนกระวาย ตระหนักได้ว่าก่อปัญหาใหญ่แล้ว อาจจะทำให้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่ตนพามาต้องตายกันหมดจริงๆ
ลิ่งหูชิว “ไม่ได้การอันใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า