ตอนที่ 337 รับงานโดยพลการ
หลายวันต่อมา หนิวโหย่วเต้าแทบจะไม่ออกไปไหนอีกเลย เฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวทางฝั่งเกาะทะเลอย่างเข้มงวด ต้องการให้กงซุนปู้รายงานสถานการณ์ทางฝั่งเกาะทะเลทุกวัน
หลายวันผ่านไป ลิ่งหูชิวมาหาที่เรือนทางนี้ เรียกหนิวโหย่วเต้าที่นอนเอื่อยเฉื่อยอยู่ใต้ร่มเงาไม้ “น้องหนิว”
หนิวโหย่วเต้าที่กำลังหยอกล้อต่อกระซิกกับก่วนฟางอี๋หันไปมอง เห็นเขาสะพายห่อสัมภาระไว้ด้านหลังก็ลุกขึ้นมา เอ่ยถามว่า “นี่พี่รองจะไปไหนหรือ?”
ลิ่งหูชิวเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ “หาคนลงมือที่เหมาะสมได้แล้ว แต่เรื่องที่จะลงมือกับเว่ยฉูไม่สะดวกให้คนรู้มากเกินไป ต้องติดต่อผ่านคนกลาง ข้าต้องไปเจรจากับอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ดูว่าอีกฝ่ายมีเงื่อนไขอย่างไร ยังมีเรื่องราคาอีก หากเจรจาสำเร็จ ข้าจะติดต่อมาหาเจ้าทันที แต่เรื่องเงินเจ้าต้องหาทางจัดการเอาเองนะ”
หนิวโหย่วเต้าคล้ายจะตื่นเต้นขึ้นมา “ตกลง! ไม่ทราบว่าครั้งนี้พี่รองจะไปนานแค่ไหน?”
ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “อย่างต่ำก็สองสามวัน อย่างมากก็เจ็ดแปดวัน”
หลังจากบอกกล่าวกันเล็กน้อยแล้ว ลิ่งหูชิวก็ออกเดินทางทันที เดิมทีหนิวโหย่วเต้าบอกว่าจะไปส่ง แต่ลิ่งหูชิวบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปส่ง เลี่ยงไม่ให้เป็นเป้าสายตาจนเกินไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าก็ไม่เกรงใจเขาอีก ไปส่งเพียงหน้าประตูเรือนเล็กเท่านั้น
หลังจากมองส่งเขาจากไป ก่วนฟางอี๋ที่โบกพัดอยู่ก็ยกพัดกลมขึ้นปิดหน้า ปกปิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ นางเอียงศีรษะเล็กน้อย ส่งสายตาให้คนผู้หนึ่งที่อยู่ไม่ไกล มีคนสะกดรอยตามลิ่งหูชิวไปอย่างเงียบเชียบทันที
พอกลับมาถึงในลานเรือน หนิวโหย่วเต้ากลับไปนอนเอนบนเก้าอี้เอนหลังอีกครั้ง
ก่วนฟางอี๋เองก็นั่งลงบนม้านั่งทรงกลมด้านข้าง “ดูเหมือนในที่สุดเจ้าก็ได้สมหวังแล้ว ในที่สุดเขาก็ต้องเปลี่ยนไปลงมือกับเว่ยฉูแทน”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มเฝื่อน “เรื่องบางอย่างก็ค่อนข้างอยู่เหนือความคาดหมายของข้า ไม่คิดเลยว่าเขาอดทนได้นานขนาดนี้ หากเขายังล่าช้าต่อไป ข้าคงจะทนไม่ไหว”
หลักเหตุผลก็ง่ายดายมาก ทางเกาะทะเลน่าจะใกล้มีความเคลื่อนไหวแล้ว เขาไม่สามารถรั้งอยู่ที่เมืองหลวงแห่งนี้ไปได้ตลอด อยู่มานานมากพอแล้ว หากยังรั้งอยู่ไม่ยอมจากไปอีก เกรงว่าเฮ่าอวิ๋นถูคงจะลงมือจัดการเขาอีกครั้ง
ทั้งสองพูดคุยกันสัพเพเหระกันไปสักพัก ชายที่สะกดรอยตามก็กลับมา เขาเหลือบมองหนิวโหย่วเต้าที่นอนเอื่อยเฉื่อยอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่
ก่วนฟางอี๋เอ่ยว่า “เขานอนร่วมหมอนกับข้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงปิดบังอันใด ว่ามาเถอะ!”
หนิวโหย่วเต้าฟังแล้วกลอกตาใส่ทันที พบว่าสตรีนางนี้สนุกกับบทบาทวัวแก่กินหญ้าอ่อนเสียจริง เอ่ยปากทีไรก็นำเรื่องนี้มาแหย่เขาได้ทุกครั้ง
ชายคนนั้นรายงานว่า “นายหญิง ลิ่งหูชิวออกจากเมืองไปคนเดียว ออกจากประตูเมืองทิศใต้ไป ก่อนที่จะออกจากสวนไม้เลื้อยไปเขายังเปลี่ยนชุดด้วยขอรับ”
“อืม!” ก่วนฟางอี๋พยักหน้ารับ สื่อว่าเข้าใจแล้ว โบกพัดกลมไล่เล็กน้อย
ขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะหันหลังออกไป หนิวโหย่วเต้าพลันถามขึ้นมา “ลิ่งหูชิวออกจากเมืองไปคนเดียวหรือ?”
ชายคนนั้นมองไปที่ก่วนฟางอี๋อีกครั้ง เอ่ยตอบว่า “ขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าผุดลุกขึ้นนั่ง “หงซิ่ว หงฝูล่ะ? ไม่ได้ไปกับเขาด้วยหรือ?”
ชายคนนั้นผงะไปเล็กน้อย “พวกนางสองคนอยู่ในสวนไม้เลื้อยมิใช่หรือขอรับ? พวกนางสองคนไปส่งลิ่งหูชิวถึงประตูข้างเท่านั้น ไม่ได้จากไปพร้อมกัน!”
“หงซิ่วกับหงฝูไม่ไปด้วยอย่างนั้นหรือ?” หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นยืน เอ่ยอย่างค่อนข้างแปลกใจ “สองคนนี้มักจะตามติดอยู่ข้างกายเขาเสมอ”
มีความคลาดเคลื่อนด้านเวลาอยู่ ก่วนฟางอี๋ใคร่ครวญเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “เหล่าชี เจ้าไปตรวจสอบเรือนทางนั้นดูอีกที ดูว่าพวกนางยังอยู่หรือไม่”
“ขอรับ!” ชายคนนั้นจากไป
ผ่านไม่นานก็กลับมาอีกครั้ง หงซิ่วและหงฝูยังอยู่จริงๆ ยังมิได้จากไป มีเพียงลิ่งหูชิวคนเดียวที่ออกไป
“นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” หนิวโหย่วเต้าพึมพำ จากนั้นเอ่ยว่า “ข้าจะไปดูสักหน่อย” ว่าแล้วก็สาวเท้าจากไป
“จะเดินเร็วขนาดนั้นไปทำไม จะรีบไปเกิดใหม่หรือ?” ก่วนฟางอี๋ตะโกนเรียก เดินส่ายสะโพกติดตามไป โบกพัดกลมในมืออย่างไม่อนาทรร้อนใจ
เมื่อทั้งสองออกมาจากเรือน พลันมีคนห้าหกคนโผล่มาจากรอบข้างแล้วติดตามไปทันที
หงซิ่วและหงฝูกำลังนำข้าวของออกมาผึ่งแดดอยู่ในลานเรือน พอเห็นมีคนมาก็ละวางของไว้ชั่วคราว เดินเข้ามาคารวะ “เต้าเหยี่ย พี่ก่วน!”
หนิวโหย่วเต้าถามพวกนางทันที “เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ไปกับพี่รอง?”
หงซิ่วตอบว่า “นายท่านบอกว่าเรื่องในครั้งนี้เป็นความลับ พี่น้องฝาแฝดอย่างพวกเราสะดุดตาเกินไป ดึงดูดความสนใจได้ง่าย อีกทั้งคนที่ไปพบในครานี้ก็ระมัดระวังตัวเช่นกัน ไม่อนุญาตให้นายท่านพาผู้ติดตามไป นายท่านเองก็มีเจตนาจะปกปิดตัวตนด้วย ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ จึงตั้งใจที่จะไม่พาพวกเราไปด้วยเจ้าค่ะ…”
พอออกจากทางนี้ไปก็กลับไปที่เรือนของก่วนฟางอี๋ หนิวโหย่วเต้ายกมือไพล่หลังเดินวนไปวนมาพลางใช้ความคิด
กลายเป็นก่วนฟางอี๋ที่ไปนอนเอื่อยเฉื่อยอยู่บนเก้าอี้เอนหลังแทน ท่วงท่ายามบิดตัวเป็นครั้งคราวเย้ายวนคนนัก นางโบกพัดกลมในมือพลางกล่าวว่า “หยุดเดินไปเดินมาสักที ข้าตาลายหมดแล้ว”
หนิวโหย่วเต้าหยุดอยู่ด้านข้าง เอ่ยขึ้นว่า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ?”
ก่วนฟางอี๋กล่าวว่า “ที่อีกฝ่ายพูดมาก็ถูก พาฝาแฝดสาวคู่หนึ่งไปด้วย หากเป็นคนช่างสังเกตมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นลิ่งหูชิว ปลอดภัยไว้ก่อนก็ถูกแล้วนี่”
หนิวโหย่วเต้านั่งบนม้านั่ง โน้มลงไปที่เก้าอี้เอนหลัง เอ่ยริมหูนาง “เข่นนั้นเจ้าคิดว่าลิ่งหูชิวให้ใครมาลงมือกับเว่ยฉู?”
ก่วนฟางอี๋หันไป เปล่าลมใส่หน้าเขาเสียงดังฟู่! “เจ้าบอกว่าเขาเป็นคนของหอจันทร์กระจ่างมิใช่หรือ? หอจันทร์กระจ่างอิทธิพลกว้างขวาง ยอดฝีมือมากมายดั่งเมฆา เขาต้องการกำจัดลิ่งหูชิว ย่อมต้องไปหาหอจันทร์กระจ่าง…” พอกล่าวมาถึงตรงนี้ก็ผงะไป ขมวดคิ้วขึ้นมา
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าน่าจะเข้าใจแล้วกระมังว่าคำพูดของสตรีสองคนนั้นมีปัญหา? หากข้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเขาดีก็คงถูกเขาหลอกไปแล้ว”
ก่วนฟางอี๋พลิกตัวมานอนตะแคง คู้ขาสองข้างขึ้นมา มองหน้าเขาพลางเอ่ยว่า “บางทีเขาอาจจะไปหาคนอื่น ไม่ได้ไปหาคนของหอจันทร์กระจ่างกระมัง? อีกอย่าง หอจันทร์กระจ่างทำตัวลึกลับมาตลอด มีความเป็นไปได้สูงว่าสมาชิกในองค์กรจะไม่เผยตัวให้กันและกันทราบ”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเสียงเรียบ ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นมา แววตาวูบไหว
ช่วงรุ่งเช้าในอีกสองวันให้หลัง มีเสียงเคาะประตูแว่วดังมาจากนอกห้องนอนของก่วนฟางอี๋
เสียงของสาวใช้แว่วเข้ามา “นายหญิงเจ้าคะ”
ก่วนฟางอี๋ที่กำลังหลับฝันหวานอยู่บนเตียงพลิกตัวพลางบิดขี้เกียจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า