ตอนที่ 336 เกาะสตรีกิน
ที่เขาถามถึงเรื่องนี้มิใช่เพราะว่ามีเหตุผลอื่น หากแต่เป็นเพราะระยะนี้เขาไม่ได้ข่าวของหนิวโหย่วเต้าเลยจริงๆ
สำนักเขามหายานไม่ใส่ใจบุญคุณความแค้นส่วนตัวของเขา ความปลอดภัยของตัวเจ้าพวกเราย่อมปกป้องคุ้มครอง แล้วเจ้ายังจะเอาอย่างไรอีก?
ความคิดของสำนักเขามหายานไม่มีอะไรซับซ้อน ครั้งก่อนเขาก่อเรื่องวางยาพิษคนในครอบครัวตน เกือบทำให้สำนักเขามหายานพลอยเดือดร้อนไปด้วย แค่นั้นยังวุ่นวายไม่พออีกหรือ? ทางสำนักไม่ต้องการให้เขาต่อความยาวสาวความยืดกับหนิวโหย่วเต้าไม่จบไม่สิ้น ไม่อยากให้เกิดปัญหาอันใดขึ้นมาอีก
ดังนั้น สำนักเขามหายานจึงแทบจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ของหนิวโหย่วเต้าต่อเขาอีก ซ้ำยังจะปกปิดเอาไว้เพื่อความปลอดภัย ด้วยกลัวว่าเขาจะเกิดความคิดเหลวไหลขึ้นมาอีก ต้องการให้เขาทุ่มเทความคิดไปกับการบริหารมณฑลเป่ยโจวเท่านั้น อยากให้เขาดูแลมณฑลเป่ยโจวให้ดี
ส่วนทางด้านซูจ้าว เนื่องจากไม่ได้ฟังคำเตือนของเขา เท่ากับลงมือกับหนิวโหย่วเต้าโดยปิดบังเขาไว้ ดังนั้นจึงไม่ได้รายงานข่าวใดๆ ของหนิวโหย่วเต้าต่อเขา
สำหรับเซ่าผิงปอถึงแม้เขาจะยุ่งมาก ทว่ายังคงพะวงถึงหนิวโหย่วเต้าอยู่ นับตั้งแต่หนิวโหย่วเต้าไปถึงแคว้นฉี เขาก็ไม่ได้รับรายงานข่าวใดๆ เกี่ยวกับหนิวโหย่วเต้าอีกเลย
เขาส่งจดหมายไปสอบถามเรื่องม้าศึกจากซูจ้าวอยู่หลายครั้ง ถือโอกาสสอบถามสถานการณ์ของหนิวโหย่วเต้าไปด้วย ทว่าคำตอบของทางซูจ้าวล้วนบอกว่ากำลังจับตามองอยู่
หากว่ากันในอีกมุมหนึ่ง ซูจ้าวยังไม่คงไม่ยอมถอดใจ ยังคงหาโอกาสที่จะลงมืออยู่
เมื่อไม่ได้รับข้อมูลที่แน่ชัดอันใดของหนิวโหย่วเต้า เซ่าผิงปอมักจะรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ในใจเล็กน้อย สังหรณ์อยู่เสมอว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ยิ่งเป็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งหวาดระแวง ยอมรามืออีกครั้ง กำชับซูจ้าวว่าห้ามไปตอแยหนิวโหย่วเต้าอีกจนกว่าเรื่องขนส่งม้าศึกจะเสร็จสิ้น
เขาถึงขั้นที่บอกไปอย่างชัดเจนว่าคนผู้นั้นจัดการได้ยาก นางสู้เขาไม่ได้แน่นอน!
เดิมทีหากว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว การเอ่ยถึงเรื่องหนิวโหย่วเต้าต่อหน้าถังอี๋นั้นไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก แต่สุดท้ายแล้วภายในใจเขายังคงมีความกังวลแฝงอยู่ รู้สึกอยู่เสมอว่าหนิวโหย่วเต้านิ่งเงียบเกินไป ถ่อไปจัดการเรื่องม้าศึกถึงแคว้นฉี แต่กลับนิ่งเงียบเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าค่อนข้างผิดปกติ สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวเอ่ยถามออกไป
ถังอี๋เงียบไปครู่หนึ่ง ส่ายหน้าเล็กน้อยพลางตอบว่า “ไม่ค่อยสนใจเรื่องของเขาสักเท่าไร ตอนนี้ยังไม่ได้ยินข่าวใด!”
ในความเป็นจริงแล้ว ทางนางได้รับคำเตือนจากสำนักเขามหายาน สั่งให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ปิดปากไว้ให้สนิท!
แม้แต่นางก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ? ในใจเซ่าผิงปอเต็มไปด้วยความสงสัยเหลือคณา หนิวโหย่วเต้าคนนั้นทำอะไรอยู่กันแน่?
ครั้งก่อนหลังจากไปล่วงเกินหอหิมะเหมันต์เข้า เขาก็ถูกสำนักเขามหายานควบคุมความประพฤติอย่างเข้มงวด ไม่สะดวกจะติดต่อกับกลุ่มอิทธิพลอื่นของโลกบำเพ็ญเพียร เนื่องจากสำนักเขามหายานก็กลัวว่าเขาจะส่งสำนักอื่นไปก่อเรื่องเช่นกัน สำนักขนาดเล็กส่วนหนึ่งที่อยู่ในเขตพื้นที่มณฑลเป่ยโจวล้วนได้รับคำเตือนทั้งสิ้น
เขาอยากส่งซ่งซูและเฉินกุยซั่วไปสืบข่าวสักหน่อย แต่จนใจที่ตอนนี้ต้องให้ทั้งสองคนคอยจับตาดูเส้นทางน้ำสายนั้น นั่นคือเรื่องสำคัญสำหรับตอนนี้!
คิดไปคิดมาเขาก็ตัดสินใจจะฝ่าฝืนคำสั่งของสำนักเขามหายาน เตรียมจะให้เซ่าซานเสิ่งลอบไปหาวิธีมา
หลังจากตัดสินใจได้เช่นนี้ เขาหันไปมองถังอี๋ สตรีนางนี้รูปโฉมงดงามดั่งถูกบรรจงวาดขึ้นมา เลอโฉมเฉิดฉัน ทำให้จิตใจเขาสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยเรียกออกไป “ถังอี๋!”
ถังอี๋หันไปมอง ทั้งสองคนสบตากัน
เซ่าผิงปอยื่นมือออกไปหมายจะกุมมือนาง จนใจที่นิ้วยังไม่ทันได้แตะ ถังอี๋ก็หลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว เอ่ยเสียงขรึมว่า “คุณชายใหญ่โปรดสำรวมด้วย!” สีหน้าปรากฏความขุ่นเคือง
นางมิใช่ก่วนฟางอี๋ นางได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก อีกทั้งมิเคยมีประสบการณ์เรื่องชู้สาว มีความยับยั้งชั่งใจในเรื่องกำหนัดอารมณ์ที่เข้มงวดอย่างมาก ไม่มีทางยอมรับเรื่องเหลวไหลเชิงนี้ได้ และไม่มีวันยอมปล่อยตัวเด็ดขาด
ท่าทีคลุมเครือที่เซ่าผิงปอแสดงออกมาในเวลาปกตินางไม่ได้ถือสาอะไร แต่กล้ามาทำรุ่มร่ามเช่นนี้ เห็นนางเป็นคนเช่นไรกัน? เรื่องนี้เป็นความอัปยศสำหรับนาง ทำให้นางโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ
เซ่าผิงปอรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่กลับยิ้มแล้วตอบว่า “ขออภัย ยากจะห้ามใจได้ชั่วขณะ!”
ถังอี๋กล่าวว่า “ข้าได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว หวังว่าวันหน้าคุณชายใหญ่จะไม่พูดจาแบบนี้อีก เพราะนี่เท่ากับเป็นการดูหมิ่นข้า!”
พอกล่าวประโยคนี้จบ นางก็อดคิดอยู่ในใจไม่ได้ ต่อไปหากหนิวโหย่วเต้าแต่งงานใหม่อีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นนางจะยังกล่าวเช่นนี้ได้หรือไม่?
เซ่าผิงปอกริ่งเกรงจ้าวสยงเกออยู่ หากก่อเรื่องขึ้นจริงๆ กระทั่งสำนักเขามหายานก็คงจะยอมคุกเข่าต่อหน้าจ้าวสยงเกอเป็นแน่ เขาจึงไม่กล้าบีบคั้นให้ถังอี๋จนตรอก หันหลับไปมองด้านหน้าอีกครั้ง หรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาฉายแววอึมครึม
….
ภายในศาลารับลมบนภูเขาจำลอง ลิ่งหูชิวและหงซิ่วทอดสายตามองไกลออกไป เห็นหนิวโหย่วเต้าและก่วนฟางอี๋เดินเคียงกันกลับมาจากด้านนอก มุ่งหน้ากลับไปยังเรือนของก่วนฟางอี๋
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ก่วนฟางอี๋เกาะติดหนิวโหย่วเต้าอย่างใกล้ชิดจริงๆ ทางนี้ไม่สามารถหาโอกาสลงมือได้เลย
คิดจะยั่วยวนก็ต้องหาจังหวะที่ก่วนฟางอี๋ไม่อยู่ถึงจะทำได้ หากมีก่วนฟางอี๋อยู่ ต่อให้หนิวโหย่วเต้ามีใจก็เกรงว่าคงไม่กล้าอยู่ดี
“นายท่าน หากยังเสียเวลาต่อไปเช่นนี้ล่ะก็ ทางเบื้องบนนั้นเรายังพออธิบายได้อยู่ แต่ทางหนิวโหย่วเต้า เกรงว่าเราคงไม่อาจถ่วงเวลาเรื่องเว่ยฉูต่อไปได้นะเจ้าคะ!” หงซิ่วกระซิบบอก
ลิ่งหูชิวขมวดคิ้วแน่น แรกเริ่มยังคงกังวลกับแผนยั่วยวนของสตรีทั้งสองอยู่ แต่พอเวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไป ความรู้สึกในส่วนนั้นก็เจือจางลง กลับกลายเป็นกังวลเรื่องที่สตรีทั้งสองไม่สบโอกาสลงมือสักที “เอาอย่างนี้ เจ้ารายงานทางเบื้องบนอีกครั้ง ให้เบื้องบนช่วยจัดฉาก เลือกวันที่เหมาะสมแล้วล่อก่วนฟางอี๋ออกไปที!”
เดิมทีทางนี้คิดจะจัดฉากล่อก่วนฟางอี๋ออกไปด้วยตัวเอง ทว่าก่วนฟางอี๋อำลาวงการแล้ว ไม่รับงานอีกต่อไป จึงแทบจะไม่ได้เจอลูกค้าอีก จึงเป็นไปได้ยากที่จะล่ออีกฝ่ายออก ปัญหาอีกอย่างคือ หากล่อออกไปก็ต้องถ่วงเวลาให้สตรีทั้งสองมากพอด้วย มิเช่นนั้นหากก่วนฟางอี๋กลับมาต้องถูกจับได้แน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ล่อออกไปจากสวนไม้เลื้อยก็จบ
“เจ้าค่ะ!” หงซิ่วพยักหน้าตอบรับ
ภายในสวน ใต้ร่มเงาไม้ บนเก้าอี้เอนหลังตัวหนึ่ง หนิวโหย่วเต้านอนเอนหลังอยู่ตรงนั้น ในหัวกำลังใคร่ครวญถึงข่าวที่ทางกงซุนปู้ส่งมา ทางฝั่งเกาะทะเลคาดว่าเรือเหล่านั้นคงใกล้จะปรับปรุงเสร็จแล้ว
ขณะที่กำลังคิดวนไปวนมา จู่ๆ ก็มีเสียงความเคลื่อนไหวดังขึ้น เขาจึงลืมตาแล้วเหลียวหน้าไปทันที มองเห็นถุงเล็กๆ ใบหนึ่งลอยเข้ามา ร่วงกระทบหน้าท้องของเขา
ก่วนฟางอี๋ถือพัดกลมเดินบิดเอวอ้อนแอ้นเข้ามา เป็นนางที่โยนถุงเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า