ตอนที่ 335 ชื่อเสียงที่ร่ำลือกันภายนอก
ปู้สวินค้อมกายเล็กน้อย กล่าวไปว่า “ทูลฝ่าบาท เขายังไม่ออกจากเมืองหลวง ยังอยู่ในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“ยังไม่ไปหรือ?” เฮ่าอวิ๋นถูฉงน สงสัยว่าเหตุใดหนิวโหย่วเต้ายังไม่ไปอีก อีกฝ่ายมาที่แคว้นฉีเพราะเรื่องม้าศึก แต่ปัญหาทางแคว้นฉีเขาก็ช่วยจัดการให้หนิวโหย่วเต้าไปแล้ว เหตุใดถึงยังรั้งอยู่ไม่ยอมจากไปอีก? ที่สงสัยยิ่งกว่าคือแค่อีกฝ่ายยังไม่ไป เหตุใดถึงทำให้ปู้สวินอึกอักลังเลได้ “เพราะอะไรถึงยังไม่ไป? ปู้สวิน เจ้ามีเรื่องใดปิดบังข้าอยู่?”
ปู้สวินยิ้มเจื่อนอยู่ในใจ เขาไม่อยากเอ่ยเรื่องนี้กับฝ่าบาท ดังนั้นจึงปิดเงียบมาโดยตลอด ตอนนี้กลับถูกถามเข้าแล้ว จึงจำเป็นต้องพูดออกไป มิเช่นนั้นจะมีโทษฐานปิดบังเบื้องสูง เขาค้อมกายพลางเอ่ยออกไปอีกครั้งว่า “ทูลฝ่าบาท หนิวโหย่วเต้าติดพันด้วยเรื่องความรัก ได้ยินว่าจะแต่งกับหงเหนียง…”
ความรู้สึกสงสัยอยากสืบสวนเค้นเอาความจริงที่เพิ่งปรากฏขึ้นบนร่างเฮ่าอวิ๋นถูพลันหยุดนิ่งลงทันที สีหน้าเพ่งพินิจอย่างเย็นชาก็สลายหายไปในทันใด เขาเอ่ยถามว่า “หนิวโหย่วเต้าจะแต่งกับหงเหนียง? เจ้าแน่ใจหรือ? มิใช่ไปเป็นบ่าวรับใช้หรือ? เหตุใดกลายเป็นแต่งกับนางไปได้?”
ปู้สวินตอบว่า “ข่าวแพร่ออกไปแล้ว แล้วก็ได้รับการยืนยันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุดเฮ่าอวิ๋นถูก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดปู้สวินจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ เพราะครั้งก่อนเขาเคยกล่าวไว้ เขาทนฟังเรื่องของหงเหนียงไม่ได้แล้ว แต่พอไม่อยากนึกถึงก็ดันถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีก ยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ไป
เขาหันหลังมองไปยังเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสงไฟสว่างไสวอีกครั้ง ไม่พูดไม่จาอยู่นานพักใหญ่ ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่อารมณ์ที่ฉายอยู่ในแววตาซับซ้อนยิ่ง
ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาถามว่า “รั้งอยู่ในเมืองหลวงเพื่อจัดงานวิวาห์หรือ?”
ปู้สวินตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทั้งสองพักอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เที่ยวเล่นไปทั่วดูเหมือนจะยังเที่ยวไม่หนำใจพอพ่ะย่ะค่ะ!”
เฮ่าอวิ๋นถูเม้มปากเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดจะบอกว่าหากจัดงานวิวาห์จริง เขาจะให้ปู้สวินส่งของขวัญไปในนามของใครสักคนเพื่อแสดงถึงความใจกว้างของตน แสดงให้เห็นว่าตนปล่อยวางแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนเขายังอยู่ในช่วงพลอดรัก ภาพของโฉมงามในชุดเจ้าสาวกำลังเสี่ยงช่อแพรอยู่ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ปากเอ่ยเนิบๆ ไปว่า “ข้าคือฮ่องเต้แคว้นฉี ไม่มีทางยึดติดกับเรื่องรักใคร่ชายหญิง! ใบอนุญาตสิบแผ่นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
ปู้สวินกล่าวว่า “อยู่ในช่วงปล้นชิงกันอย่างดุเดือดแล้วพ่ะย่ะค่ะ มีคนตายไปไม่น้อย ทิศทางของใบอนุญาตเองอยู่ในการควบคุมของพวกเราตลอด มีสามสำนักใหญ่คอยประสานงานอย่างลับๆ ไม่ว่าแผ่นไหนก็ไม่มีหลุดรอดออกไปจากแคว้นฉีได้ง่ายๆ พ่ะย่ะค่ะ…”
ฟ้ามืดมิด บรรพตสูง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวราวกับอยู่เพียงเอื้อม แต่พอไปถึงสุดปลายยอดเขากลับพบว่ายังคงอยู่ไกลเกินไขว่คว้า
เฮยหมู่ตานเงยหน้ามองดวงดาว ลมพัดกระโปรงไหว
นางและกงซุนปู้นำกำลังคนมาดักซุ่มอยู่ที่นี่ รอคอยแผนการขั้นต่อไปของหนิวโหย่วเต้า ผู้ใดจะทราบว่าแผนการขั้นต่อไปยังไม่ทันส่งมาก็ได้ข่าวว่าหนิวโหย่วเต้าจะแต่งงานกับก่วนฟางอี๋แล้ว
ข่าวที่ถูกส่งกลับมาจากเสิ่นชิวได้ยืนยันแล้วว่าเรื่องราวเกิดขึ้นกะทันหันเป็นอย่างยิ่ง วันนั้นหนิวโหย่วเต้าไปพบก่วนฟางอี๋ ตกคืนนั้นก็ไปค้างคืนร่วมกับนาง วันต่อมาก็คล้ายจะตัดสินใจแต่งกับก่วนฟางอี๋เลย
เฮยหมู่ตานไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังเล่นเล่ห์อันใดอยู่ แต่ถึงขนาดมีข่าวแต่งงานออกมาแบบนี้ มันออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า
นางรู้แก่ใจดี ระหว่างตนกับหนิวโหย่วเต้าไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอันใดเลย ไม่มีเรื่องอารมณ์รักใคร่ชายหญิงอันใดด้วย แต่กลับรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก อยากอยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์ ทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีๆ
…..
ทางแคว้นฉียังคงอยู่ในช่วงเวลาค่ำคืน ทว่าจังหวัดชิงซานที่อยู่ทางแคว้นเยี่ยนพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว
เสียงฝีเท้าม้าแว่วดังขณะที่ควบทะยานออกจากหุบเขา ซางซูชิงรวมถึงเฟ่ยฉางหลิว เจิ้งจิ่วเซียวและเซี่ยฮวาสามเจ้าสำนักออกมาส่งพวกซางเฉาจงจากไปพลางมองตามหลังไป
ซางเฉาจงเองก็ตกใจเพราะข่าวแต่งงานของหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน
ฝ่ายที่ได้รับความตกใจก่อนคือสำนักหยกสวรรค์
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ สำนักหยกสวรรค์ก็โมโหอยู่เล็กน้อย
เดิมทีส่งเฟิงเอินไท่ไปถามหนิวโหย่วเต้าเลยก็จบแล้ว แต่เฟิงเอินไท่กลับไม่อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้โง่คนนั้นจะคว้าของที่พยายามสลัดทิ้งไปอย่างยากลำบากกลับมาอีก จากนั้นก็ต้องหาทางโยนภาระทิ้งไปอีกครั้ง มีคนมารับช่วงต่อไปแล้วก็จริง ทว่าคนที่รับช่วงต่อรู้สึกว่าพฤติกรรมของสำนักหยกสวรรค์ผิดปกติ จึงตามไล่ล่าสังหารศิษย์ของสำนักหยกสวรรค์อยู่พักใหญ่เพราะต้องการฆ่าปิดปาก! สุดท้ายก็มีกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาแทรกแซงปล้นไป ถึงทำให้เหล่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่อยู่ทางแคว้นฉีพ้นภัยมาได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ทำให้สำนักหยกสวรรค์สูญเสียศิษย์ชั้นเลิศไปไม่น้อย ทำให้เผิงโย่วไจ้โมโจนแทบกระอักเลือด
แต่แน่นอน สำนักหยกสวรรค์ยังมีแผนสำรองอยู่ แล้วก็มีศิษย์ที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นฉีที่ยังไม่เปิดเผยตัวออกมา ดังนั้นถึงได้รับแจ้งข่าวเรื่องหนิวโหย่วเต้าจะแต่งก่วนฟางอี๋ สำนักหยกสวรรค์รีบมาหาทางซางเฉาจงเพื่อสอบถามยืนยันสถานการณ์ทันที
การแต่งงานเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่มีผู้ใดว่าอะไรได้ แต่ฐานะของก่วนฟางอี๋ชวนให้คนพูดไม่ออกจริงๆ
หลังจากได้ทราบถึงฐานะตัวตนของก่วนฟางอี๋ ซางเฉาจงเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะแต่งกับสตรีประเภทนี้ ด้วยเหตุนี้จึงมาขอคำยืนยันจากทางนี้
ทว่าทางฝั่งสามสำนักรวมถึงคนของสำนักเบญจคีรีก็ไม่ทราบถึงเจตนาของหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน ทราบเพียงว่ามีเรื่องนี้จริง
หลังจากเฝ้ามองพวกพี่ชายจากไปแล้ว ซางซูชิงหันกลับมา เอ่ยถามเจ้าสำนักทั้งสาม “หงเหนียงคนนั้นงดงามมากหรือ?”
เจ้าสำนักทั้งสามสบตากัน มาพูดเรื่องงดงามไม่งดงามอันใดต่อหน้าท่านหญิงผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร
ทว่ายังคงต้องเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี เฟ่ยฉางหลิวกล่าวว่า “สมัยก่อนตอนกระหม่อมยังไม่ได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักเซียนสถิต กระหม่อมเคยไปท่องเที่ยวที่แคว้นฉี ถึงแม้จะไม่เคยพูดคุยทำความรู้จักกับหงเหนียงคนนั้น แต่หลังจากได้ยินชื่อเสียงก็เคยไปพบมาแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าเป็นสตรีเลอโฉมคนหนึ่งที่หาได้ยากในโลกใบนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เจิ้งจิ่วเซียวพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “สมัยก่อนกระหม่อมก็เดินทางไปยลโฉมเพราะได้ยินชื่อเสียงของนางเช่นกัน งดงามมากจริงๆ จะบอกว่าเป็นโฉมงามแห่งยุคก็คงไม่เกินไป มีคนมาชอบพอมากมาย! แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ส่วนตอนนี้รูปโฉมจะเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า