ตอนที่ 339 ทอดกาย
ก่วนฟางอี๋ไม่ขยับเขยื้อน โบกพัดกลมมองซ้ายมองขวา เอ่ยอย่างคล้ายจะไม่อนาทรว่า “ตัวข้าเป็นคนพิถีพิถัน ข้าไม่มีความสนใจในเรือซอมซ่อลำนี้ พวกเจ้าค่อยๆ เล่นกันไปเถิด ข้าไปก่อนล่ะ!” ว่าพลางหันหลังคิดจากไป
ชายชุดหรูหราหรี่ตาลงทันที “หงเหนียง เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่หรือ?”
“เจ้าคิดว่าข้าดูเหมือนคนที่กำลังล้อเล่นอยู่หรือ?” ก่วนฟางอี๋พลันตวัดนิ้วเล็กน้อย ยันต์สีดำใบหนึ่งถูกคีบไว้ระหว่างนิ้วของนาง บนยันต์มีลวดลายกระบี่เล่มหนึ่งพาดอยู่ มีแสงสว่างไหลเวียนไปตามลวดลายอย่างเลือนราง
ชายชุดหรูหราอุทานด้วยความตกใจ “ยันต์กระบี่สวรรค์!”
คิดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะมีอาวุธสังหารเช่นนี้อยู่ในมือด้วย!
พอได้ยินคำว่า ‘ยันต์กระบี่สวรรค์’ สี่คำนี้ คนที่ปิดล้อมอยู่รอบด้านต่างมีสีหน้าแตกตื่น แต่ละคนเผยสีหน้าตกตะลึงสับสน ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ส่งเดชอีก แต่ละคนเริ่มเว้นระยะห่างออกไปเล็กน้อย
ก่วนฟางอี๋หัวเราะเยาะด้วยท่วงท่าที่ดูเย้ายวน “มีกระบี่สวรรค์อยู่ เพียงพอจะเอาชีวิตเจ้าได้แล้วกระมัง?”
สีหน้าของชายชุดหรูหราดูแย่เป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดก็รู้แล้วว่าตนถูกสตรีนางนี้หลอกเข้าให้แล้ว ตัวประกันก็หนีไปแล้ว ในมือไม่เหลือสิ่งใดที่สามารถข่มขู่สตรีนางนี้ได้อีก!
เขากัดฟันกรอดพลางเอ่ยไปว่า “ถึงเจ้าจะมีกระบี่สวรรค์อยู่ แต่ยันต์หนึ่งใบใช้ได้แค่หนึ่งครั้ง พวกเรามีกันมากขนาดนี้ เจ้าจะสังหารได้สักกี่คนกัน!”
ก่วนฟางอี๋แค่นเสียงเหอะ “ตั้งแต่ข้าเปิดกิจการสวนไม้เลื้อยขึ้นมา เจ้าคิดหรือว่าเจ้าเป็นคนแรกที่เข้ามาหาเรื่องข้า? เจ้าคงไม่ได้คิดจริงๆ กระมังว่าอาศัยยันต์กระบี่สวรรค์ใบเดียวก็ยุติปัญหาทุกอย่างได้แล้ว?” นางแขวนพัดไว้ที่เอว ตวัดนิ้วอีกครั้ง ยันต์สีดำอีกใบหนึ่งถูกคีบอยู่ในมืออีกข้าง บนยันต์มีลวดลายสายฟ้าและมีแสงสาดส่องไหลเวียนไปตามลวดลายเช่นกัน
“ยันต์เบิกบรรพต!” มีคนอุทานขึ้นมาอีกครั้ง
ก่วนฟางอี๋ขยิบตาให้คนผู้นั้นทีหนึ่ง ขยับนิ้วที่ถือยันต์เบิกบรรพตเล็กน้อย ยันต์หนึ่งใบกางออกเป็นสามใบ ที่แท้มียันต์สามใบเรียงซ้อนกันอยู่
สีหน้าของคนส่วนใหญ่ในที่แห่งนี้ตึงเครียดขึ้นมา
ยันต์อาคมเช่นนี้แบ่งออกเป็นสี่ระดับ สีม่วงคือชั้นเลิศ สีดำคือระดับสูง สีแดงคือระดับกลาง สีเหลืองคือระดับต่ำ
เหตุผลที่จำแนกเช่นนี้ เนื่องจากความแตกต่างของวัตถุดิบที่ใช้สร้างยันต์อาคม
เหตุผลที่มีการใช้วัตถุดิบแตกต่างกัน เป็นเพราะปริมาณพลังที่ผสานอยู่ในยันต์อาคมชนิดต่างๆ ไม่เท่ากัน พลังที่ผสานอยู่ในยันต์ชั้นเลิศหากนำไปใส่ไว้ในยันต์ระดับต่ำ ตัวยันต์จะรองรับไม่ไหว
ยันต์อาคมประเภทนี้สร้างได้ยาก ดังนั้นจึงมีราคาแพงลิบลิ่ว
หากใช้ขึ้นมานับว่าผลาญเงินโดยแท้ เป็นของที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว คนธรรมดาไม่มีทางนำมาใช้ และคนส่วนใหญ่ก็ไม่นำมาใช้เช่นกัน
แต่หากมีฐานะนิดหน่อยก็อาจพกติดตัวไว้สักใบเพื่อป้องกันตัว ใช้รักษาชีวิตในยามคับขันได้
แต่คิดไม่ถึงว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะมียันต์ระดับสูงอยู่เต็มมือ!
ชายชุดหรูหรากำสองมือแน่น เอ่ยไปว่า “การค้าขายที่สวนไม้เลื้อยเป็นนายหน้าที่ทำให้ผู้ซื้อเสียหาย เจ้าคิดจัดการเช่นนี้น่ะหรือ?”
ก่วนฟางอี๋โต้กลับ “เล่นไม้นี้กับข้าให้น้อยๆ หน่อย! ตัวข้าหงเหนียงมีชื่อเสียงดีงามมาหลายปีขนาดนี้ ย่อมไม่มีถูกโค่นล้มด้วยมรสุมเล็กน้อยได้! หากเจ้าไม่พอใจก็ไปร้องขอให้หอเลือนสลัวช่วยตัดสินได้ เจ้าสำนักของสำนักเพลิงนภา สำนักมหาบรรพตและสำนักศาสตราเลิศล้ำล้วนแต่มีตำแหน่งในหอเลือนสลัว อีกทั้งอยู่ใกล้แค่นี้ พวกเจ้าก็ไปหาพวกเขาสิ! แค่พวกคนทำตัวลับๆ ล่อๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้ากล้าไปหรือไม่เล่า?”
ชายชุดหรูหราเอ่ยว่า “หงเหนียง ต่อให้วันนี้เจ้ารอดตัวไปได้ แล้ววันหน้าเล่า?”
“ไม่มีวันนี้แล้วยังจะพูดถึงวันหน้าอันใดอีก ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเจ้าแล้ว ลาก่อน! หากผู้ใดกล้าขวางข้าไว้ ข้าจะใช้ยันต์เบิกบรรพตจัดการมันผู้นั้นเสีย!” ก่วนฟางอี๋ตะโกนขู่พลางเคลื่อนกายทะยานแหวกอากาศไป
กลุ่มคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปขวางเลยสักคน ต่างมองหน้ากันเหลอหลา มองกันไปมองกันมา เฝ้ามองเงาร่างที่ทะยานจากไปไกล
สีหน้าชายชุดหรูหราหมองคล้ำ วันนี้เสียหน้าอย่างมากจริงๆ ทั้งยังหมดหนทางจะรายงานต่อเบื้องบนด้วย
เขาไม่เข้าใจ ในมือของสตรีนางนี้มียันต์อาคมอยู่มากมายถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินข่าวลือเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย?
แต่พอคิดไปคิดมาก็เข้าใจแล้ว หากเป็นตัวเขาก็คงไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องในวันนี้ออกไปเช่นกัน น่าอับอายเกินไป!
“รีบแจ้งข่าวเร็ว!” ชายชุดหรูหราพลันหันกลับไปตะโกนสั่งอย่างร้อนใจ
….
ณ ศาลาในลานเรือน หงฝูผู้มีสีหน้าเย็นชานั่งบรรเลงพิณอยู่ ต้นตอของเสียงพิณที่ล่องลอยเนิบช้ามาจากที่แห่งนี้
หงซิ่วที่นั่งฟังอยู่ด้านข้างหันไปมอง เห็นพวกหนิวโหย่วเต้าเดินเข้ามา จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ “เต้าเหยี่ย!”
เสียงพิณพลันหยุดลง หงฝูก็ลุกขึ้นมาทำความเคารพเช่นกัน “เต้าเหยี่ย!”
“บรรเลงได้ไม่เลวเลย ไยไม่ดีดต่อเล่า?” หนิวโหย่วเต้าเดินเข้ามาพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เขายังคงทำตัวเช่นเดิม ท่าทางคล้ายสนใจในตัวสองพี่น้องเป็นอย่างมาก บุคลิกเช่นนี้ยังต้องคงไว้ตามเดิม ก่อนหน้านี้ก็เพราะข้ออ้างนี้มิใช่หรือถึงไปคลุกคลีตีโมงอยู่กับกวนฟางอี๋ได้?
หากเรื่องราวยังไม่ลงตัว เขาก็ไม่อาจเปิดเผยความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเขาและก่วนฟางอี๋ได้ หากปล่อยให้ลิ่งหูชิวจับได้ว่าเขาทราบฐานะตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว ก็คงดำเนินการต่อไม่ได้อีก ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่เว่ยฉูก็เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงแล้ว เขายังต้องยืมมือคนของหอจันทร์กระจ่างกำจัดเว่ยฉูทิ้ง หากเว่ยฉูไม่ตายเขาก็จะประสบปัญหาวุ่นวายภายในเขตแคว้นฉี หากออกห่างจากเมืองหลวงแห่งนี้ก็จะต้องเผชิญอันตราย
ตอนนี้คนที่มีกำลังพอจะกำจัดเว่ยฉูทิ้งได้ นอกจากหอจันทร์กระจ่างแล้ว เขาก็มองไม่เห็นคนอื่นเลย
หงฝูเอ่ยว่า “ขายหน้าเต้าเหยี่ยเสียแล้ว เห็นว่าในเรือนมีพิณอยู่จึงหยิบมาเล่นเท่านั้นเจ้าค่ะ”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ แล้วเดินเข้าไป เอ่ยเปลี่ยนประเด็น “มีข่าวจากทางพี่รองบ้างหรือไม่?”
หงซิ่วตอบว่า “เมื่อวานได้รับข่าวมาครั้งหนึ่ง ยังไม่ได้พบคนเจ้าค่ะ ส่วนข่าวของวันนี้คาดว่าคงต้องรอให้ค่ำอีกหน่อยเจ้าค่ะ”
“โอ้! ดี เช่นนั้นพวกเจ้าบรรเลงกันต่อไปเถอะ หากมีข่าวมาจากพี่รอง อย่าลืมมาแจ้งข้าด้วย”
“เจ้าค่ะ!”
หนิวโหย่วเต้าหันหลังเดินออกจากศาลา พาพวกสวี่เหล่าลิ่วจากไป
ทว่าเพิ่งจะเดินไปถึงประตูเรือน หงซิ่วก็ไล่ตามมาพลางตะโกนว่า “เต้าเหยี่ย ช้าก่อนเจ้าค่ะ!”
ทั้งกลุ่มหยุดเท้า หนิวโหย่วเต้าหันกลับไปเอ่ยถาม “มีเรื่องใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า